ใส่บ่าแบกหาม/พรพิมล ลิ่มเจริญ/ Destination Wedding

ใส่บ่าแบกหาม/พรพิมล ลิ่มเจริญ

Destination Wedding

 

เธอจ๊ะ

Destination Wedding เป็นหนังปีที่แล้ว

แต่ดูใหม่มากๆ

มีพี่ Keanu Reeves กับ Winona Ryder นำแสดง

ดูใหม่ๆ เพราะตัวนักแสดงอย่างพี่คีอานูก็ยังคงหนวดเคราทรงเดียวกับ John Wick อยู่เลย ส่วนวิโนน่า ก็ยังดูไม่ต่างจากซีรี่ส์ Strangers Things ในทีวีสักเท่าไหร่ เพียงในหนังเรื่องนี้ดูสวยงามสมบทนางเอก สองคนจึงดูคุ้นตาด้วยประการฉะนี้

destination wedding ปกติแล้วหมายถึง การแต่งงานที่ไปจัดในที่ไกลบ้าน แบบไปจัดงานแต่งริมทะเล ริมน้ำตก ริมแม่น้ำลำธารในต่างเมือง ก็จะต้องยกโขยงกันตั้งแต่เจ้าบ่าว-เจ้าสาว พ่อ แม่ แลญาติทั้งสองฝ่าย เพื่อนเจ้าบ่าว-เพื่อนเจ้าสาว และแขกเหรื่อ

ทุกคนต้องเดินทาง ไปค้างอ้างแรม ณ สถานที่นั้น ก็จะได้งานแต่งงานที่มีภาพสวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร

 

ในความเป็นจริงแล้วใครจะเป็นคนออกเงินเวลาจัดงานแต่งงานแบบนี้?

ถ้าเราเป็นแขก เราจะได้ตั๋วเรือบินฟรี ที่พักฟรีไหม? ถ้าฉันเป็นแขกฉันอยากได้ไง ไหนๆ เราก็อุตส่าห์บินไปร่วมงาน จัดหาของขวัญแต่งงานให้ ต้องลางานไปร่วม แล้วจะให้เราจ่ายค่าเดินทางค่าที่พักอีก จะดีหรือ?

ฉันศึกษามาจากเว็บดังอย่าง brides.com เขาก็อธิบายรายละเอียดไขข้อข้องใจให้อย่างดี

เราเป็นแขก เราควรต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

เจ้าบ่าว-เจ้าสาวสามารถอำนวยความสะดวกให้แขกได้ ตั้งแต่จัดหาสายการบิน ที่พัก ที่ให้เรตราคาพิเศษสำหรับแขกที่มางานนี้

และที่เหลืออย่างกิจกรรม มื้ออาหารต่างๆ เจ้าบ่าว-เจ้าสาวก็ควรต้องจัดเลี้ยงให้

แต่ในกรณีพิเศษ อย่างเช่น เราจนกรอบ แต่เราเป็นเพื่อนสนิทเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขาสามารถออกเงินสนับสนุนการเป็นสปอนเซอร์ให้เราได้

และเราต้องไม่บอกใคร ไม่งั้นคนอื่นจะเสียกระบวน

 

พี่คีอานูแสดงเป็นแฟรงก์ และวิโนน่าแสดงเป็นลินด์ซีย์

สองคนมาเจอกันตามสูตร “meet-cute” ของฮอลลีวู้ด หรือก็คือพระเอก-นางเอกมาเจอกัน ให้คนดูได้รู้ว่าสองคนนี้จะได้รักกัน แบบที่ฉันชอบ You’ve Got Mail ที่พี่ทอม แฮงก์ส กับเม็ก ไรอัน เดินคลาดกันไปคลาดกันมา ไม่ได้เจอะกันสักที แบบนั้นน่ารักและฉลาดเฉลียว

หรือแบบ Romeo & Juliet ที่ลีโอนาร์โด ดิแคปริโอ กับน้องแคลร์ เดนส์ ไปปิ๊งกันโดยมีตู้ปลาทะเลคั่นกลาง ฉากนั้นสวยงามคลาสสิค

เรื่องนี้ แฟรงก์และลินด์ซีย์พบกันที่สนามบิน ลินด์ซีย์กำลังรอขึ้นเครื่องบินเล็กไปเมือง Paso Robles

สองคนทักทายกันอย่างคนมีอารยะ เพียงสองสามคำผ่านไป แล้วก็ตีกันสนั่นหวั่นไหวในทุกวินาทีหลังนั้น ตีกันตั้งแต่ชื่อเมือง คนหนึ่งอ่าน โรเบิลส์ อีกคนอ่าน โรเบลส ซึ่งไม่รู้จะตีกันไปทำไม ในเมื่อมันอ่านได้ทั้งสองแบบ

พี่แฟรงก์แกไปยืนเยื้องเกินหน้าลินด์ซีย์ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ซึ่งคล้ายคนจะแซงคิวมากๆ ลินด์ซี่ย์จึงต้องกันท่า ตำหนิแฟรงก์เสียงดังอย่างยาวเหยียด

แล้วสรุปให้เสร็จสรรพว่าอยากแซงก็ได้ แต่ต้องเป็นคนพิเศษ

Do you have a special need?

คุณมีอะไรพิเศษต้องให้ช่วยหรือเปล่า?

นั่นน่ะสิ ไม่ได้นั่งรถเข็น ไม้เท้าก็ไม่ได้ถือ แต่พี่แฟรงก์แกก็ตอบทันใดว่ามี

Yes. I need to be over there.

มี ผม “ต้อง” ไปยืนตรงโน้น

พี่แฟรงก์กวนประสาท ไม่ยอมรับว่าแซง แล้วยังกวนประสาท จากสถานการณ์นี้ ก็มั่นใจได้ว่าพี่แฟรงก์ไม่ใช่คนดี แต่ลินด์ซีย์นี้ก็ไม่ใช่! บทเขียนมาส่งให้พี่คีอานูมากกว่าวิโนน่า ฉันรู้สึกได้

ฉากมีเสือมาขวางทางเดินข้างหน้า ผู้หญิงวุ้ยว้ายสงสัย มันจะกินเราไหม? ว่าแต่มันเสืออะไร เสือดาว เสือโคร่ง หรือเสือปลา หรือมันคือแมวตัวใหญ่? ลูกผู้ชายนายแฟรงก์ตอบไปทันใด

I don’t know. I’m not a zookeeper.

จะไปรู้เหรอ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์

ฮัดช้า! พี่คีอานูพูดหน้าตาย อดขำไม่ได้ พี่คีอานูประชดประชันใดๆ อะไรๆ ก็สนุก เป็นผู้ชายปากเสีย ปากจัด หลงตัวเอง ดูสนุกดี

ส่วนลินด์ซีย์เป็นผู้หญิงปากเสีย ปากจัด และหลงตัวเองไม่แพ้กัน

วิโนน่าแสดงดีแต่ฉันว่าไม่เข้ากันกับพี่คีอานู อยากเปลี่ยนเป็นแซนดร้า บูลล็อก แสดง จะขำกว่านี้

อีกทั้งวิโนน่าชอบทำท่ากลอกตาขึ้นมองบน แต่หรี่ตาเกือบหลับไว้ข้างนึง มันดูไม่นางเอกน่ะ

คนเป็นนางเอกจะมองบนก็มองบนจริงจังไปเลย ท่าแบบนี้เหมือนตัวประกอบ

เหตุผลนี้ฉันใช้หลักการเดียวกับการที่เราจะไม่มีวันเห็นคนเป็นนางเอกแคะขี้มูก นางเอกจะไม่แคะขี้มูก นางเอกจะไม่แคะขี้ฟัน ไม่ว่าบทจะให้ตกทุกข์ได้ยากเพียงใด การกลอกตาแบบหรี่ตาไว้จนเกือบหลับแบบนี้ก็เช่นกัน

ฉันคิดว่านะ

 

พอขึ้นเรือบินไป ก็ได้ที่นั่งติดกันอีก ลินด์ซีย์ก็พยายามชวนคุยต่อไป อยากแสดงความมีมารยาทดี พี่แฟรงก์ทำดีกว่านั้น

You don’t have to… Talk.

Honestly, I’d be happier

if you didn’t.

คุณไม่ต้องคุยก็ได้ เอาจริงๆ นะ

ผมจะดีใจกว่านี้

ถ้าคุณไม่คุย

ตลกอ่ะ ตัวอย่างแบบนี้นี่ไง คนแบบพี่แฟรงก์นี่ไง ที่เรียกว่าไม่มีมารยาทชัดๆ แบบนี้นี่ไง ที่บางคนชอบบอกว่าเป็นคนตรงๆ!

แต่สองคนนั่งติดกันในเรือบินเล็กขนาดนั้น ก็อดไม่ได้หรอกที่ต้องเปรยความคิดในใจออกมาดังๆ

I’m going to that most presumptuous

of all things, a destination wedding.

ฉันต้องไปงานแต่งงานต่างเมือง

ที่เป็นเรื่องไม่เกรงใจกันที่สุด

presumptuous หมายถึง ไม่เกรงใจ โอหัง ลามปาม ไม่เคารพ เหยียบหัวแม่เท้ากัน เลือกใช้ตามบริบทเลยนะ

พี่แฟรงก์และลินด์ซีย์ก็เลยรู้ความจริง

I was engaged to him six years ago.

ฉันเคยหมั้นกับเขาเมื่อหกปีที่แล้ว

ลินด์ซีย์เป็นแฟนเก่าเจ้าบ่าว! เอ๊า! แล้วมาทำไมเนี่ย?!

He and I have the same mother.

เขากับผมแม่เดียวกัน

แฟรงก์เป็นน้องชายต่างพ่อของเจ้าบ่าว! เอ๊า! แล้วมาทำไมเนี่ย?!

คือคนหนึ่งไม่ควรมา อีกคนไม่ต้องมาก็ได้เพราะไม่สนิท และสองคนเป็นคนไม่ได้มีมารยาทดีอะไรกับใครที่ไหน ไยมาแสดงความมีมารยาทในครานี้?

หนังตลกตรงสองคนไม่ได้รู้จักมักจี่ใครในงาน ตอนงานซ้อมพิธีในตอนเย็นก่อนวันงาน พี่แฟรงก์และลินด์ซีย์ก็เลยต้องติดแหง็กอยู่ด้วยกัน หาเรื่องเมาธ์คนนั้นคนนี้กันลำพังสองคนอย่างเมามัน

แต่ในทางกลับกัน มันเยอะไปล่ะ เมาธ์เยอะไป เมาธ์ไปเรื่อย ฟังจนเหนื่อย ความสนุกเลยลดลง

ลินด์ซีย์มีตลกที่หนึ่งที่ฉันชอบ ตอนหลุดที่ทำเป็นแมนๆ ว่ามางานแต่งงานแฟนเก่าได้โดยไม่รู้สึกอะไร

Most of me wants him

to be found in an icy river.

เกือบทั้งหมดในตัวฉัน

อยากให้เจอเขาเป็นศพแข็งในแม่น้ำ

แต่คิดอีกที แค่นั้นมันไม่พอ

I want him to have a long life,

during which he is miserable every single day

before slowly dying of regret.

ฉันอยากให้เขามีชีวิตยืนยาว

แต่ในทุกๆ วันให้ทุกข์เศร้าโศกตรม

ก่อนจะเสียใจตายไปอย่างช้าๆ

เมื่อวาจาแรงร้าย ความต้องจริงใจแรงไม่น้อยกว่าปาก

คนเรานี้หนอ…มางานแต่งงานแฟนเก่า อมพระมาพูดก็เชื่อไม่ลงว่ามายินดีกับเขาด้วยจิตใจใสซื่อ

หนังเรื่องนี้ คนเขียนบทขยันจังเลยจนฉันต้องขอออกปาก พูดเยอะ ฟังจนเหนื่อยจริงๆ นะ ฉันก็ว่าฉันเป็นนักฟังที่ดี แต่ฟังมากขนาดนี้ มันเหมือนดีภาพวาดระบายสีแบบไม่มีไฮไลต์

เสียดาย มันน่าจะสนุกกว่านี้นิ

ฉันเอง