วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร/ ลับเขี้ยว เบื้องหน้า เหมยฉางซู (8)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ลับเขี้ยว เบื้องหน้า เหมยฉางซู (8)

ณสนามประลองยุทธ์ ศาลาหงส์เสด็จ พลันที่รัชทายาทและอวี้หวังปรากฏตัวก็แปรเปลี่ยนเป็นสนามประลองการช่วงชิงตัว “อัจฉริยะฉีหลิน” เหมยฉางซูขึ้นอย่างคึกคัก

2 คนที่เดินตามกันมาในกระโจม มองดูก็รู้ว่าเป็นพี่น้อง

รูปร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาลึก ริมฝีปากบาง รัชทายาทเซียวจิ่งเซวียน ปีนี้ชันษา 35 มุมปากปรากฏรอยร่องแก้มลึกชัดทั้ง 2 ด้าน บุคลิกแลดูหวาดระแวงเล็กน้อย

ส่วนอวี้หวัง เซียวจิ่งหวน พระชนม์ 32 ใบหน้าแลดูผ่อนคลายกว่า

อวี้หวังพยุงเซียวจิ่งรุ่ยพลางตบไหล่ “ได้ยินมานานแล้วว่าพวกเจ้า 3 คนพาแขกสำคัญคนหนึ่งมาที่เมืองหลวง เพียงแต่ภารกิจรัดตัวมาตลอด หาโอกาสไปเยี่ยมคารวะไม่ได้เสียที”

รัชทายาทลอบเบะปาก หาโอกาสไม่ได้อะไรกัน หากไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างจับตากันอยู่

“ท่านนี้คงเป็นท่านซู สง่างามสมคำร่ำลือจริงๆ” อวี้หวังไม่อ้อมค้อม รุกเข้าหาเหมยฉางซูก่อนที่รัชทายาทจะขยับ

“14 เมืองลุ่มน้ำบูรพาสงบสุขมานานปี ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขล้วนได้รับความช่วยเหลือจากท่านประมุขพรรคแท้ๆ ข้าเองอยากยื่นฎีกากราบทูลมาตลอด ขอให้ทรงปูนบำเหน็จให้ท่านประมุข เพียงแต่เกรงว่าท่านประมุขจิตปณิธานสูงส่งไม่เห็นแก่ลาภยศสรรเสริญจึงไม่กล้ากระทำโดยพลการ”

ถือว่าอวี้หวังรุดหน้าไปก่อนรัชทายาท 1 ก้าวใหญ่

 

กระบวนท่าของเหมยฉางซูรัดกุมอย่างยิ่ง สัมผัสได้จากคำตอบ “กระหม่อมซูเจ๋อ ติดตามสหายเข้าเมืองหลวง หามิได้เกี่ยวข้องกับพรรคบูรพานทีแม้แต่น้อย ขออวี้หวังอย่าได้เข้าใจผิด”

เห็นอวี้หวังถูกตอบกลับด้วยวาจารื่นหูจนพูดไม่ออก รัชทายาทพลันปีติในใจยิ่งนัก

“กล่าวได้ถูกต้องนัก ท่านซูก็คือท่านซู จะลากไปไกลขนาดนั้นทำไม ได้ยินว่าท่านซูสุขภาพอ่อนแอ เข้าเมืองหลวงมาเพื่อพักรักษาตัว ไม่ทราบได้ออกไปเที่ยวที่ใดบ้างแล้ว”

พร้อมกับเสนอป้ายหยกขาวเกลี้ยง ประทับตราลัญจกร

“พูดถึงทัศนียภาพงดงามของจินหลิงต้องเป็นแถบชานเมือง เสียดายที่ส่วนใหญ่กลายเป็นอุทยานหลวงไปเสียแล้ว ท่านซูหากสนใจไปชมดูก็เก็บป้ายหยกนี้ไว้ แม้ไม่มีประโยชน์ใช้สอยอะไรนัก แต่ถือติดตัวไว้ยังคงสะดวกกว่า”

เหมยฉางซูใช้ปลายนิ้วคีบที่ขอบป้าย ยกขึ้นชำเลือง จากนั้นร้องเรียก “เฟยหลิว”

“มาเอานี่เก็บไว้ ต่อไปเวลาเฟยหลิวออกไปเที่ยวเล่น ชอบไปที่ไหนก็ไปที่นั่น ถ้ายังมีท่านอา อะไรก็ตามกล้าจับเจ้าลงมาอีกก็เอาป้ายนี้ให้เขาดู”

นั่นย่อมเป็นท่าทีของเหมยฉางซูต่อ “ป้ายหยก” อันเป็นของกำนัลจากรัชทายาท

 

“ไห่เยี่ยน” อรรถาธิบายว่า ป้ายหยกชิ้นนี้คือป้ายอาญาสิทธิ์ที่มีการสลักตราลัญจกรประจำองค์จักรพรรดิเสริมเข้าไป นอกจากองค์รัชทายาท แม้แต่บรรดาองค์ชายชั้น “หวัง” ยังไม่เคยได้รับพระราชทานมาก่อน

ถือเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกฐานะอย่างแท้จริง อาศัยป้ายนี้สามารถออกคำสั่งขุนนางได้ทุกท้องที่

แต่ใครจะคาดคิด ผู้อื่นถึงขนาดยอมทุ่มทุนส่งเป็นของกำนัลแรกพบ ผลสุดท้าย ผู้รับกลับโยนให้องครักษ์ของตัวเองเล่น

นี่ควรจะกล่าวว่า เขาไม่รู้จักคุณค่า หรือจะกล่าวว่า เขาช่างไม่ไว้หน้ากันเสียเลย

เหมือนกับว่าเหมยฉางซูจะปัดปฏิเสธรัชทายาท แต่เมื่ออวี้หวังฉวยโอกาสนำเสนอ “ข้ามีโส่วอูสมุนไพรพันปีที่ล้ำค่าหายาก ใช้บำรุงร่างกายประเสริฐนัก นอกจากนั้น ข้ามีคฤหาสน์อีกหลังที่เขาหลิงซาน ด้านในมีบ่อน้ำแร่สมุนไพรมีประโยชน์ซ่อมเสริมสมาธิ ถ้าอย่างไรท่านซูลองไปพักสักหลายวัน”

“น้ำพระทัยของอวี้หวัง กระหม่อมซาบซึ้งยิ่งนัก” เป็นคำตอบจากเหมยฉางซู

“เพียงแต่ยาเม็ดที่หมอเทวดาสวินเจินปรุงขึ้นให้กระหม่อมโดยเฉพาะนั้นไม่อาจเพิ่มการบำรุงอื่นๆ โดยพลการ โส่วอูพันปีนั้นเป็นสิ่งของล้ำค่าชั้นหนึ่ง อย่าได้สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ส่วนน้ำแร่สมุนไพรบนเขาหลิงซาน เกรงว่ากระหม่อมต้องเขียนจดหมายสอบถามท่านหมอสวินเจินก่อน หากเขาว่าอาบได้ กระหม่อมค่อยไปรบกวนองค์ชาย”

รัชทายาทเห็นเหมยฉางซูปฏิเสธอวี้หวังค่อยโล่งใจขึ้นบ้าง

“นั่นสิ การรักษาอาการป่วยจะสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไม่ใช่ยาอะไรราคาแพงก็ยัดใส่ปาก น้ำอะไรวิเศษก็กระโดดตูมลงไปอาบ ถ้าในวังเจ้าไม่มีหมอที่เก่งกว่าหมอเทวดาสวินเจินก็อย่าได้ออกความเห็นให้ท่านซูยุ่งยากลำบากใจเลย”

ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนที่เหมยฉางซูรู้สึก 2 พี่น้องเปลือกนอกแสดงออกด้วยความมีมารยาท แต่ความจริงภายในกลับไม่ต่างจากไก่ชนที่พร้อมจะจิกกัดตลอดเวลา

แต่ภายในการจิกกัดก็สะท้อน “ภูมิปัญญา” ออกมาด้วย

 

ทั้งหมดล้วนอยู่ในการพินิจพิจารณาอย่างสังเคราะห์ของเหมยฉางซู ทั้งหมดล้วนเป็นไปตามความห่วงใยอันมาจากหนีหวงจวิ้นจู่

ระหว่างรัชทายาทกับอวี้หวังมีจุดต่างกันอย่างแน่นอน

เราท่านซึ่งเป็นนักสังเกตการณ์ก็ค่อยๆ มองออกเช่นเดียวกับเหมยฉางซู นั่นก็คือ อวี้หวังมีความประณีตมากกว่ารัชทายาท

เสาะหา “ข้อมูล” อันเกี่ยวกับเหมยฉางซูได้ลึกกว่า กว้างขวางกว่า