วางบิล /เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ /จากเสนีย์ เสาวพงศ์ ถึงศิวะ รณชิต

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์             

จากเสนีย์ เสาวพงศ์ ถึงศิวะ รณชิต

 

เหตุที่นเรศ นโรปกรณ์ ต้องหยุดเขียนหนังสือนานถึง 4 ปี คือ

ในที่สุดผู้เขียนและบรรณาธิการ “เดลิไทม์” ก็ถูกเรียกตัวไปเข้านั่งจุมปุ๊กอยู่ต่อหน้าคณะกรรมการหลายท่าน ที่ยังจำได้ชัดๆ ถนัดใจ ก็มีอาจารย์คุณหญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา และคุณสมัคร สุนทรเวช ส่วนอีก 3 ท่านนั้น ที่จำไม่ได้เพราะท่านนั่งทางในดูหน้าพวกเราเฉยๆ ไม่ได้พูดว่าอะไร

อาจารย์คุณหญิงสมโรจน์กล่าวขึ้นก่อน หลังจากเรายกมือสาธุท่านตามธรรมเนียมลูกศิษย์ว่า หนังสือพิมพ์เดลิไทม์นั้นชั้นชอบอ่านมาก มีอะไรดีๆ เยอะ หนังสือสะอาด สุภาพ ไม่มีเรื่องโป๊ลามก นับเป็นหนังสือพิมพ์ที่ดีฉบับหนึ่ง

คุณสมัคร สุนทรเวช ก็ว่าเหมือนอาจารย์คุณหญิงสมโรจน์ แต่ท่านมีแถมท้ายว่ามีอะไรไม่ดีที่ไม่ควรอยู่แค่ 2 คอลัมน์ คือ คอลัมน์คุณนเรศ นโรปกรณ์ ที่จวกคุณสมัครอยู่ทุกวัน กับคอลัมน์ “ลมตะวันออก” ของศิวะ รณชิต ถ้าไม่มี 2 คนนี่เขียนละก็ หนังสือพิมพ์เดลิไทม์ก็มีสิทธิจะพิมพ์ขายต่อไปได้

ผู้เขียนมองหน้าท่านมหาน้าเชลงอยู่ครู่ใหญ่ ในเวลานั้นเรามีนักหนังสือพิมพ์ประจำกอง บ.ก.อยู่ 55 คน มีคนงานในแผนกต่างๆ อีก 150 คน หนังสือพิมพ์เป็นหม้อข้าวของพวกเราทุกคน ถ้าเปิดไม่ได้ก็ต้องเลหลังแท่นพิมพ์ราคา 5 ล้านบาท เพราะยังผ่อนแบงก์ไม่หมด ไหนยังจะดอกเบี้ยดอกหอยอีกหลายอัฐ ในที่สุดน้าเชลงก็พยักหน้าว่า รับจะให้เป็นไปตามนั้นทุกประการ

หนังสือพิมพ์เดลิไทม์ก็เปิดใหม่ได้ท่ามกลางความเศร้าของพวกเราทุกคน ในวันนี้ จะต้องขอขอบพระคุณต่อคุณนเรศ นโรปกรณ์ และคุณศิวะ รณชิต เอาไว้อีกครั้ง ที่ท่านแสดงน้ำใจไม่โกรธเคือง และยังเห็นใจเสียอีก ที่ท่านเขียนหนังสือให้ก็ได้สตางค์ไม่กี่อัฐฬส ท่านทำอย่างอื่นได้มากกว่าถมเถ ยังอุตส่าห์เสียสละเวลามาเขียนเพื่อส่วนรวมยังถูกกลั่นแกล้งโดยผู้มีอำนาจบาตรใหญ่อย่างนี้ ท่านพอใจที่จะให้หนังสือพิมพ์เดลิไทม์ที่ท่านเอ็นดูได้ทำงานต่อไป เพื่อประชาชนและส่วนรวม ซึ่งเราก็ได้พยายามกระทำอย่างนี้ตลอดมา

จบข้อเขียนของคุณพี่ “สนทะเล” เกี่ยวกับนเรศ นโรปกรณ์ และศิวะ รณชิต ที่ถูกอำนาจบาตรใหญ่พยายามลบชื่อออกจากวงการหนังสือพิมพ์เพียงเท่านี้

 

ท่านทั้งหลายโปรดสำเหนียกเอาเองจากข้อเขียนดังกล่าว และเปรียบเทียบด้วยว่า ถ้าผมเป็นผู้ตอบคำถามที่สงสัยกัน แทนที่จะเป็นคุณพี่ “สนทะเล” เป็นผมตอบอย่างนี้ ผลจะเป็นอย่างไร?

เอาละครับ บัดนี้ก็มีผู้กล้าหาญเปิดหน้ากระดาษให้ผมประกอบอาชีพอีกแล้ว ถ้าผมยังไม่ตายเสียก่อน เราก็คงพบกันเรื่อยไป หรือแล้วแต่โอกาสอันควร

นั้นคือที่มาที่ไปของคอลัมน์ “นเรศ นโรปกรณ์ เขียน เขียน” ในมติชนสุดสัปดาห์ตั้งแต่ฉบับแรกๆ

นเรศ นโรปกรณ์ ขณะนั้นเปิดร้านจำหน่ายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และหนังสือเล่มหลากหลายอยู่ใกล้ประตูวังสรรพศาสตร์ ถนนตะนาว ไม่ต้องทวงต้นฉบับไกล

เพียงเดินไปที่ร้านอ่านหนังสือพิมพ์สักสองสามฉบับก็ได้ข้อเขียนของ “พี่นเรศ” มาลงตีพิมพ์แล้ว

 

จากมติชนสุดสัปดาห์ฉบับนั้นต่อมาอีกไม่กี่ฉบับ มีโฆษณาติดกับคอลัมน์ “นเรศ นโรปกรณ์” ขึ้นหัวด้วย “โลโก้มติชนสุดสัปดาห์” ว่า

หนังสือสำหรับครอบครัวในราคาประหยัดสุดขีด 5 บาท แลกเปลี่ยนกับเนื้อหาสาระ บันเทิงคดีคับคั่ง เรื่องสั้นเรื่องยาวเต็มเหยียด

ศิวะ รณชิต

นักเขียนต้องห้ามสมัยหนึ่ง กลับมาในมาดใหม่ เขียนนวนิยายจากเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ยุครัตนโกสินทร์สมัยเริ่มระบอบแบบอารยประชาธิปไตย เพื่อราษฎรไทยได้สิทธิเสรี

ฝากไว้ในแผ่นดิน

“ท่ามกลางกระสุนที่ผ่านไปเหมือนห่าฝน ‘ท่านเจ้าคุณ’ หันไปยกปืนพกในมือของท่าน ลั่นกระสุนนัดสุดท้ายออกไป ไม่ปรากฏผลให้เห็น เขาเห็นแต่ผลที่ตอบสนอง ร่างของ ‘ท่านเจ้าคุณ’ กลายเป็นเป้านิ่งของปืนหลายกระบอกจนผงะล้มลงแน่นิ่ง…”

ข้อความนั้นอยู่ในล้อมกรอบพื้นดำ ตามต่อด้วยข้อความ

“ท่านเจ้าคุณ” ของเรื่องนี้ จะเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ที่ต้องติดตามคือเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปต่างหาก

มติชนฉบับสุดสัปดาห์ คุ้มค่าเกินราคา 5 บาท

เราประหยัดเงินในกระเป๋าของท่าน แต่ไม่ประหยัดเนื้อหาสาระที่จะให้ท่าน

นวนิยายแห่งยุครัตนโกสินทร์สมัยเริ่มระบอบแบบอารยประชาธิปไตยอีกเรื่องหนึ่งของศิวะ รณชิต จะตามติดประกบกับนวนิยายแห่งยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลายใกล้กรุงแตก ถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นนวนิยายที่ไม่แตกต่างในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากอริราชศัตรู และนวนิยายการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ในยุคศักดินา

 

นอกจากนั้นยังมีบทสัมภาษณ์น่าสนใจจากนายพลทหารและนายพลตำรวจที่พูดจาตรงไปตรงมา อาทิ พล.ต.ท.แสวง หงษ์นคร ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปราม เป็นลูกชาวนาจากจังหวัดบุรีรัมย์ สอบเข้าโรงเรียนายร้อย จปร. คนที่ 114 ในจำนวนที่ต้องการรับ 114 คน รุ่นเดียวกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน

สมัครไปเป็นนายตำรวจหลังจบจากการศึกษา เพราะคิดว่าจะก้าวหน้าในอาชีพราชการดีกว่า…ให้ความเห็นเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่นว่า การคอร์รัปชั่นถ้าไม่มีหนังสือพิมพ์ช่วยปราบไม่ไหว อย่างคดีท้องถิ่น ถ้าผมไม่มีหนังสือพิมพ์หนุนหลัง ผมโดนพวกนั้นโจมตีตายเลย คล้ายว่าใครมาแตะต้องผม หนังสือพิมพ์ก็เป็นหูเป็นตาให้ผม ไม่เช่นนั้น ฮึๆๆๆ คงโดนโจมตีตายแน่ๆ

ส่วนการสัมภาษณ์นายพลทหาร พล.อ.อ.พะเนียง กานตรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารอากาศ คำถามว่าทุกคนอยากให้รัฐบาลมีเสถียรภาพที่มั่นคงถึงเลือกตั้งคราวหน้า จะได้มีการเลือกตั้งตามกำหนด เปลี่ยนทุกปีไม่ไหวจริงๆ

พล.อ.อ.พะเนียงตอบคำถามนี้ว่า “มันถอยหลัง ในหลวงทรงรับสั่งตอนปฏิวัติว่า ปฏิวัติทีไรถอยหลังเข้าคลองเรื่อยไป ปฏิวัติทีก็ถอยที”