นงนุช สิงหเดชะ : เพื่อนสนิทแฉ “ทรัมป์” ที่แท้ “ไม่ได้ตั้งใจ” เป็นประธานาธิบดี

ความปั่นป่วนขัดแย้งในอเมริกา ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อขึ้นเป็นกิจวัตรอันเนื่องจากพฤติกรรมและคำพูดที่ไม่เหมาะสม ราวกับไม่ตระหนักว่าตัวเองอยู่ในฐานะ-ตำแหน่งอะไร จนใครๆ ส่ายหัวว่าคนแบบนี้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้อย่างไร

และทำไมเขาจึงทำให้คนอเมริกันบางส่วนรู้สึกอับอาย

อาจหาคำตอบได้จาก ฮาวเวิร์ด สเติร์น เพื่อนสนิทของทรัมป์

ฮาวเวิร์ด สเติร์น สนิทกับ โดนัลด์ ทรัมป์ มายาวนานหลายสิบปี เขาเป็นนักจัดรายการวิทยุและรายการโทรทัศน์ ซึ่งบ่อยครั้งก็เชิญทรัมป์ไปออกรายการของเขา

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สเติร์นกล่าวถึงทรัมป์ในรายการวิทยุของเขาว่า รู้สึกเป็นห่วงว่าตำแหน่งประธานาธิบดีจะทำให้สภาพจิตใจของทรัมป์ย่ำแย่แน่

เพราะทรัมป์นั้นเป็นคนที่อยากให้คนชอบ รักและเชียร์เขาอยู่ตลอด

ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้เป็นประธานาธิบดีในประเทศเสรีที่จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ตลอด

“ผมเคยบอกเขาว่าโดยส่วนตัวแล้วไม่อยากให้เขาลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากมันเป็นงานที่ยากและเขาจะไม่เป็นที่รัก ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนอ่อนไหวเรื่องอีโก้ ดังนั้น ผมเกรงว่าเขาจะไม่สามารถทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นกับผู้นำในโลกเสรี” สเติร์นระบุ

สเติร์นกล่าวถึงกรณีที่ทรัมป์เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารสั่งห้ามคนจาก 7 ชาติมุสลิมเข้าอเมริกา ที่กลายเป็นเรื่องที่ขัดแย้งใหญ่โตในอเมริกากระทั่งศาลต้องเข้ามาถ่วงดุลและมีคำพิพากษายกเลิกคำสั่งของทรัมป์ว่า เขาเชื่อว่าทรัมป์ทำไปเพราะคิดว่าประชาชนคงรักและชื่นชอบเนื่องจากเขากำลังจะกำจัดพวกก่อการร้ายออกจากประเทศ แต่เมื่อมีคนมากมายออกมาประท้วงคัดค้านทรัมป์จึงรู้สึกช็อก

ที่น่าอึ้งไปกว่านั้นก็คือสเติร์นบอกว่าเขาเชื่อว่าแท้จริงแล้วทรัมป์ไม่ได้อยากเป็นประธานาธิบดี เขาแค่เล่นสนุกเพื่อใช้เรื่องนี้ทำเงินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยให้กับรายการโชว์ชื่อ “The Apprentice” ของเขาเองทางโทรทัศน์เอ็นบีซี

“ตอนที่ทรัมป์รู้ว่าชนะเลือกตั้ง เขาแทบฉี่ราดเลย เขาเองยังคงต้องการให้ฮิลลารีชนะ ทรัมป์หวังว่าจะมีการพบว่าเกิดการฉ้อโกงเลือกตั้ง เพื่อที่เขาจะได้มอบตำแหน่งให้ฮิลลารี” สเติร์นกล่าว

หลังเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้สั่งให้มีการตั้งคณะทำงานสอบสวนว่าเกิดเหตุฉ้อโกงเลือกตั้งหรือไม่ หลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าฮิลลารีได้คะแนนเสียงจากประชาชนโดยตรงมากกว่าทรัมป์เกือบ 3 ล้านคะแนน แต่กลายเป็นว่าแพ้ทรัมป์ ซึ่งทรัมป์แก้เกี้ยวว่า 3 ล้านคนดังกล่าวน่าจะเป็นพวก “ผี” ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างผิดกฎหมายมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เพื่อนของทรัมป์เชื่อว่าการที่ทรัมป์สั่งให้สอบสวนการเลือกตั้ง น่าจะเป็นเพราะเขาอยากหาเหตุเพื่อจะได้มอบตำแหน่งให้กับฮิลลารี เพราะตัวเขาเองไม่อยากเป็น

หลังจากทรัมป์มีคำสั่งเรื่องนี้ออกมา ก็ปรากฏหลักฐานว่า สตีเฟ่น แบนนอน ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวของทรัมป์เอง กลับลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วซ้ำซ้อนกัน 2 รัฐ กล่าวคือ ลงทะเบียนใช้สิทธิที่รัฐนิวยอร์กก่อน

จากนั้นไม่นานก็ลงทะเบียนใช้สิทธิอีกที่ฟลอริดา

Donald Trump delivers a speech with his son Barron and wife Melania after he was honored with the 2,327th star on the Hollywood Walk of Fame on Hollywood Boulevard in Hollywood, CA, 16 January 2007. AFP PHOTO/GABRIEL BOUYS / AFP PHOTO / GABRIEL BOUYS

สําหรับ The Apprentice นั้น เป็นรายการเรียลิตี้ โชว์ที่ได้รับความนิยมสูงโดยมีทรัมป์เป็นผู้ดำเนินรายการตั้งแต่ปี 2004 และมีส่วนช่วยทรัมป์สร้างคะแนนนิยมและหาเสียงเมื่อเขาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม เขาทำหน้าที่เพียง 14 season หลังจากนั้นก็เปลี่ยนพิธีกรเป็นคนอื่น

ล่าสุดมี อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ อดีตดาราฮอลลีวู้ดและอดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้ดำเนินรายการ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีชื่อของทรัมป์เป็นผู้อำนวยการบริหารผลิตของรายการนี้

ซึ่งรายการ The Apprentice นี้เองที่ทำให้ทรัมป์ทำเรื่องไม่เหมาะสมในตำแหน่งประธานาธิบดีขึ้นมาอีก เมื่อเขาไปร่วมในพิธี Prayer Breakfast ซึ่งเป็นพิธีสำคัญระดับชาติและทำเป็นประเพณีมายาวนานตั้งแต่ปี 1953 และประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนต้องไปร่วม

พิธีนี้เป็นงานรวมตัวของบรรดาสมาชิกนิติบัญญัติจากทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ผู้นำศาสนาจากทั่วประเทศ เพื่อพบปะ สวดมนต์และสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

แต่มีอยู่ตอนหนึ่งเมื่อทรัมป์ขึ้นกล่าว เขากลับนำเรื่อง The Apprentice มากระแนะกระแหนอาร์โนลด์ ว่า “เรตติ้งรายการตกต่ำมาก มันเป็นหายนะโดยแท้ ผมอยากสวดมนต์ให้อาร์โนลด์ สำหรับเรตติ้งแบบนั้น”

AFP PHOTO / THOMAS SAMSON AND JEFF KOWALSKY

ทำให้อาร์โนลด์ออกมาทวีต โต้ตอบว่า “เฮ้ โดนัลด์ ผมมีความคิดเจ๋งๆ ทำไมเราไม่สลับหน้าที่กันล่ะ นายมาทำรายการทีวี เพราะนายดูจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรตติ้ง ส่วนผมจะไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีแทน เพื่อที่ว่าประชาชนจะได้นอนหลับสบายเสียที”

เรื่อง The Apprentice ก็นับว่าไม่เหมาะสมแล้ว แต่ทรัมป์ยังสามารถรักษาความด้อยมาตรฐานอย่างคงเส้นคงวา ด้วยการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมสำหรับพิธีทางศาสนาแบบนั้นอีกด้วย

โดยช่วงหนึ่งหลังจาก แบร์รี แบล็ก อนุศาสนาจารย์ ของวุฒิสภา กล่าวต่อที่ประชุมเสร็จแล้ว ทรัมป์ได้ขอบคุณและกล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าตำแหน่งอนุศาสนาจารย์นี่เป็นตำแหน่งที่ต้องแต่งตั้งหรือไม่ ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่พรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกัน แต่ผมจะแต่งตั้งให้คุณเป็นอีก 1 ปี”

แล้วก็จบท้ายประโยคว่า The hell with it.

The hell with it. นี่แหละที่เป็นปัญหา เพราะสำหรับผู้นำศาสนาเห็นว่าคำนี้เป็นคำสบถ

ความหมายของ The hell with it นั้นมีตั้งแต่ขั้นเบาซึ่งมีความหมายในทำนองว่า “ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจ” ไปจนถึงขั้นไม่สุภาพประเภทเดียวกับ f**k it.

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คนที่พูดคำนี้มักต้องการสะท้อนภาวะอารมณ์โกรธ เกรี้ยวกราด ซึ่งไม่สมควรจะพูดต่อหน้าสาธารณะหรืองานที่เป็นทางการซึ่งต้องให้เกียรติแขก

ดูท่าว่าทรัมป์นั้น ยังหลงคิดว่าตัวเองเป็นเพียงพิธีกรรายการเรียลิตี้โชว์ จึงได้ใช้คำพูดลักษณะดังกล่าว

จากคำบอกเล่าของสเติร์น เท่ากับบอกเป็นนัยว่าทรัมป์นั้น “เหมือนเด็ก” ที่ต้องการให้คนรัก เอาใจและชื่นชมอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถควบคุมตัวเองเมื่อถูกขัดใจ โลกจึงได้เห็นประธานาธิบดีอเมริกาที่ไม่ต่างจากตัวตลกระดับโลกอย่างที่เป็นอยู่