โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง/เราได้อะไรจากภาษีอากร

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

เราได้อะไรจากภาษีอากร

 

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนจ่ายภาษีอากรจากการทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงตลอดชีวิต ก็อดไม่ได้ที่จะคิดบ่อยๆ ว่าภาษีอากรที่จ่ายไปนั้น เราได้อะไรกลับคืนมาบ้าง

นอกจากที่เห็นชัดๆ คือบรรดาสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนนหนทางและการรักษาพยาบาลซึ่งนับว่าประเทศเรานี้ก้าวหน้ามาก และประชาชนได้รับประโยชน์ค่อนข้างจะทั่วถึง

คำว่าเราจ่ายภาษีอากรแล้วไปไหนมักผุดขึ้นมาในเชิงลบ เมื่อเจอเรื่องนักการเมืองคอร์รัปชั่น เจ้าหน้าที่รัฐเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือย

เช่น ไปดูงานต่างประเทศ มีการจัดงานฟู่ฟ่าหรูหราเพื่อสนองสถานะ ผดุงเกียรติยศของคนที่มีบารมี เป็นต้น

แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เราได้จากภาษีอากรก็มีเยอะแยะมากมาย อยู่ที่ว่าเราได้ไปใช้ประโยชน์หรือเปล่า

อย่างเช่น การเดินทางท่องเที่ยว เราก็ได้ประโยชน์จากถนนหนทางที่เรียกได้ว่าไปสุดเหนือใต้ออกตกได้ทั่วถึง

ยิ่งคุณท่องเที่ยวมากเท่าไหร่คุณก็ได้ใช้ประโยชน์จากภาษีอากรมากขึ้นผ่านถนนหนทางต่างๆ

อีกอย่างที่เกิดจากภาษีอากรของเราแต่คนจำนวนน้อยได้ใช้ประโยชน์คือพื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะนั่นเอง พื้นที่สีเขียวนี้เป็นปอดของเมืองทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่ใช้ประโยชน์น้อยก็เป็นเพราะคนเมืองที่เรียกว่า urban คนเมืองในที่นี้รวมถึงเขตเมืองในจังหวัดใหญ่ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ อุบลราชธานี ขอนแก่น หาดใหญ่ ที่ดูไปแล้วก็มักจะใช้เวลาในศูนย์การค้ากันมากกว่า

สวนรถไฟหรือสวนวชิรเบญจทัศน์ เป็นสวนกลางเมืองติดกับสวนจตุจักรที่มีผู้คนไปใช้ประโยชน์ค่อนข้างหนาตา ผู้เขียนไม่ได้พูดถึงสวนขนาดใหญ่อย่างสวนหลวง ร.9 ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีประชาชนใช้ประโยชน์มากเช่นเดียวกัน เพราะไม่เคยไป

รวมทั้งพื้นที่สีเขียวที่เรียกว่าบางกะเจ้าที่นิตยสารไทม์สยกให้เป็นป่ากลางเมืองใหญ่ที่สุดในเอเชีย (The Best Urban Oasis of Asia) ที่ไม่ได้ไปเหมือนกันเพราะไม่ใช่คนขี่จักรยาน

ผู้เขียนเคยไปสวนวชิรเบญจทัศในเวลาเย็นของวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปรากฏว่ามีแรงงานต่างชาติพม่า ลาว เขมร พากันมาปูเสื่อปิกนิกกันเอิกเกริก

และเมื่อเดินเข้าไปใช้ห้องน้ำที่สวนนี้ก็ได้พบว่าบัดนี้มีคำแนะนำวิธีใช้เป็นภาษาพม่าอยู่ด้วย

นี่แสดงว่าสาธารณูปโภคจากภาษีอากรของเราก็มีต่างชาติมาช่วยใช้ด้วย

เหมือนกับโรงพยาบาลที่ทันสมัยในประเทศเราก็มีแรงงานต่างชาติมาใช้ประโยชน์หนาตาเช่นกัน

ผู้เขียนมักบอกใครๆ เสมอว่าโชคดีที่บ้านอยู่ใกล้สวนวชิรเบญจทัศ เพราะสวนนี้เคยเป็นสนามกอล์ฟ ต้องขอบคุณใครก็ตามที่ยกสวนนี้ให้เป็นของประชาชน

และด้วยเหตุที่เคยเป็นสนามกอล์ฟจึงทำให้ภูมิทัศน์เร้าใจด้วยพื้นที่สูงต่ำ มีบึงน้ำใหญ่ มีพื้นที่ขี่จักรยานโดยรอบ

และด้วยเหตุที่มีพื้นที่ขี่จักรยานจึงทำให้ครอบครัวรุ่นหนุ่มสาวมาชุมนุมกันพาเจ้าตัวน้อยมาขี่จักรยาน มองไปมีความชื่นบาน

เมื่อไม่นานมานี้มีการจัดทำทางจักรยานชัดเจน และเมื่อผู้เขียนไปที่สวนนี้ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็พบว่ามีสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นมา คือทางเดินแยกจากทางหลักเข้าไปด้านข้างในบึงน้ำ ทางเดินนี้สานด้วยไม้ไผ่ประณีตสวยงาม ชวนให้นึกถึงทางเดินที่พาเราเข้าไปในทุ่งโล่งกว้างอากาศบริสุทธิ์ที่แม่ฮ่องสอน

เป็นทางเดินแบบธรรมชาติ ให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง ทางเดินนี้ลดเลี้ยว ไปสิ้นสุดที่บึงน้ำ

ตลอดทางมีการถมที่เป็นหย่อมๆ และวางกระถางบัวหลากสี ให้คนเดินได้หยุดสายตาชื่นชม

การปรับปรุงสร้างสรรค์งอกเงยและงอกงามให้คนเดินสวนได้เจอสิ่งใหม่ๆ นอกจากกิจกรรมเดิมๆ อย่างนี้เรียกว่าคุ้มกับภาษีอากรที่อุตส่าห์เสียไป

กิจกรรมเดิมๆ อันที่จริงก็มีหลากหลาย เริ่มจากการออกกำลังกายกลางแจ้งด้วยเครื่องออกกำลังกายต่างๆ สำหรับการยืดเหยียดร่างกาย ทั้งแบบของเด็กและของผู้ใหญ่ กิจกรรมขี่จักรยานที่พูดได้ว่าที่นี่มีครบครันที่สุด

เพราะมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่ที่มุมนอกเขตสวนมีทั้งจักรยานเด็กและผู้ใหญ่

วันดีคืนดีก็มีร้านเครื่องแต่งตัวและอุปกรณ์จักรยานมาจำหน่ายที่หน้าประตูทางเข้าเสียอีก แก่การค้าไปหน่อย รกหูรกตาไปหน่อย แต่ก็เอาเถอะค่ะ คนไทยชอบความสะดวก ยิ่งสะดวกเท่าใดก็ยิ่งชอบ

ทางเดินสำหรับเดินและวิ่งก็มีรอบสวน หนึ่งรอบประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วแต่ว่าจะเป็นรอบไหน มีทั้งรอบสั้นที่เลี้ยวไปตามทางต่างๆ และวกกลับมาได้ หรือรอบยาวที่อยู่ด้านนอก

สิ่งที่ผู้เขียนชอบคือความร่มรื่นตลอดทางเดิน สลับกับบ่อน้ำใหญ่ที่ทำให้ไม่เบื่อ

ที่นี่ยังมีสวนผีเสื้อ เมืองจราจรของโตโยต้า ให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศ

เป็นสวนที่มีชีวิตชีวาและภูมิทัศน์สวยงาม แม้ว่าจะไม่ได้ต้อนรับคนรวยๆ และทำให้มันได้ชื่อว่าเป็นของคนทุกชนชั้นเหมือนเซ็นทรัลพาร์กของนิวยอร์กก็ตาม

แต่ก็ไม่แน่นะคะ ถ้าเมื่อไหร่กรุงเทพฯ ได้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีวิสัยทัศน์ใหม่ๆ อาจจะมีเวทีคอนเสิร์ตผุดขึ้นมาก็ได้ หากจัดผังดีๆ ก็น่าจะเป็นไปได้

นอกเหนือไปจากกิจกรรมธรรมะที่มีสวนโมกข์กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของสวน

ที่นี่คือ “บ้าน” ของผู้ใฝ่ธรรมะ นับว่าเป็นอีกมิติหนึ่งของสวนรถไฟที่คุ้มกับ “ภาษี” ที่เราได้จ่ายไป

น่าเสียดายที่คนชั้นกลางบางคนยังไม่รู้จักสวนโมกข์กรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ

สิ่งที่มาเติมเต็มกับไลฟ์สไตล์ของคนกรุงที่มาที่นี่ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ

ส่วนของตลาดนัดตั้งอยู่นอกสวน ด้านหน้าที่เช่าจักรยาน มีสินค้าหลากหลายทั้งผัก-ผลไม้ อาหารสำเร็จ เครื่องดื่ม ไปจนถึงอาหารทะเล ของกินเล่นต่างๆ

ที่ดีก็คือเจ้าของสินค้าส่วนใหญ่นำมาจากสวนเอง

บรรยากาศการซื้อขายจึงเป็นกันเอง มีสินค้าไม่มาก ดูไปก็เป็นสินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนออกกำลังกายทีเดียว

นี่ละค่ะ หนึ่งในสิ่งดีๆ ที่ภาษีของเราบันดาลให้ ใครไม่มาใช้ก็เท่ากับจ่ายภาษีเปล่านะคะ