เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ /เครื่องเคียงข้างจอ อวอร์ด 62

อรุณ วัชระสวัสดิ์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ อวอร์ด 62

ธรรมเนียมอย่างหนึ่งของสังคมการสื่อสารของไทยในเวลาใกล้สิ้นปี คือ การสรุปภาพรวมของปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป หรือไม่ก็มีการตั้งฉายาต่างๆ ให้กับบุคคลที่โดดเด่น รวมทั้งมีการประกาศรางวัลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลงานในรอบปีที่ว่า

อย่ากระนั้นเลย คอลัมน์ “เครื่องเคียงข้างจอ” ก็เลยขอเกาะกระแส จัดการประกาศผลรางวัลของตนเองขึ้นมาบ้างในชื่อ รางวัล “เครื่องเคียงข้างจอ อวอร์ด ประจำปี 2562”

เป็นการแจกรางวัลให้กับ “บุคคล” หรือ “เหตุการณ์” ที่โดดเด่น ที่เป็นที่สนใจของสังคม และรับรู้ได้ถึงที่มาที่ไปของรางวัลนั้นๆ โดยคัดเลือกจากกระแสข่าวคราวต่างๆในรอบปี

มาดูว่ามีรางวัลอะไรบ้าง และผลของรางวัลนั้นๆ กันนะครับ…แอ่น แอ๊น…

 

รางวัลแรก “งงในงง ยอดเยี่ยม” ผู้ได้รับรางวัลนี้ไปคือ ” เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์”

อันนี้ดูจากพฤติกรรมการแสดงออกของคุณเธอเป็นที่ตั้ง ทั้งวิธีคิด การพูดจา การกระทำ ที่ต้องขอบอกว่า “ชวนงงงวย” เป็นที่ยิ่ง

เช่น การเลือกจับ “ประเด็น” ลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็น ก็ไม่รู้ว่าใช้กระบวนการส่วนไหนคิด อย่างการออกมาพูดตอบโต้ไปมากับเพื่อน ส.ส.ฝ่ายค้านที่บางเรื่องต้องรำพึงออกมาว่า…อะไร (วะ) หรือการพูดซัด ปธ.สภาผู้แทนราษฎร อย่างชวน หลีกภัย อย่างไม่มีความเหมาะสม

หรือการพูดตอบนักข่าวในกรณีการครอบครองที่ดินที่เป็นปัญหา เธอก็บอกว่า ได้ทำ MOU กับนักข่าวไปแล้วว่าไม่ให้ถามเรื่องนี้ เล่นเอา “โคตรงง” กันเป็นแถวว่า MOU อะไร ไป MOU กับใครเหรอ หรือกับการกระทำในการประชุมกรรมาธิการ ป.ป.ช. ที่ลากเก้าอี้ไปนั่งข้างประธานที่ประชุมอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หน้าตาเฉย

อย่างนี้ก็ “งงในงง” สิครับท่าน

 

รางวัลต่อมา รางวัล “คืนความสุขช้าที่สุดยอดเยี่ยม” ผู้ได้รับรางวัลนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นั่นเอง

โดยดูจากผลของการทำงานที่ได้มีการยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มาสู่การปกครองด้วยเผด็จการชั่วคราวตั้งแต่ปี 2557 และมีการตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้นมาดูแล ภายใต้การกำกับการของ คสช. ที่คำย่อนี้ได้ใช้ในการบ่งอีกนัยยะหนึ่งคือ “คืนความสุขให้คนทั้งชาติ” นั่นเอง

สิ่งที่ทำให้ประชาชนมั่นใจว่า “ความสุข” จะมาอย่างแน่นอน ก็ด้วยบทเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ที่แต่งโดยลุงตู่เอง และดังกรอกหูอยู่ทุกวันในช่วงนั้น ที่ขึ้นต้นเพลงว่า

“…เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน…”

โอ เยี่ยมยอดเลย ความสุขที่ทุกคนรอคอย กำลังจะได้กลับคืนมา แถมใช้เวลาอีกไม่นานเสียด้วย แต่อนิจจาเหมือนนิยายที่หักมุมตอนท้าย เพราะจนบัดนี้เวลาห่างกันจะ 6 ปีแล้ว แต่ความสุขที่ว่าจะมาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา แถมซ้ำเติมด้วยความทุกข์จากเศรษฐกิจตกต่ำ ความสามัคคีของคนในชาติบกพร่อง ทางออกของประเทศตีบตัน นักการเมืองมัวแต่เล่นเกมผลประโยชน์กัน ก็ยิ่งส่งผลต่อการทำให้ได้รับรางวัลนี้ไปอย่างมาก

ถ้าจะดีตอนเดินขึ้นไปรับรางวัล น่าจะต้องมีเพลงคลอบรรยากาศแต่เปลี่ยนเนื้อร้องใหม่เป็นว่า “…ไหนว่าทำตามสัญญา เสียเวลากว่า 5 ปี…” ด้วยนะถึงจะฟิน

 

รางวัลต่อมา รางวัล “เคลมไว ไปไว ยอดเยี่ยม” ได้แก่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

จากการกระทำของคุณธนาธรในกรณีต่างๆ ที่มาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันไร ก็มีอันให้ต้องจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน นับแต่การตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับประชาชน ซึ่งก็เคลมได้ไวมากเหลือเชื่อ เพราะผลการเลือกตั้ง พรรคสีส้มก็ส้มหล่นจากหลักคิดสัดส่วน ส.ส.ของรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่กวาด ส.ส.ไปได้ถึง 80 ที่นั่ง พระเจ้าช่วย…เคลมได้ไวมาก

แต่ก็มีอันให้สงสัยว่า อาจต้องไปไวมากเช่นกัน จากกรณีที่กำลังลุ้นอยู่ว่าจะถูบยุบพรรคหรือไม่ ซ้ำคุณธนาธรเองก็มาไวเช่นกัน โดยได้เป็น ส.ส. และปฏิบัติหน้าที่ได้แค่ 1 วันคือ วันเปิดสภา ก็หมดหน้าที่ลง เนื่องจากกรณีถือหุ้นสื่อที่มีคำสั่งศาลให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว

จะหาใคร “เคลมไว ไปไว” กว่านี้คงไม่มีแล้ว

 

รางวัลต่อมา รางวัล “กรรมตามทัน ยอดเยี่ยม” ผู้ได้รับรางวัลคือ “เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต”

สำหรับคดียิงเสือดำที่ฮือฮานั้น เจ้าสัวเปรมชัยที่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดจริง และสั่งลงโทษด้วยการจำคุก 16 เดือนไปแล้วนั้น ท่ามกลางกระแสสังคมที่รู้สึกว่า “มันน้อยเกินไป” ไม่สมกับการกระทำที่ก่อขึ้น

จนเมื่อมาถึงศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ก็ได้สั่งให้เจ้าสัวเปรมชัยจำคุกเพิ่ม เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน เรียกความรู้สึกพึงพอใจจากสังคมได้ไม่น้อย โดยระยะเวลาของการตัดสินนั้นห่างกันแค่ 9 เดือน

จึงยกให้เป็นผู้สมควรได้รับรางวัล “กรรมตามทัน ยอดเยี่ยม” ไปครอง

 

รางวัลต่อมา รางวัล “ตามไม่ทัน ยอดเยี่ยม” ได้แก่ “เหตุการณ์ “แบน 3 สารพิษ”

เป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมากกับกรณี “มติแบน 3 สารพิษ” ที่เงื้อง่ากันมานาน จนเมื่อมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่สมควรจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน จึงถูกหยิบมาพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นนโยบายในการหาเสียงด้วย วันหนึ่งผลการลงมติจากคณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องประกาศออกมาว่า “แบนแล้วจ้า” ท่ามกลางเสียงชื่นชมของคนเชียร์ และเสียงก่นด่าของคนแช่ง

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คณะกรรมการวัตถุอันตรายก็ได้มีการกลับมติใหม่ โดยให้แบนแค่ 2 สาร และเลื่อนการแบนออกไปอีก 6 เดือน อีกสารนั้นมีมติไม่แบนแต่ให้จำกัดการใช้

คนดูวงนอกแต่พร้อมจะได้รับผลกระทบอย่างเราๆ ท่านๆ ก็ถึงกับเกิดอาการ “ตามไม่ทัน” ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเล่นเป็นนินจา เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่กันอย่างนี้ล่ะ เฮ้อ ประเทศไทย

ถ้าเบื้องหลังมันเป็นเกม ต้องบอกว่าเรื่องนี้คนไทยตาดำๆ ตามเกมไม่ทันครับ ท่านผู้แทนทั้งหลาย

 

รางวัลสุดท้ายของปีนี้ ได้แก่ รางวัล “ภาพขบขัน ยอดเยี่ยม”

และภาพที่สมควรได้รับรางวัลนี้ไปอย่างยิ่งยวด ก็คือ ภาพการกอดคอร้องเพลงสรวลเสเฮฮากันอย่างชื่นมื่นของแกนนำพรรครัฐบาล ในงานเลี้ยงสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา แถมมี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางคนไปร่วมด้วย (ฮา)

ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงสมควรได้รับรางวัลนี้ไป เอาเป็นว่า นึกคิดกันเอาเองนะครับ ไม่อยากพูดมาก มันเจ็บคอ…แค้กๆ ขืนพูดมาก เดี๋ยวจะกลายเป็นอยู่ไม่เป็นไป

เอาล่ะครับ ฉบับนี้ขอลาทีปีเก่า แล้วพบกันใหม่ปีหน้า

สวัสดีปี 2563 นะครับท่านผู้อ่านทุกท่าน