จริงตนาการ : “ฟาดิล วอกครี” ผู้กำเนิดฟุตบอล “โคโซโว” ในแผนที่โลก

“โคโซโว” กลายเป็นทีมฟุตบอลที่อันตรายทีมหนึ่งของยุโรปไปแล้ว หลังจากทำสถิติไม่แพ้ใคร 15 แมตช์รวด ก่อนจะมาพ่าย “อังกฤษ” ไปแบบสนุก 3-5 ในฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก ปิดฉากสถิติไร้พ่ายไว้แค่นั้น

แต่ก็ได้แสดงให้ทีมใหญ่ๆ เห็นว่า พวกเขาพร้อมจะสู้ในสังเวียนฟุตบอล ไม่ใช่แค่สงครามอย่างที่เคยทำมา

หลังจากที่โคโซโวประกาศอิสรภาพจาก “เซอร์เบีย” เมื่อปี 2008 ก็เดินหน้าขอเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) มาอย่างต่อเนื่อง

ก่อนจะได้รับการรับรองในปี 2016

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้ลงเล่นฟุตบอลนัดกระชับมิตรครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไปก่อนหน้านั้นแล้วในปี 2014 ด้วยการเสมอกับ “เฮติ” 0-0

ด้วยความพยายามของ “กรานิต ชาก้า” มิดฟิลด์อาร์เซนอลในปัจจุบัน และ “เซอร์ดาน ชากิรี่” นักเตะลิเวอร์พูลในตอนนี้ ได้เดินหน้าร้องขอให้บ้านเกิดตัวเองได้บันทึกตัวเองในแผนที่ฟุตบอลของโลกเสียที

ฟีฟ่าและยูฟ่ารับรองโคโซโวให้เป็นสมาชิกในปี 2016 ถือเป็นการยุติ 8 ปีที่รอคอยของชาวโคโซโว ที่อยากจะเห็นประเทศตัวเองได้ลงเล่นในฟุตบอลระดับนานาชาติเสียที

 

นับตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2017 เป็นต้นมา ทีมน้องใหม่ของยุโรปไม่แพ้ใครตลอด 15 นัด ในการลงเตะทั้งฟุตบอลกระชับมิตร, เนชั่นส์ลีก, ยูโร 2020 รอบคัดเลือก ที่สำคัญ พวกเขายังยันเสมอเดนมาร์ก 2-2 เสมอ “บัลแกเรีย” 1-1 เสมอ “มอนเตเนโกร” 1-1 และเอาชนะ “เช็ก” 2-1 แบบหักปากกาเซียนเลยทีเดียว

การแพ้อังกฤษแบบยิงได้ถึง 3 ลูก นับเป็นการพิสูจน์ว่า ชาติเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางสงครามมายาวนาน พร้อมจะประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเองเป็นประเทศแห่งฟุตบอลเช่นกัน

บุคคลที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้อุทิศตนเพื่อฟุตบอลของชาติคือ “ฟาดิล วอกครี” ประธานสหพันธ์ฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ของโคโซโว

วอกครีเป็นกองหน้าทีมชาติยูโกสลาเวียในยุค 80 เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวโคโซโว เพราะเป็นคนเชื้อสายโคโซโวคนแรกที่ติดทีมชาติยูโกสลาเวีย

หลังจากเลิกเล่น เขาอุทิศตัวเพื่อเริ่มต้นเดินหน้าสร้างตัวตนให้กับฟุตบอลโคโซโวด้วยโต๊ะ 2 ตัว คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ในห้องอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของกรุงพริสตินา งานของวอกครีเริ่มต้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2008 หลังจากที่โคโซโวประกาศเอกราชเพียง 1 วันเท่านั้น

การเดินหน้าสร้างผลงานที่ดีของโคโซโว สร้างความสุขให้กับแฟนบอล แต่วันที่ 9 มิถุนายนปีที่แล้ว ประธานสหพันธ์ฟุตบอลโคโซโวรายนี้เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย

และไม่มีโอกาสมาบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองประสบพบเจอมาอีกแล้ว

 

“กรามอซ” ลูกชายคนโตของเขาบอกว่า พ่อไม่เคยแสดงออกในเรื่องการเมือง เรื่องเดียวในหัวคือฟุตบอลเท่านั้น เพราะฟุตบอลเป็นเรื่องที่อยู่สูงกว่าทุกอย่างในโลกนี้ สำหรับความคิดของฟาดิล

ความพยายามในการเป็นสมาชิกของฟีฟ่าเดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียที เมื่อปี 2012 วอกครีได้ไปร่วมชมฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับแอลเบเนีย ซึ่งแมตช์นั้นมีนักเตะเชื้อสายโคโซโวที่อยู่ในทั้งสองทีมรวมกันถึง 15 คน

วอกครีผู้พ่อได้ชมฟุตบอลแมตช์นั้นร่วมกับ “เซปป์ แบล็ตเตอร์” ประธานฟีฟ่าในยุคนั้น ซึ่งแบล็ตเตอร์ได้ถามวอกครีว่า เขารู้สึกอย่างไรในวันนี้

“มันก็เหมือนกับการดูทีมโคโซโว เอ เจอกับโคโซโว บี นั่นแหละ” เขาตอบแบล็ตเตอร์แบบนั้น

ปี 2016 ทั้งฟีฟ่าและยูฟ่ารับรองให้โคโซโวเป็นสมาชิก น้ำตาแห่งความปีติไหลรินออกจากตาของชาวโคโซโวมากมาย หลังจากที่ฟาดิล วอกครี เสียหยาดเหงื่อและเม็ดเงินมากมายในความพยายามตลอด 8 ปี

 

ผลงานของโคโซโวในยูโร 2020 รอบคัดเลือก ณ ตอนนี้พวกเขาอยู่อันดับ 3 ของกลุ่มเอ มี 8 คะแนน ตามหลังอังกฤษ 4 คะแนน และตามหลังเช็ก 1 คะแนน

ถ้าจบอันดับ 1-2 ของกลุ่มได้ ก็จะได้สิทธิไปเล่นทัวร์นาเมนต์อย่างเป็นทางการหนแรกของโคโซโว ซึ่งโอกาสก็เป็นไปได้สูงเช่นกัน

“เบอร์นาร์ด ชาลลานเดส” โค้ชชาวสวิส เข้ามาคุมทัพตั้งแต่ปี 2018 เขาไม่มีดีกรีหรูหราในการเป็นนักเตะ ในการเป็นกุนซือเคยพาเอฟซี ซูริก คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสวิตเซอร์แลนด์ 1 สมัย แต่กลับปลุกนักเตะโคโซโวให้สู้กับทุกทีมในสนามได้อย่างสนุก จนโคโซโวในการคุมทีมของเขาได้รับการขนานนามว่า “บราซิลแห่งบอลข่าน”

การเลือกชาลลานเดสเข้ามาคุมทัพนับเป็นผลงานชิ้นสุดที่ฟาดิล วอกครี ได้ทิ้งไว้ก่อนจะลาโลกไป

พิธีศพของฟาดิล วอกครี จัดขึ้นอย่างสมเกียรติ มีคนในวงการฟุตบอลเซอร์เบียมาร่วมพิธีด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกตินักที่ชาวเซิร์บจะเข้ามาในโคโซโว เพราะทั้งสองชาติเป็นปฏิปักษ์กันอย่างรุนแรง

กรามอซทิ้งท้ายว่า เมื่อฟุตบอลสามารถสร้างเรื่องราวอันสวยงามได้แบบนี้แล้ว ทำไมโคโซโวและเซอร์เบียไม่เลือกให้กีฬาเป็นการริเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกันไปเสียเลย

ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นได้ จะไม่มีฝ่ายไหนแพ้ มีแต่จะจับมือฉลองชัยชนะไปด้วยกัน