การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์/รำลึกไลอ้อนคิง

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

รำลึกไลอ้อนคิง

 

ดูเดอะไลอ้อนคิงฉบับสร้างใหม่แล้ว ชวนรำลึกความหลังเมื่อไม่นานมานี้

หนังการ์ตูนเดอะไลอ้อนคิง (The Lion King) ฉบับปี 1994 เป็นหนังคลาสสิคตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัย เหตุหนึ่งเพราะหยิบเอาเรื่องสามัญที่สุดของจิตวิทยามาเล่า

นั่นคือจะสู้หรือจะถอย

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิดหรือฮากูนามาทาทา

นอกจากนี้ หนังยังประสบความสำเร็จในการส่งข่าวสารให้แก่เด็กๆ เรื่องวัฏจักรชีวิต (The Circle of Life) คือสัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก แต่ผู้ที่อยู่บนยอดสุดของห่วงโซ่อาหาร สุดท้ายก็ต้องตายแล้วร่างสลายลงสู่พื้นดินเป็นอาหารของสัตว์เล็กอยู่ดี

วัฏจักรชีวิตนี้เป็นนามธรรมมากเสียจนเดอะไลอ้อนคิงก็ไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูดไม่กี่คำ

เสียงเพลงจึงช่วยได้มาก ไพเราะมากๆ อีกต่างหาก

 

เดอะไลอ้อนคิงเป็นเรื่องเล่าทำนองเดียวกับแบมบี เล่าเรื่องลูกกวางและลูกสิงโตที่สูญเสียพ่อ-แม่ในตอนแรกเกิดก่อนที่จะเติบใหญ่ในภายหลัง หนังทั้งสองเรื่องสร้างอย่างพิถีพิถันด้วยการศึกษาท่วงท่าการเดินของสัตว์ป่าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นท่าเดินของกวางหรือสิงโตที่ถอดแบบมาจากของจริงทุกอณู ชวนให้คนดูรู้ว่ากำลังดูกวางและสิงโตจริงๆ มิใช่ดูการ์ตูน

ยิ่งไปกว่านั้น ทีมงานวาดฉากหลังคือป่าโปร่งและทุ่งหญ้าแอฟริกาได้เดินทางไปศึกษาสภาพแวดล้อมตามที่เป็นจริงหลายสัปดาห์ ทำให้เราได้หนังการ์ตูนสัตว์ป่าสองเรื่องที่ดูจริงอย่างมาก

ฉากเปิดเรื่องที่เห็นฝูงนกบินไปเหนือทุ่งหญ้า และฉากฝูงสแตมปีดนับพันวิ่งฝุ่นตลบในตอนกลางเรื่อง แม้ว่าจะสร้างด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ แต่ก็จะเป็นฉากที่งดงามในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน

ตอนที่แม่ของแบมบีตาย ลูกชายร้องไห้ ตอนที่พ่อของซิมบ้าตาย ลูกสาวร้องไห้ มันจริงมากจนกระทั่งนักวิจารณ์จำนวนหนึ่งประท้วง

 

มีนักวิจารณ์อีกจำนวนหนึ่งวิพากษ์ดิสนีย์ว่าสร้างการ์ตูนที่เชิดชูระบอบกษัตริย์ในตอนปลายศตวรรษที่ 20 ออกมาได้อย่างไร

ซึ่งดิสนีย์เองก็เห็นเป็นสาระที่จะพูดคุยด้วยการชี้ให้เห็นว่านี่มิใช่การ์ตูนที่เล่าเรื่องการทวงบัลลังก์ แต่เล่าเรื่องความรับผิดชอบ ซิมบ้าเป็นคนไม่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวในตอนแรกก่อนที่จะแปรเปลี่ยนในภายหลัง

ดิสนีย์เล่าเรื่องเด็กกำพร้าบ่อยครั้ง เด็กกำพร้านั้นได้รับการเลี้ยงดูโดยใครบางคนที่บังเอิญผ่านมา ซิมบ้าก็เช่นกัน เขาได้รับการปกป้องและคุ้มครองโดยสองสหายทีโมนและพุมบ้า ก่อนที่ตัวเขาเองจะเติบใหญ่เป็นสิงโตหนุ่มที่ต้องทำหน้าที่คุ้มครองสองสหายเสียเอง

ข่าวสารที่ดิสนีย์ส่งออกมาในหนังการ์ตูนเช่นนี้มีหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องแรกๆ เช่น สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด

คนแคระทำหน้าที่เสมือนพ่อบุญธรรมคอยดูแลสโนว์ไวต์ก่อนที่สโนว์ไวต์จะสลับบทบาทกลายเป็นแม่ที่คอยกำชับให้พวกเขาถูหลังหูตอนอาบน้ำในวันต่อมา

มูฟาซาพ่อของซิมบ้าให้เสียงโดยเจมส์ เอิร์ล โจนส์ เสียงทุ้มก้องกังวานเข้ากันได้กับรูปร่างและแผงคอสีส้มของราชสีห์ รูปวาดของมูฟาซาใหญ่โตเกินจริงเมื่อเราดูเขาด้วยสายตาของสิงห์น้อยซิมบ้า เขามิใช่เป็นแค่พ่อแต่เป็นราชาสมบูรณ์แบบ

“ทุกสิ่งที่แสงแตะถึง คืออาณาจักรของเรา” ราชาพูดกับบุตรชาย “ช่วงเวลาที่ราชาปกครองขึ้นลงเหมือนดวงอาทิตย์ วันหนึ่งเวลาของพ่อก็จะหมดลงตามแสงอาทิตย์ แล้วจะเป็นเวลาของเจ้าเมื่ออาทิตย์ขึ้น”

“ทุกสิ่งที่แสงแตะถึง” คำพูดนี้เหมือนเป็นนัยว่ามูฟาซาเป็นจ้าวโลก แต่ไม่ใช่

“แล้วเงามืดตรงนั้นล่ะฮะ” ซิมบ้าถาม

“ตรงนั้นอยู่นอกอาณาเขตของเรา เจ้าต้องไม่ไปตรงนั้น” มูฟาซาสั่ง

“ผมคิดว่าราชาทำได้ทุกอย่างที่ต้องการเสียอีก”

นี่คือบทสนทนาที่ครอบคลุมเรื่องราวทั้งหมดของหนัง นั่นคือราชาต้องมีความรับผิดชอบและราชามิได้ครอบครองทุกสิ่ง ราชาที่แท้คอยรักษาสมดุลของทุกสิ่ง

“แต่เรากินกวางไม่ใช่หรือฮะ”

“ใช่ ซิมบ้า เมื่อเราตายร่างของเราจะกลายเป็นหญ้า แล้วกวางก็กินหญ้า พวกเราทั้งหมดเชื่อมต่อกันด้วยวัฏจักรชีวิตอันยิ่งใหญ่”

 

เดอะไลอ้อนคิงได้รับการวิพากษ์ตั้งแต่แรกว่าเป็นแฮมเล็ตภาคการ์ตูน ไม่เพียงเรื่องน้องชายฆ่าพี่ชายแล้วแย่งพี่สะใภ้ไปครอง ตอกย้ำด้วยฉากที่มูฟาซาคุยกับซิมบ้าในตอนท้าย

“ซิมบ้า เจ้าลืมข้า”

“เปล่า ข้าจะลืมได้อย่างไร”

“เจ้าลืมไปแล้วว่าเจ้าเป็นใคร ดังนั้น เจ้าลืมข้า มองดูด้านในของตนเอง เจ้าเป็นมากกว่าที่เป็น เจ้าต้องยืนหยัดที่ตำแหน่งของเจ้าในวัฏจักรชีวิต”

“ข้าจะกลับไปได้อย่างไร ข้าไม่ใช่คนที่ข้าเคยเป็นแล้ว”

ซึ่งในชีวิตจริงมิได้ง่ายเหมือนในหนังการ์ตูนเลย ซิมบ้าจะกลับไปทวงบัลลังก์คืนได้อย่างไร ถ้าตัวเองยังรักสบายฮากูนามาทาทาอยู่ทั้งวัน

 

ผู้ร้ายของเรื่องคือสการ์ ให้เสียงโดยเจเรมี ไออ้อน ซึ่งมีเสียงร้ายกาจชวนสยองได้ทุกเมื่อที่ต้องการ สการ์ตัวผอมกว่ามูฟาซาพี่ชายและผอมกว่าซิมบ้าเมื่อเติบใหญ่ เขามีขนคอสีดำ ตัวสีน้ำตาลเข้ม และดวงตาเป็นมุมแหลมมากกว่า อย่างไรก็ตาม เขาตัวเล็ก เราจึงได้เห็นฉากเงามหึมาของเขาทาบบนผนังหินในขบวนสวนสนามของกองทัพฟาสซิสต์ไฮยีน่า

ความน่าเกรงขามของเขาจึงเป็นเพียงภาพลวงตา

สการ์หลอกลวงซิมบ้าถึงสองครั้งโดยอาศัยความไว้ใจที่หลานมีให้ ครั้งแรกเพื่อทำให้เขาฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อรุกล้ำเข้าไปในสุสานช้าง อีกครั้งหนึ่งเพื่อใช้เขาเป็นเหยื่อล่อให้มูฟาซามาตายกลางฝูงสแตมปีด ความร้ายกาจของเขาจึงมิใช่พละกำลัง แต่เป็นวาจาที่ใช้บงการ (manipulate) ผู้คน

แล้วสการ์ก็ตายด้วยวาจา เขาพูดจากล่าวร้ายไฮยีน่าว่าคือผู้ร้ายที่แท้จริงในฉากขอชีวิตซิมบ้า แม้ว่าซิมบ้าจะปล่อยเขาไป แต่ไฮยีน่าร้ายกาจสามตัวที่ฟังการสนทนาอยู่ด้วยไม่ปล่อย

เป็นหนังการ์ตูนที่ไม่การ์ตูนจริงๆ