E-DUANG : ทหารประชาธิปไตย เฉลิมชัย สิทธิสาท

ในบรรยากาศแห่งการประจันหน้าระหว่างกองกำลัง”ดีเอสไอ”กับมวลชน”ธรรมกาย”ขณะนี้

การยกคำว่า “การเมืองนำการทหาร”ขึ้นมา

อาจเป็นเรื่องแปลก แปร่ง และอาจถึงขั้นผิดกาละ ผิดเทศะ ไปเลย

อย่างน้อย “ตำรวจ”กว่า 3,000 คน คงไม่เห็นด้วย

อย่างน้อย “กัลยาณมิตร” ที่สะพายย่ามเดินอยู่บริเวณพื้นที่ริมคลองแอน คงไม่เห็นด้วย

เพราะมีลักษณะ “ประจันหน้า” อย่างเด่นชัด

สถานการณ์นับแต่มีการประกาศใช้”มาตรา 44″กลางดึกของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์

เท่ากับเลย “การเมืองนำการทหาร”ไปแล้ว

ยิ่งรับฟังเสียงแต่ละเสียงอันดังมาจาก “ดีเอสไอ” ประสานเข้า กับ “ตำรวจ” ยิ่งมากด้วยความร้อนแรง

แต่ก็ยังมีเสียงเย็น-เย็นมาจาก”ทหาร”

 

ต้องยอมรับว่าการขึ้นเป็น”ผบ.ทบ.”ของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ดำเนินไปท่ามกลางความเป็นแปลกใจ

เนื่องจากมิใช่ “บูรพาพยัคฆ์”

เพราะว่านับแต่หลังยุค พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นต้นมาถือได้ว่าเป็นการเติบใหญ่ของทหารจากกองพลทหารราบที่ 2 มหาดเล็กรักษาพระองค์

นั่นก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นั่นก็คือ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช

แต่แล้วในเดือนตุลาคม 2559 กลายเป็น พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิ สาท ซึ่งมาจาก”รบพิเศษ”

จาก”ลพบุรี”ไม่ใช่”ปราจีนบุรี”

ท่วงทำนองของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จึงเอนไปทาง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เอนไปทาง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน

แม้กระทั่งในสถานการณ์ “ธรรมกาย”

 

ความโน้มเอียงอันเด่นชัดยิ่งจากสถานการณ์”ธรรมกาย” คือความโน้มเอียงไปทาง “การทหารนำการเมือง”

กระนั้น ก็ยังอุตส่าห์มี “การเมืองนำการทหาร”

เป็นเสียงจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.และเลขาธิการ คสช.

หลักใหญ่ยังเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ”รัฐบาล”

แต่ข้อเสนอแนะบางอย่างอันมาจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ก็เตือนให้ตระหนักในความเป็นจริงอีกด้าน

ว่า นี่เป็นเรื่องของ “คนไทยด้วยกัน”

ว่า นี่มิได้เป็นเรื่องของสงคราม เพราะว่า”วัด”มิได้เป็นฐานที่ตั้งทาง “ทหาร”อย่างน้อยก็เป็นสถาน”ปฏิบิตธรรม”

ไม่มีใครรู้ว่าเสียงเตือนอันมาจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท จะมีความหมายหรือไม่ เพราะวันที่ 22 กุมภาพันธ์อาจเป็น”ดีเดย์”