คำ ผกา | คนไม่มีเกียรติ

คำ ผกา

“ในท่ามกลางวิถีการอภิปรายในสภาสองวันที่ผ่านมาที่มีการอภิปรายกระทบกระแทกแดกด่า คัดค้าน ตอบโต้ไปมา มีหนึ่งเสียงที่ด้วยเนื้อหาและภาพลักษณ์ทำให้สะดุดใจว่าวิธีพูดวิธีคิดน่าสนใจ จนได้รู้จัก

แม้จะอยู่พรรคที่แสดงแต่ผลงานก้าวร้าว น่าสนใจว่าเขาเป็นใคร มีประสบการณ์อย่างไรจึงมาอยู่ ณ เวทีนี้ บังเอิญได้สนทนากันก็ให้สนใจว่าเขาแสดงความนอบน้อม และเมื่อบอกเขาว่ากลุ่ม ส.ว.หลายท่านที่นั่งไม่ไกลนักกล่าวชื่นชม หนุ่มน้อยได้แสดงวิถีที่ไม่คาดฝัน

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_2749445

ประสบการณ์การประชุมสภาที่บอกว่าสมาชิกเป็นผู้ทรงเกียรติ แต่วัฒนธรรมและสิ่งที่พบไม่น่าเรียกว่าเป็นการกระทำที่ทรงเกียรติ ทั้งนี้ บางฝ่ายนิยมการอภิปรายด้วยคำพูดส่อเสียดเบาๆ ไปจนส่อเสียดเหยียดหยามหนักหน่วง มีการเล่นเกมหลอกด่า มีการทดสอบอำนาจประธาน มีการให้ร้าย มีการด่าทั้งซึ่งหน้าและลับหลัง มีทั้งการด่าหรือส่อเสียดลับหลัง เบาหน่อยก็เรียกว่าแดก ศีลห้าข้อสี่น่าจะถูกละเมิดตลอดเวลา

พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวอีกว่า การถูกกำหนดให้ต้องนั่งฟัง กลายเป็นการฝึกผจญมาร บวกกับความสามารถของประธานในการจัดการกับการไม่รักษาเกียรติของสมาชิก กลายเป็นแบบฝึกหัดผจญมารเพิ่มเติม ที่หนักสุดคงเป็นสภาวะอารมณ์ผู้นำที่ต่อกรกับคำพูดที่ทำลายเกียรติในการอภิปรายของฝ่ายค้าน นี่แค่ครั้งแรกที่ต้องประชุมร่วมสามฝ่ายคือ ส.ส. ส.ว. และรัฐบาล คำพูดที่ปกติจะได้ยินในละครทีวีเน่าๆ มีมาให้ต้องฝึกจิตให้นิ่ง ให้ละวาง สภาอันทรงเกียรติต้องอาศัยผู้ปฏิบัติงานที่มีเกียรติ ที่รักษาเกียรติ ที่ให้เกียรติผู้อื่น ที่ให้เกียรติสถานที่ แต่ที่พบดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย

https://theworldnews.net/th-news/hm-phrthiphy-o-dnangphcchymaar2wankabphrtikrrmsphaaphuuthrngekiiyrti

อ่านความคิดเห็นของ ส.ว.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ แล้วทำให้อยากพูดเรื่องเกียรติของสภาและสมาชิกรัฐสภา เพราะเราต้องไม่ลืมว่า หนึ่งในกระบวนการและขบวนการดิสเคiดิตประชาธิปไตยคือการโน้มน้าวให้สังคมเชื่อว่าสภาเป็นเพียงพื้นที่แย่งชิงผลประโยชน์ของนักการเมือง การอภิปรายในสภาเต็มไปด้วยเรื่องน้ำเน่า ไม่สร้างสรรค์ ตีโวหาร เสียดสี ด่าทอกันไปมา หาสาระอันใดไม่ได้ ส.ส.บางคนนั้นก็กักขฬะเหลือทน หยาบคาย ทำตัวไม่สมกับสมาชิกผู้ทรงเกียรติ

การอภิปรายในสภาครั้งล่าสุดก็มีเสียงชื่นชม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กันเซ็งแซ่ว่า สุขม เป็นสุภาพบุรุษ มารยาทงดงาม เหมาะสมจะนั่งเป็นนายกฯ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โผงผาง ฉุนเฉียว ไปจนกระทั่ง ส.ส.ฝ่ายพลังประชารัฐ ส.ว.หลายคนก็พากันออกมาแซ่ซ้องสรรเสริญ ทิม พิธา ว่า โอ้วว ว้าว วู้ววว นี่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการเมืองไทย มันช่างงดงามเหลือเกิน มี ส.ส.ที่อภิปรายอย่าง “สร้างสรรค์” ไม่เสียดสี เหน็บแนม ไม่ว่าใครเอาข้อมูลมาคุยกันล้วนๆ สร้างสรรค์มากเลย นอบน้อมมารยาทดี ไม่มีใครประท้วง เคลิ้มกันไปหมด

ดูกร ส.ส.คนถ่อยทั้งหลาย จงดูพี่ทิมเป็นตัวอย่างนะจ๊ะ นี่แหละตัวอย่างของการทำงานในสภาอันทรงเกียรติที่ทุกคนพึงยกย่อง

อ่านแล้วฉันก็อยากจะพูดด้วยเหมือนกันว่า – ดูกรวิญญูชนทั้งหลาย อย่าเพิ่งเคลิ้ม ไยเราจะให้ผู้คนที่ไร้เกียรติ เดินเข้าสภามาอย่างไร้ความสง่างาม มาสั่งสอนเราว่า อย่างไรจึงถือเป็นการกระทำที่มีเกียรติ!!!???

ไยเราตื่นเต้น กระดี๊กระด๊า ระริกระรี้กับคำชมจากบุรุษที่ได้อำนาจทางการเมืองมาอย่างฉ้อฉล???

คนเหล่านั้นมีเกียรติพอที่เราจะยอมรับคำ “ชม” หรือเอาคำ “ชม” จากพวกเขามาเป็นบรรทัดฐาน แบบอย่างแห่งการกระทำหรือ?

ฉันจึงขอทบทวนอีกครั้งว่า เกียรติของสภา และ ส.ส.ในสภา อยู่ที่ตรงไหน?

ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี ฉันต้องการอยู่ในสังคม การเมืองที่กำกับด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย ระบบรัฐสภานั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นสถานที่อันยืนยันว่าอำนาจของประชาชนสถิตอยู่ ณ ที่นั่น ผ่านการทำงานของตัวแทนประชาชน

อันภาษาอังกฤษเรียกว่า House representative

ที่ต้องยกภาษาอังกฤษมาเพราะบางทีเราอยู่กับภาษาไทยจนเคยชินแล้วลืมความหมายตามตัวอักษรของมัน

เราพูดคำว่า “ผู้แทนฯ” โดยไม่ตระหนักถึงความหมายของคำว่า “ผู้แทนฯ” ตามตัวอักษรของมันคือ ผู้ที่ใช้อำนาจแทนประชาชน เป็นผู้ represent อำนาจและเจตจำนงของประชาชน

เหตุที่สภาผู้แทนราษฎรเป็นสถานที่อันทรงเกียรติก็เนื่องมาจากฐานคิดที่เชื่อว่าพลเมืองของชาติ ประชาชนคือหน่วยการเมืองที่มีเกียรติสูงยิ่ง สภาผู้แทนราษฎรคือสถานที่ที่ผู้แทนฯ หรือตัวแทนของราษฎร/ประชาชนไปทำงานเพื่อปกป้องสิทธิ ผลประโยชน์ของประชาชนที่พวกgขา represent มา ตัวผู้แทนฯ และตัวสภาจึง “ทรงเกียรติ” นั้น

สภาผู้แทนราษฎรในฐานะที่มันเป็นสถานที่ มันจึงไม่ได้ทรงไว้ซึ่งเกียรตินั้นด้วยตัวของมันเอง หรือมันไม่ได้เป็นสถานที่อันสูงส่ง ศักดิ์สิทธิ์ดั่งศาสนสถานที่จะมีอำนาจลี้ลับบางอย่างเหนือผู้คน มันจึงไม่ได้มีอำนาจอะไรด้วยตัวของมันเองที่ประชาชนต้องไปเคารพยกย่องโดยอัตโนมัติ แต่ทรงเกียรติได้เพราะ represents อำนาจของประชาชนอยู่

ถ้าวันใดวันหนึ่ง สภาเป็นสภาของคณะบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศโดยไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชน แต่ยึดอำนาจนั้นมาปกครองประชาชนให้เป็นเบี้ยล่างสภานั้นโดยอ้างอิงตามมาตรฐานของอุดมการณ์ประชาธิปไตยมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ทรงเกียรติอีกต่อไป ตรงกันข้ามมันจะเป็นประจักษ์พยานแห่งความอัปยศอดสูของประชาชน

เช่นเดียวกัน คำเรียก “ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ” หรือ “ส.ว.ผู้ทรงเกียรติ” นั้นก็มาจากฐานคิดว่า เกียรตินั้นมีได้ด้วยอ้างอิงจากเกียรติของประชาชน มีเกียรติเพราะเป็นตัวแทนของประชาชน กรณีของ ส.ว. หากไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนก็โดยทางอ้อมคือยึดโยงกับประชาชนในทางใดทางหนึ่ง ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่การยึดโยงกับคณะรัฐประหารเป็นแน่

ดังนั้น การนับว่ามีเกียรติหรือไม่มีเกียรติ เริ่มนับหนึ่งกันตรงที่ “มาจากประชาชนเลือกหรือไม่?”

ลําดับถัดจากนั้น จะดำรงไว้ซึ่งเกียรตินั้นได้หรือไม่ก็วัดกันที่ทำงานในฐานะตัวแทนของประชาชนได้ดีแค่ไหน? ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจริงหรือเปล่า เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนที่เลือกตัวเองมาได้แค่ไหน ทรยศต่อคำมั่นสัญญากับประชาชนหรือเปล่า?

ไอ้ประเภทตอนหาเสียงพูดปาวๆ ว่า “ไม่เอาสืบทอดอำนาจ ต่อต้านเผด็จการ” แล้วหลังเลือกตั้งถลาไปอยู่กับฝ่ายสืบทอดอำนาจแล้วอ้างว่า “ตัวๆ เค้าจำเป็นต้องไปน้า ตัวเข้าใจเค้าหน่อย คือถ้าเค้าอยากแก้ รธน. เค้าไปอ่ะตัว”

อีแบบนี้ให้คาบหนังสือสมบัติผู้ดีออกมาจากท้องแม่ก็เรียกว่า “ไร้เกียรติ”

การทรยศ ตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนคือการถลกเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของผู้แทนราษฎรออกไปจากตัว หาใช่การมีมารยาท หรือเลเวลของการนอบน้อมหรือไม่นอบน้อม เพราะคุณไปพูดจนประชาชนเชื่อมั่น มอบอำนาจให้กับคุณ คุณได้อำนาจไปแล้วทรยศต่อเขา มันก็คือการทำลายเกียรติ

ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกคนที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย ได้เป็น ส.ส.เพราะการฉ้อฉลทางกติกา อำนาจ บิดพลิ้วหลักการ คนที่ไปอยู่ในสภาด้วยวิธีการอันไม่ชอบธรรม จะด้วยวิธีใดก็ตามแต่ ต่อให้พูดจาดี มารยาทดี นอบน้อม อ่อนหวาน ก็ไม่ได้ทำให้กลายเป็นผู้มีเกียรติขึ้นมาได้ ถ้าเราอ้างอิงหลักการประชาธิปไตย และว่าในระนาบของความสัมพันธ์เชิงการเมือง

เราอาจมีเพื่อน มีญาติ มีคนรู้จักที่นิสัยดี น่ารัก อ่อนหวาน มารยาทงาม กตัญญู รักสัตว์ ถ้าว่ากันในระนาบของความสัมพันTNส่วนตัว เขาคือคนดี คนมีเกียรติ

แต่ถ้าเขาคนนั้นไปสังคายนากับการชิงอำนาจประชาชน ในระนาบของความสัมพันธ์เชิงการเมือง เราไม่อาจบอกได้ว่าเขาคือคนที่มีเกียรติ

เมื่อเป็นเช่นนั้น ในความเห็นของฉัน, ในระนาบของความสัมพันธ์ทางการเมือง และโดยการอ้างอิงตามหลักการประชาธิปไตย ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน, ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง และ ส.ส.ที่ไม่ได้เป็นติ่งเผด็จการและการรัฐประหารทุกคนมีเกียรติเสมอกัน

หนักไปกว่า ส.ส.และพรรคการเมืองใดที่อุทิศตนเพื่อการปฏิสังขรณ์ระบอบประชาธิปไตยในสังคมไทยให้กลับคืนมา ส.ส. นักการเมือง และพรรคการเมืองเหล่านั้นก็ยิ่งทวีเกียรติมากขึ้นไปอีก

ในแง่นี้ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค ที่จับมือกันขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมน^ญ และพยายามทำให้สภาเป็นสถานที่สำหรับการขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยจึงเป็นผู้มีเกียรติทั้งสิ้นทุกผู้ทุกคน

เกียรตินี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ขึ้นอยู่กับผลงาน การทำงานหนัก การอุทิศตนให้กับหน้าที่การเป็นตัวแทนของประชาชน ความสำเร็จของคนเหล่านี้ไม่ได้วัดจากการถูก อู้ว อ้า ว่า ว้าย ขนาดพรรคพลังประชารัฐยังชม

ต๊าย ขนาด ส.ว.ที่เขาเกลียดพรรคอนาคตใหม่จะตาย เขายังชม – อันนี้มวลชนฝ่ายเชียร์ประชาธิปไตยต้องทบทวนตัวเองดีๆ ว่า มาตรฐานการวัดผลของตนยังปกติดีอยู่หรือไม่

กลับมาที่ความคิดเห็นของ ส.ว.พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ฉันอ่านแล้วอมยิ้มไปมา ว่าช่างกล้าที่จะไป “ชม” ส.ส.ทิม พิธา ว่า อร้าย เป็นคนดี คนเก่ง ภาพลักษณ์ดี พูดจาดี ไม่สมกับอยู่พรรคที่ก้าวร้าวเลย พวกเธอทั้งหลายจงดูคนนี้เอาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง แล้วพยายามทำให้ได้เหมือนเค้านะจ๊ะ

แหม… ส.ว.คะ อย่างที่ได้เรียนให้ทราบว่า ในฐานะประชาชน เราไม่ได้แคร์ภาพลักษณ์ กิริยา มารยาท เท่ากับประเด็นที่ว่า เส้นทางการเดินเข้ามานั่งในสภาของเขานั้นมาอย่างไร?

คนที่อิงอำนาจการชิงอำนาจประชาชนมาแล้วยังกล้าจะมาสอนคนอื่นว่าเกียรติคืออะไร มารยาทคืออะไร นี่เขาเอาความเชื่vมั่นกล้าหาญมาจากไหนกันนักหนานี่?

แล้วที่ต้องมานั่งฝึกตบะว่าด้วยการผจญมารนี่ถามประชาชนที่อำนาจเขาถูกปล้นไปนับ 10 ปี หรือยังว่า เขาต้องอดทนแค่ไหน? แถมยังต้องมานั่งจ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้กับคนที่มาดูถูกตัวแทนของเขาว่าเป็นยักษ์เป็นมารอีก

ภาษาละครหลังข่าวเขาคงอุทานว่า พูดออกมาได้ เฮงซวย

ย้ำอีกครั้งว่า ในฐานะประชาชน เราไม่ได้แคร์ว่าใครจะมารยาทดี ไหว้งาม วาจาอ่อนหวาน เราแคร์ว่า นักการเมืองและ ส.ส.คนไหนทำงานโดยตระหนักถึงเกียรติในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนหรือไม่ ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ สิทธิ เสรีภาพของประชาชนแค่ไหนมากกว่า เรื่องภาพลักษณ์ การศึกษา มารยาท เปลือกๆ ไม่ใช่แก่นสาร

เขียนถึงตรงนี้ก็ให้ต้องอนุโมทนากันใหม่ว่า ท่านที่เทศนาคนอื่นว่าไม่มีเกียรติ ไม่รักษาเกียรติ ไม่ทำให้เกียรติต่อสถานที่อันทรงเกียรตินั้น ใครกันแน่ที่ไร้ซึ่งเกียรติโดยสิ้นเชิง