เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ : “เพื่อนหนุ่ม” ละแวกถนนเฟื่องนคร

สุวรรณี สุคนธา - ช่วง มูลพินิจ

ชาวศิลปากรในยุคนั้นมีถิ่นฐานประจำคือ “ละแวกหน้าพระลาน” เมื่อมาทำหนังสือ “เดือนมีนามสกุล” ขณะที่กลุ่มหนุ่มเหน้าสาวสวย และชาวช่อฟ้าปักหลักที่โรงพิมพ์ละแวกถนนเฟื่องนคร อันเป็นถิ่นฐานของโรงพิมพ์รุ่นเก่าที่มีสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์เมื่อก่อน “รงค์ วงษ์สวรรค์ จึงตัดสินใจใช้โรงพิมพ์ละแวกเดียวกันนั้นเป็นสำนักงานและใช้ชื่อ “เฟื่องนคร” เป็นชื่อนำ

(น่าจะเรียกว่า บทบรรณาธิการ) “รงค์ วงษ์สวรรค์ บันทึกไว้บนหน้าแรกของ “พฤษภาคม อุไร” ว่า

เฟื่องนคร / อัธยาศัยของ พฤษภาคม นั้นคงละม้ายกับ เมษายน ร้อนเจียนคลั่ง ลมหน่ายรำเพย และเป็นเดือนที่แม้แต่ใบไม้จะรู้สึกเศร้าระทม ในบางช่วงของวันเรามีความรู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางดง – ดงภูเขา – เบียดเสียดและแห้งผาก แกร่งและร้อน มันเป็นความรู้สึกทรมานราวโดนขังไว้ในกรงหิน โดยตรึงไว้ในลักษณะของการลงโทษ – นักโทษแห่งความร้อน เราอาจจะล้มลงสิ้นใจถ้าไม่มองเห็นปีกของนกกวัดไกวบนฟ้าสีน้ำเงินนวลอร่าม และเกลียวน้ำบิดผันอยู่ในลำธารเบื้องลึกของหุบเหว

เรารู้สึกชื่นในหัวใจเกรียมบ้าง และมีความหวัง

และวันนั้น – เราบังเอิญได้พบกันในละแวกถนนเฟื่องนคร ในร้านเหล้าริมถนน การแก้แค้นความร้อนพลันหล่นลงในความคิดอลหม่าน

หอมกลิ่นเกสรบัว และมะลิฉัตร

กาฝากแฝงบนกิ่งมะม่วง

กำแพงโบสถ์

คนขายไม้กวาดแวะเข้ามากินเหล้ายี่สิบแปด

ผู้หญิงเยื้องสะโพกผ่านไปในขณะที่ความมืดคลี่ผืนลงห่มกรุงเทพฯ

ข้าวราดแกงขี้เหล็กกับเนื้อย่าง

ร้องไห้ของเด็กหลงทาง

และยิ้มเปื้อนบนใบหน้าของคนที่มีนัดกับโสเภณีทางโทรศัพท์ในโมเทล และ ฯลฯ นั้นคือดนตรีบรรเลงกล่อมละครชีวิต

จากนั้นอีกหลายย่อหน้า “รงค์ บรรยายถึงสารบัญบุคคลนักเขียนประจำฉบับแรก ถึงความเป็นมาเป็นไปของผู้เขียนและการได้มาซึ่งต้นฉบับ สนุกเท่ากับอ่านคอลัมน์สำนวนเพรียวนมของเขาแท้เทียว

กระทั่งถึงย่อหนสุดท้ายของ พฤษภาคม อุไร

รบกวนเวลาผู้อ่านหลายนาฑีแล้ว หมายใจว่าท่านจะได้รับความบันเทิงอันมีรสนิยมวิไลในฤดูร้อนนี้ตามเจตนาของเรา และแม้ว่าเราจะมีความรู้สึกเหมือนเต้นรำอะโกโก้ในทำนองโสมส่องแสง

พฤษภาคม อุไร

เฟื่องนคร

ในปกหลัง เป็นภาพเขียน และตราปลาตะเพียน กับชื่อ พฤษภาคม อุไร พร้อมแจ้งว่า

ถ้ายังไม่สิ้นแรงดาลใจ “รงค์ วงษ์สวรรค์ กับเพื่อนหนุ่มแห่งละแวกถนนเฟื่องนคร ยินดีเสนอวารสารในลักขณานี้อีกเป็นแน่นอน

ราคาหนังสือขนาด 16 หน้ายก เกือบ 20 ยก หนากว่าครึ่งนิ้วฟุต ไม่บอกเลขหน้า ราคา 7 บาท ถูกหรือแพงไม่ทราบได้ พิมพ์สี่สีเป็นบางหน้า ยุคนั้นยังอยู่ในห้วงของ “ฮิปปี้” “รงค์ วงษ์สวรรค์ เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกาไม่นาน เขามีหนังสือติดมือมาไม่น้อย หนังสือเหล่านั้นมีทั้งภาพเขียน เรื่อง แน่นอน ยังไม่ได้แปล และการ์ตูนสนุก ทำให้ “รงค์ มีต้นฉบับทั้งที่เป็นภาพและเป็นเรื่องไม่น้อย

ยุคนั้นประเทศไทยยังไม่พูดถึงลิขสิทธิ์ ทั้งที่รู้ว่ากฎหมายลิขสิทธิ์คืออะไร ดังนั้น เมื่อนำเรื่องและภาพมาลงตีพิมพ์ ยังมีบอกว่านำมาจากที่ไหน ด้วยมารยาทและเคารพในสมบัติของนักเขียนด้วยกัน

มิถุนายน เล่มสอง หน้าปกยังมีลักษณะเป็นแถบสี มีตราปลาตะเพียนบนมุมปกด้านซ้าย นัยว่าเป็นสัญลักษณ์ – เครื่องหมายการค้า ชื่อหนังสือ มิถุนายน มณี

ชื่อนักเขียนบนปกมีนักเขียนเพิ่มอีก 2 คน แทนนักเขียนฉบับที่แล้ว 2 คน คือ อาจินต์ ปัญจพรรค์ มีลายมือเป็นสัญลักษณ์เช่นเดียวกับ คึกฤทธิ์ ปราโมช และ สุวรรณี สุคนธา ที่ “รงค์ วงษ์สวรรค์ บรรยายว่า

สุวรรณี สุคนธา เรื่องสั้นของหล่อน – งูร้องไห้ดอกไม้ยิ้ม แน่ใจได้ว่าหนังสือปกอ่อนรวมงานเรื่องสั้นของหล่อน (กำลังตรวจทานต้นฉบับ) จะให้ชื่อเดียวกันนั้น ฟังสยิวซ่านและโรแมนติกเหมือนอารมณ์ที่หล่อนบรรเลงบนหน้ากระดาษเรื่องสั้น (ใช่ – เรื่องสั้น)

งูร้องไห้ดอกไม้ยิ้ม

หนุ่มหลายคนพยายามสรุปว่าความสำเร็จของหล่อนเนื่องจาก

1. เป็นม่าย

2. ไม่มีความรักครั้งสุดท้าย

ใช่หรือ? คงไม่มีใครรู้แม้แต่ สุวรรณี สุคนธา

“รงค์ ในฉบับ มิถุนายน มณี เขียนถึง สุจิตต์ วงษ์เทศ ไว้ว่า

เขาเป็นชายหนุ่มผู้เดินสวนทางกับปัจจุบันสู่อดีต แล้วหยุดนั่งพักในร่มเงาโบสถ์ เขียนหนังสือ

ดูเหมือนเขาจะรัก “ไม้เมืองเดิม” ยิ่งกว่านักเขียนคนอื่น แต่หนังสือที่เขาอ่านอย่างจรดใจคือ ไตรภูมิพระร่วง และหนังสือที่เขาเขียนมีบุคลิกเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

ในฐานะ – ซึ่งถ้าเขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนคงไม่มีใครกังขา สุจิตต์ วงษ์เทศ พยายามแสดงทัศนะอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึกและความจริง เขาเคียดแค้น หวงแหน อาวรณ์ นั้นมันเป็นหน้าที่ของคนไทยมิใช่หรือ – หน้าที่ของการเย่อหยิ่งกับวัฒนธรรมของเรา

(อีกคน)

ช่วง มูลพินิจ (จิตรกร) ผู้หยิบธรรมชาติมาโรยไว้บนเส้นที่เขาเรขา เขาเขียนถึงบอนให้เรารู้สึกคัน เราได้กลิ่นหอมในยามสายแม้ว่าเขาเขียนถึงดอกสายหยุด แมลงปอของเขาหยิ่งในปีกของมัน

และมดของเขายิ้มมีเสน่ห์

(พี่ช่วงจึงได้สมญานามว่า ช่วง มดยิ้ม)