ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์/ONCE UPON A TIME IN HOLLYWOOD ‘กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

ONCE UPON A TIME IN HOLLYWOOD

‘กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด’

 

กำกับการแสดง Quentin Tarantino

นำแสดง Leonardo DiCaprio Brad Pitt Margot Robbie Al Pacino Kurt Russel Damian Lewis Bruce Dern Timothy Olyphant Dakota Fanning

 

อีกครั้งหนึ่งที่ผู้กำกับฯ เควนติน ทาแรนทิโน แสดงฝีมือและสมองที่คมกริบทั้งในด้านการเขียนบทและกำกับการแสดงฝากไว้ในวงการภาพยนตร์

นี่จะเป็นหนังคลาสสิคอีกเรื่องที่จะอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืมของคนรักหนัง

ตามชื่อหนังซึ่งฟังดูเหมือนเรื่องราวในเทพนิยายที่มักเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…” นี่เป็นเรื่องสมมติที่สร้างสรรค์ขึ้นในบรรยากาศและตัวบุคคลที่เป็นสีสัน ณ จุดหนึ่งในกาลเวลา คือ ค.ศ.1969 ในฮอลลีวู้ดซึ่งใครๆ เรียกว่าเป็น “เมืองมายา”

และเรื่องราวนำไปสู่กลางดึกของวันที่มีเหตุการณ์อันชวนสยดสยองที่สุดครั้งหนึ่งบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อเมริกัน ในคืนวันที่ 8 สิงหาคม 1969

นักแสดงสาวดาวรุ่ง ชารอน เทต ภรรยาท้องแก่ใกล้คลอดของผู้กำกับหนังชื่อดัง โรมัน โปลันสกี้ (Chinatown, Rosemary’s Baby) ถูกฆาตกรรมโหดพร้อมแขกในบ้านรวมสี่คนในบ้านพักในฮอลลีวู้ด “เมืองมายา” ในมหานครลอสแองเจลิส

เรื่องราวนี้ตกเป็นข่าวครึกโครมและสั่นสะเทือนไปทั้งอเมริกาและทั่วโลก

และต่อมามีการสืบสวนและจับกุมฆาตกรโหดคือ ชาร์ลส์ แมนสัน และสาวก ซึ่งเป็นพวกฮิปปี้ที่เรียกตัวว่า “ครอบครัวของแมนสัน” และอาศัยในคอมมูนที่ยึดครองอยู่ในไร่เก่าแก่ซึ่งเคยเป็นโรงถ่ายหนังชื่อ “สปาห์น แรนช์” มาก่อน

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องราวตามที่ทาแรนทิโนเล่าในหนังเรื่องใหม่ของเขา

 

หนังเล่าเรื่องราวของดาราฮอลลีวู้ดที่กำลังจะร่วงหล่นจากฟากฟ้า ริก ดัลตัน (ลีโอนาร์โด ดิแคปริโอ) กับคลิฟฟ์ บูธ (แบรด พิตต์) คู่หูของเขาซึ่งเป็นทั้งตัวแทนในบทโลดโผน หรือ “สตันต์แมน” ของตัวเขา รวมทั้งคนขับรถ ผู้ช่วยในเรื่องจิปาถะ และเพื่อนร่วมกินเหล้า

ริกมีเพื่อนบ้านที่กำลังโด่งดังคับฟ้าขณะนั้น คือ โรมัน โปลันสกี้ แต่ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กัน ได้แต่เห็นแว่บสองแว่บเวลาขับรถผ่านไป

ขณะที่อาชีพของริกกำลังอยู่ระหว่างขาลง เขาเคยดังจากหนังทีวีชุด Bounty Law ซึ่งน่าจะมีแรงบันดาลใจมาจากหนังทีวีในชีวิตจริง Wanted Dead Or Alive ที่มีสตีฟ แม็กควีน นำแสดง

หนังเคาบอยตะวันตกชุดนี้ผู้เขียนเคยดูอยู่บ้างสมัยเด็กๆ ค่ะ

เมื่อเริ่มเรื่อง มาร์วิน ชวอร์ตส์ (อัล ปาชิโน) เป็นตัวแทนมาเจรจากับริก เพื่อให้ไปเล่นหนังแบบที่เรียกว่า “สปาเก็ตตี้ เวสเทิร์น” หรือหนังเคาบอยตามแบบอิตาลี โดยหว่านล้อมว่าเส้นทางดาราในฮอลลีวู้ดของเขากำลังอยู่ในขาลง และจะทำให้เขาตกอับถูกลืมเลือนไปในที่สุด

ริกยังไม่ได้ตัดสินใจในทันที เพราะรู้อยู่ลึกๆ ในใจว่าการไปเล่นหนังต่างประเทศเกรดบีก็จะไม่ช่วยกระตุ้นอาชีพดาราของเขาให้โด่งดังรุ่งโรจน์เหมือนกัน

ส่วนคลิฟฟ์อาศัยอยู่ในรถเทรลเลอร์เก่าๆ ที่จอดอยู่ใกล้บริเวณโรงหนังไดรฟ์อินที่ทรุดโทรม พร้อมสุนัขพิตบุลล์คู่ใจชื่อ “บรั่นดี” ที่ออกเสียงว่า แบรนดี้

ไม่มีใครอยากจ้างคลิฟฟ์ทำงาน เนื่องจากอดีตอันคลุมเครือของเขาที่ว่าเขาลอยนวลรอดเงื้อมมือกฎหมายมาได้จากคดีฆ่าภรรยาตาย

และครั้งหนึ่งเมื่อริกช่วยให้คลิฟฟ์มีงานสตันต์แมนทำ คลิฟฟ์ก็ทำเสียเรื่องเองด้วยการไปกวนประสาทและกวนบาทาของบรูซ ลี (ไมก์ โมห์ ซึ่งหน้าตาท่าทางเหมือนบรูซ ลี ตัวจริงมาก) ที่เล่นบทบู๊อยู่ในหนังชุด The Green Hornet ขณะนั้น

ฉากนี้ได้รับการกล่าวขวัญกันมากเหมือนกันถึงการแสดงนิสัยอันเย่อหยิ่งของบรูซ ลี ที่คุยโม้ว่าเก่งกาจขนาดที่จะทำให้แคสเซียส เคลย์ แชมป์มวยโลกขณะนั้น พิการได้ถ้าขึ้นสังเวียนเดียวกัน ขนาดที่ลูกสาวบรูซออกปากไม่พอใจการนำเสนอภาพลักษณ์แบบนี้

แต่นี่ก็เป็นฉากสนุกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันและสีสันของตัวละครฉากหนึ่ง

อารมณ์ขันและสีสันสะดุดตาเป็นลักษณะประจำตัวที่ขาดไม่ได้ของทาแรนทิโนอยู่แล้ว และหนังเรื่องนี้วางไว้ในที่ต่างๆ กันอย่างเหมาะสม

 

ในช่วงครึ่งค่อนเรื่อง พล็อตดูเหมือนจะไม่มีทิศทางชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าจะขาดความน่าสนใจ ด้วยสีสันของเหตุการณ์และตัวละคร รวมทั้งการพาดพิงถึงบุคคลในวงการมายาที่มีอยู่ในโลกจริง อาทิ โรมัน โปลันสกี้ สตีฟ แม็กควีน (เดเมียน ลูวิส ซึ่งมีความละม้ายแม็กควีนอย่างเหลือเกินเหมือนกัน)

ตัวละครอีกคนที่หนังวาดภาพให้เห็นชัด คือ ชารอน เทต (มาร์โกต์ รอบบี้ ที่โดดเด่นจาก I, Tonya) นักแสดงดาวรุ่งของหนัง The Wrecking Crew (นี่คือหนังจริงที่ดีน มาร์ติน เล่นคู่แนนซี่ กวาน)

ชารอนมีฉากน่ารักอยู่หลายตอน โดยเฉพาะตอนที่เธอเตร็ดเตร่ไปซื้อหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรกเป็นของขวัญให้สามี และเดินผ่านโรงหนังที่กำลังฉาย The Wrecking Crew อยู่ เธออยากเข้าไปดูในโรง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำตัวเองกับคนขายตั๋วว่า เธอไม่ต้องซื้อตั๋วได้ไหม เพราะเธอเล่นอยู่ในเรื่องด้วย ในที่สุดคนขายตั๋วกับคนเดินตั๋วผู้เห่อดาราก็ยอมให้เธอเข้าไปนั่งดู โดยขอถ่ายรูปคู่

บนจอภาพยนตร์เป็นคลิปจากหนังจริงที่ชารอน เทต เล่น และชารอน/มาร์โกต์ นั่งพาดเท้าบนพนักเก้าอี้ดูอย่างสุโข รวมทั้งคอยสังเกตปฏิกิริยาตอบรับของผู้ชมไปด้วยในฉากที่เธอเล่น

ดูแคแร็กเตอร์ของชารอนเป็นสาวซื่อใสที่น่ารักมาก จนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นแก่เธอในอีกไม่นาน

 

อีกฉากที่วางเรื่องไว้ให้ชวนสยดสยองถึงความรุนแรงที่กำลังก่อตัวขึ้นและจะระเบิดต่อมา คือตอนที่คลิฟฟ์ขับรถพาสาวน้อยฮิปปี้ชื่อ พุสซี่แคต ที่ยืนโบกรถให้ไปส่งที่ไร่สปาห์น

คลิฟฟ์ไม่เพียงแค่ไปส่งเธอเท่านั้น แต่ยังเดินสำรวจดูคอมมูนของกลุ่มฮิปปี้กลุ่มนี้ที่มาครอบครองไร่ของคนที่เขาเคยรู้จักสมัยมาทำงานเป็นสตันต์แมนที่นี่ เป็นฉากที่ต้องเกร็งอยู่ตลอดว่าจะเกิดอะไรเปรี้ยงปร้างขึ้นก็ไม่รู้

แต่นั่นก็เป็นเพียงบทนำสำหรับการพัฒนาเรื่องในฉากสุดท้าย

ช่วงที่น่ารักมากและสอดแทรกด้วยอารมณ์ขันเหนือชั้นอีกช่วงคือ บทบาทระหว่างริก ดัลตัน ที่กำลังรอเข้าฉากถ่ายทำหนังเรื่อง Lancer กับเด็กหญิงแก่แดดวัยแปดขวบที่กำลังรอเข้าฉากเหมือนกัน ซึ่งสอนเขาเรื่องการออกเสียงชื่อตัวละครที่เขากำลังเล่นอยู่ให้ถูกต้อง ‘เดคาตูร์’ ไม่ใช่ ‘ดาโคต้า’ การเปรียบเทียบหนังสือที่ทั้งสองคนกำลังอ่านฆ่าเวลา การที่ริกเกิดอารมณ์รุนแรงเป็นน้ำหูน้ำตากับเรื่องราวในชีวิตของตัวละครในหนังสือที่เขากำลังอ่าน และการที่แม่หนูน้อยแก่แดดแสดงความเห็นอกเห็นใจปลอบเขา

ทั้งสองยังมีฉากคมคายโดนใจคนดูในขณะถ่ายทำหนัง โดยที่ริกเล่นบทตัวร้ายที่อุ้มเด็กหญิงนั่งตักขณะต่อรองเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยถือปืนจ่อไว้ที่หัวเด็ก

นั่นคือช่วงที่ริกกำลังพยายามกอบกู้อาชีพการงานของเขาในวงการแสดง เนื่องจากเขาเริ่มลืมบทระหว่างการถ่ายทำฉากที่เข้มข้น และเขาต้องหลบไปโกรธเกรี้ยวกับตัวเองที่ซื่อบื้อขนาดนั้น โดยสาบานจะไม่แตะเหล้าอีกเลย…แต่ก็ยังดื่มเอื้อกใหญ่ก่อนจะปาขวดทิ้ง

ช่วงสุดท้ายเป็นฉากเก่งตามแบบทาแรนทิโนมากที่สุด คือความรุนแรงเลือดสาด

แต่ฉากนี้ไม่สามารถพูดถึงได้โดยไม่เป็นสปอยเลอร์ค่ะ เนื่องจากเป็นประสบการณ์แหวกแนวเหนือคาด จึงอยากให้คนอื่นไปดูโดยไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนกัน

บอกได้เพียงว่า เควนติน ทาแรนทิโน ยังไม่ยอมทิ้งลายอันเป็นทีเด็ดของเขา และทำหนังที่คาดเดาล่วงหน้าไม่ถูกอีกแล้ว

เหนือคาดจริงๆ แต่เมื่อฉุกใจคิด ก็จะรู้สึกว่าลงตัวมากเลยค่ะ