ภาพยนตร์ /นพมาส แววหงส์ /DOCTOR SLEEP ‘ไชน์’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

DOCTOR SLEEP
‘ไชน์’

กำกับการแสดง Mike Flanagan
นำแสดง Ewan McGregor Rebecca Ferguson Kyliegh Curran Cliff Curtis
Zahn McClarnon

สามสิบเก้าปีหลังจากที่สแตนลีย์ คิวบริก ทำหนังเรื่อง The Shining (1980) จากปลายปากกาของสตีเฟ่น คิง ราชาแห่งนวนิยายสยองขวัญอมตนิรันดร์กาล กลายเป็นหนังที่นักเขียนเรื่องดั้งเดิมมีความเห็นแตกต่างจากผู้สร้างหนังอย่างรุนแรงที่สุดเรื่องหนึ่ง นับแต่การเลือกนักแสดงมารับบทนำ การสร้างแคแร็กเตอร์และการนำเสนอมุมมองของเรื่องราวที่แปลกแยกไปจากเนื้อหาดั้งเดิม
ความเห็นที่แตกต่างนั้นน่าจะมาจากการที่นักเขียนนวนิยายถือว่าตัวละครหลักในเรื่องเป็นเหมือนอัตตชีวประวัติของเขาเอง และการนำเสนอของหนังนั้นไม่ตรงตามภาพที่นักเขียนต้องการเล่าเรื่อง
ขณะที่สตีเฟ่น คิง ยังครองบัลลังก์ของนักเขียนผู้มีผลงานที่ถูกนำมาทำเป็นหนังมากที่สุด แต่หนังเรื่อง The Shining ก็ได้ขึ้นหิ้งหนังคลาสสิคแนวสยองขวัญไปอย่างเต็มภาคภูมิ
ทำให้ใบหน้าอันบ้าคลั่งของแจ็ก นิโคลสัน ที่โผล่จากรอยแตกของบานประตู กลายเป็นภาพที่ติดตาแฟนหนังสยองขวัญแบบยากจะลืมเลือน
จากนวนิยายชื่อเดียวกันจากปลายปากกาของสตีเฟ่น คิง Doctor Sleep เล่าเรื่องราวของตัวละครที่รอดชีวิตมาจากเรื่องราวความสยองขวัญใน The Shining
ดูหนังแล้วเลยต้องกลับไปดู The Shining อีกหนเพื่อทบทวนความจำอีกหลังจากเวลาผ่านไปเกือบสี่สิบปี เนื่องจากยังมีภาพติดตาจากหนังเรื่องเดิมปรากฏอยู่หลายฉากหลายตอน

สรุปย่อๆ เพื่อประโยชน์ของคนที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องเดิมมาก่อนว่า The Shining เป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายชื่อ แดน ทอร์แรนซ์ ซึ่งมีพลังจิตแบบที่เรียกว่า “ไชน์” ในฤดูหนาวปีหนึ่ง พ่อของแดนได้รับการว่าจ้างให้ไปดูแลโรงแรมที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเทือกเขาหนาวเย็นในรัฐโคโรลาโด ซึ่งปิดทำการระหว่างฤดูหนาวเนื่องจากการคมนาคมถูกตัดขาด
แจ็ก ทอร์แรนซ์ (แจ็ก นิโคลสัน) เป็นนักเขียนที่ต้องการบรรยากาศอันเงียบสงบโดยไม่มีใครรบกวนอยู่แล้ว เขาจึงตกลงรับงานนั้น และไปดูแลโรงแรมอันโอ่อ่าแต่โดดเดี่ยวแห่งนั้นพร้อมกับภรรยาและลูกชาย ท่ามกลางประวัติอันน่าขนลุกของโรงแรมซึ่งเกิดฆาตกรรมหลายศพในปีที่ผ่านมา
หลายปีผ่านไป หนูน้อยแดนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างยากจะเยียวยา แดน (ยวน แม็กเกรเกอร์) หันไปหาเหล้าเพื่อย้อมใจให้ลืม และมีปัญหาเรื่องการติดสุราเรื้อรัง เขาพยายามบำบัดและสร้างชีวิตใหม่ให้ตัวเอง โดยใช้ “ไชน์” ของตัวช่วยผู้อื่นด้วยการทำงานในโรงพยาบาลและช่วยผู้ป่วยในบั้นปลายชีวิตก้าวผ่านความตายไปสู่การนอนหลับยาวนาน
ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาว่า ‘Doctor Sleep’ ตามชื่อหนัง

ไกลออกไปคนละฝั่งทวีป กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า The True Knot มีพฤติกรรมลัทธิอันชวนสยดสยองแบบลัทธิ ด้วยการลักพาตัวเด็กชายหญิงที่ตกเป็นเป้าหมายไปสังหารอย่างทารุณ
พวกทรูน็อตมีผู้นำคือ โรส เดอะ แฮ็ต (รีเบกกา เฟอร์กูสัน) ผู้มีพลังจิตแกร่งกล้า กลุ่มคนพวกนี้มีชีวิตยืนยาวโดยรับพลังชีวิตหรือ “ละอองไอ” ที่เป็นไชน์จากเด็กที่ถูกล่อลวงไป จากถ้อยคำของตัวละคร ดูเหมือนว่าคนพวกนี้หลายคนมีชีวิตยืนยงคงกะพันมายาวนานผ่านกาลเวลามานับพันๆ ปีแล้ว
ตราบใดที่ได้สูดพลังจิตจากเหยื่อ ยิ่งเหยื่อกรีดร้องด้วยความกลัวและเจ็บปวดก็จะยิ่งปล่อยละอองไอที่มีพลังมากขึ้น
จวบจนพลังจิตอันแก่กล้าของเด็กหญิงคนหนึ่ง ‘ไชน์’ ไปไกลแสนไกลจนได้ค้นพบฆาตกรรมอันทารุณของลัทธินี้เข้า
เด็กหญิงคนนั้นชื่อ แอ็บรา (ไคลีย์ เคอร์รัน) ชื่อของเธอได้มาจากคำแรกของคาถาที่ใช้เสกอะไรๆ ขึ้นมาแบบที่เราท่านทั้งหลายคงคุ้นหูอยู่บ้างแล้ว คือวลีว่า abra cadabra เนื่องจากในวัยเด็กเธอเคยใช้พลังจิตเคลื่อนไหววัตถุได้เหมือนการใช้เวทมนตร์
แอ็บราใช้พลังจิตทักทายติดต่อฉันมิตรอยู่กับแดนผ่านทางผนังห้องนอนของเขาอยู่แล้ว จนเหมือนกับเป็นเพื่อนทางจดหมายกัน วันหนึ่งเธอส่งข้อความเป็นตัวหนังสือกลับด้าน อย่างที่เคยปรากฏในหนังเรื่องดั้งเดิม เป็นคำว่า REDRUM ซึ่งจะอ่านได้ความหมายจากเงาสะท้อนในกระจก เมื่อเขาถามกลับไปว่า “ใคร” คำตอบที่เขียนกลับมาคือ “เด็กผู้ชายที่เล่นเบสบอล”
และเธอติดต่อกับแดนเพื่อขอความช่วยเหลือของเขาให้ไปนำถุงมือเบสบอลที่ถูกฝังอยู่มาให้ เพื่อเธอจะได้ใช้พลังจิตตามหาตัวฆาตกรได้
ในขณะที่แอ็บราเองก็ตกเป็นเป้าหมายของการถูกตามหาตัวเหมือนกัน
ในเหตุการณ์สังหารเด็กผู้ชายที่เล่นเบสบอล โรสก็รู้สึกได้ว่ามี “คนมอง” อยู่ และส่งพลังจิตข้ามระยะทางตามไปจนได้ตระหนักว่าแอ็บรามีพลังจิตแก่กล้าขนาดที่จะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเธอและกลุ่มทรูน็อต
ในที่สุด แอ็บรากับแดนก็ร่วมมือกันต่อกรกับลัทธิอำมหิตนี้ โดยพาเรากลับไปสู่บรรยากาศอันน่าสยดสยองดั้งเดิมที่อยู่ในหนัง The Shining
นั่นคือโรงแรมที่บัดนี้กลายเป็นโรงแรมร้างและมีเรื่องราวฆาตกรรมเกิดขึ้นมากมาย ณ ที่นี้
หนังช่วงสุดท้ายพาเราไปสู่การรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตกลับมาอีกครั้ง

ภาพและองค์ประกอบต่างๆ ที่เคยอยู่ในหนังของสแตนลีย์ คิวบริก ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อต่อกรกับตัวละครชั่วร้ายตัวใหม่ในเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศชวนขนลุกของโรงแรม เดอะ โอเวอร์ลุก…
ทางเดินปูพรมวกวนที่หนูน้อยแดนเคยถีบรถสามล้อไปทั่ว…
ห้องเลขที่ 231 อันลึกลับและชวนพิศวง…
หญิงชราเปลือยร่างในอ่างอาบน้ำ…
เด็กผู้หญิงฝาแฝดในชุดเสื้อกระโปรงสีฟ้า…
ธารเลือดที่ไหลล้นจากกำแพงห้องมาท่วมท้นทางเดินในโรงแรม…
ขวานด้ามใหญ่ที่เคยเป็นอาวุธคุกคามและสังหาร…
รวมทั้ง “เขาวงกต” นอกตัวโรงแรม ที่วกวนซับซ้อน…
ทั้งหมดเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างหนังเรื่องดั้งเดิมกับหนังที่ตามต่อมา โดยมีระยะเวลากั้นกลางถึงสามสิบเก้าปี
หนังเรื่องปัจจุบันยังคงลักษณะตอนจบของหนังสยองขวัญ โดยมีตอนจบแบบชวนพิศวงทิ้งท้ายไว้ให้คิดต่อและตีความ ในทำนองเดียวกับหนังต้นเรื่อง ซึ่งจบลงด้วยภาพที่ดึงเข้าไปสู่รูปถ่ายในอดีตก่อนหน้านั้นหกสิบปี ซึ่งมีผู้ชายหน้าตาเหมือนแจ็ก นิโคลสัน ถ่ายรูปร่วมกับคนกลุ่มใหญ่
หนังเรื่องปัจจุบันมีตัวร้ายที่สวยสดและร้ายกาจแบบโดนใจมากเลย นี่เป็นบทบาทที่ดีที่สุดที่เคยเห็นจากรีเบกกา เฟอร์กูสัน ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ใช่มีแค่รูปโฉมอันสวยสดงดงามเท่านั้น แต่ยังสวมใส่จิตวิญญาณของตัวละครตัวร้ายได้อย่างสมศักดิ์ศรี
สนุกดีค่ะ ไม่ได้ผิดหวังเลยเมื่อเทียบกับหนังคลาสสิคเรื่องดั้งเดิม