ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
ระบบการเงินทั่วโลกสะเทือน
เมื่อเฟซบุ๊กเปิดตัว Libra
การปฏิวัติการเงิน Libra ของเฟซบุ๊ก เกิดความท้าทายระบบการเงินปัจจุบันต่อแบงก์ชาติและระบบการเงินทั่วโลก Libra เป็นองค์กรที่จะมาบริหารระบบ โดยใน 28 สมาชิกผู้ก่อตั้งนั้นไม่มีภาครัฐและไม่มีธนาคารร่วมด้วย
เฟซบุ๊กต้องการจะสร้างระบบชำระเงินโลกใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและถูกลงสำหรับผู้ใช้ โดยเฟซบุ๊กกล่าวอย่างชัดเจนว่าต้องการช่วยคนที่เข้าไม่ถึงบริการการเงิน และลด painpoint เรื่องการโอนเงินข้ามประเทศ (remittance) ที่เป็นประเด็นใหญ่มากสำหรับเศรษฐกิจกำลังพัฒนา
ประเด็นใหญ่เกิดขึ้นทันทีที่ Libra ของเฟซบุ๊กกำลังพัฒนาระบบการเงิน ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนสหรัฐอเมริกาจากพรรคเดโมแครต ประธานคณะกรรมาธิการบริหารด้านการเงินของสหรัฐอเมริกาได้เรียกร้องให้ “เฟซบุ๊ก” ทบทวนการพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลหรือคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency)
สํานักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “แม็กซีน วอเตอร์ส” ยังระบุว่า “เมื่อพิจารณาปัญหาที่ผ่านมาของบริษัทเฟซบุ๊ก ดิฉันขอเรียกร้องให้เฟซบุ๊กหยุดการพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลชั่วคราว จนกว่ารัฐสภาและหน่วยงานกำกับดูแลได้ตรวจสอบพิจารณาก่อน”
และแพทริก แม็กเฮนรี่ (Patrick McHenry) ผู้แทนของพรรครีพับลิกันในคณะกรรมาธิการดังกล่าวเป็นผู้เสนอให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ “ขณะที่มีการยืนยันว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะสามารถส่งเสริมการรวมตัวทางการเงินและการชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา แต่ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับขอบเขตและขนาดของการพัฒนานี้ รวมถึงสิ่งนี้จะสอดคล้องกับกรอบการกำกับดูแลด้านการเงินทั่วโลกของเราอย่างไร”
“แม็กเฮนรี่” ยังระบุเพิ่มเติมว่า “เราต้องก้าวไปให้ไกลกว่าข่าวลือและการคาดการณ์ แต่ต้องเป็นการหารือกันเพื่อประเมินโครงการนี้และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบการเงิน”
ขณะที่เชอร์ร็อด บราวน์ (Sherrod Brown) สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตได้แสดงความกังวลผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “เฟซบุ๊กมีขนาดใหญ่และทรงพลังมากเกินไป และใช้พลังนั้นในการใช้ประโยชน์จากผู้ใช้งานโดยไม่มีการปกป้องความเป็นส่วนตัว เราไม่สามารถอนุมัติให้เฟซบุ๊กเรียกใช้สกุลเงินดิจิตอลใหม่ที่มีความเสี่ยงสูงโดยไม่มีการกำกับดูแล”
มาร์ก เวอร์เนอร์ (Mark Warner) วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตชี้ว่า ชาวอเมริกันได้สูญเสียความไว้วางใจของเฟซบุ๊กในการรักษาความเป็นส่วนตัวของพวกเขาไปแล้ว
“ความคิดที่ว่าเราจะแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินกับเฟซบุ๊กนั้น ผมคิดว่าบริษัทมีความพยายามครั้งใหญ่ในการพยายามโน้มน้าวใจชาวอเมริกันให้เชื่อมั่นเฟซบุ๊กในการเก็บรักษาความลับของเขา” เวอร์เนอร์กล่าว
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กได้เปิดตัวสกุลดิจิตอล Libra โดยจะดำเนินงานอยู่บนระบบ Blockchain ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานด้วยเงินทุนสำรอง เปรียบเสมือนธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ที่ออกใช้เงินแต่ละสกุล เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, เยน, ปอนด์, ฟรังก์สวิส, หยวน ฯลฯ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ Libra มีมูลค่าในตัวเอง และมีเสถียรภาพ เป็นคลื่นลูกใหม่ที่มาท้าทายระบบการเงินปัจจุบัน
Facebook ซึ่งมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรและบริษัทชั้นนำ 27 แห่งทั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร บริษัทการเงิน บริษัทอีคอมเมิร์ซและเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ เช่น Paypal, Visa, Mastercard, Booking.com, Uber, Ebay และอื่นๆ
จึงทำให้เงิน Libra นอกจากจะสามารถใช้จ่ายผ่าน Facebook Messenger และ WhatsApp ได้แล้ว ยังสามารถใช้ชำระค่าบริการในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ จ่ายค่าบริการ Uber หรือ Spotify ได้อีกด้วย
ส่วน Facebook อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า แม้โลกในยุคปัจจุบันจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดและผู้คนหันมาทำธุรกรรมการเงินและชำระค่าบริการทางออนไลน์กันมากขึ้น แต่ก็ยังมีขั้นตอนการทำธุรกรรมที่ยุ่งยาก แต่ในทางกลับกัน สกุลเงิน Libra ตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อลดขั้นตอนในการทำธุรกรรมการเงินเหล่านี้ เพื่อให้ผู้ใช้งานรับ-ส่งเงินได้ทั่วโลกอย่างสะดวกง่ายดายแบบไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้นในการบริการ
ที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสถาบันการเงินอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน สามารถเข้าถึงบริการที่ต้องการได้ เงิน Libra เป็นสกุนเงินอย่างโอเพ่นซอร์ซ ที่เปิดเหมาะสำหรับให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถสร้างอะตอมหรือบริการอื่นๆ มาเชื่อมต่อระบบได้ ทำให้สามารถเกิดการขยายขอบเขตการให้บริการได้เพิ่มขึ้นอีกมาก และผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Calibra เสมือนกระเป๋าเงินติดตามตัวพกไปไหนต่อไหนก็ได้สำหรับใช้จ่ายเงิน Libra
ส่วนทางด้านความปลอดภัย Facebook ยืนยันว่าจะไม่มีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินให้กับผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ทางการตลาดอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่จะได้รับการยินยอมจากลูกค้าเสียก่อน ซึ่ง Facebook คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้สกุลเงิน Libra ได้ภายในปี 2020
ด้วยเหตุนี้ข้อมูลการซื้อขายทั้งหมดที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสินเชื่อ การลงทุน การซื้อประกัน โดยอาจจะคล้ายกับโมเดลการต่อยอดธุรกิจ payment หาก Libra กลายเป็น “เงินสกุลโลก” จริง และ Libra Association ก็จะเป็นเสมือน “ธนาคารกลางโลก” ที่ดูแลเงินตัวนี้จริง
สุดท้ายสมาพันธ์นี้จะกลายเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญอย่างมาก