ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 มกราคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ชุมชนอุษาคเนย์ดั้งเดิม (ยุคก่อนอินเดีย) นับถือศาสนาผี เชื่อว่าคนเรามีขวัญอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
ขวัญ บนหัวเรียกจอมขวัญ เป็นขวัญสำคัญสูงสุดของคน อยู่ตรงกลางกบาลส่วนสูงสุดกลางศีรษะ เรียกตรงนั้นว่ากระหม่อม จึงเป็นคำที่ผู้น้อยใช้แทนตัวเองเมื่อพูดกับผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้า เช่น ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม, ทูลเกล้าทูลกระหม่อม, โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ฯลฯ
คนตาย ขวัญไม่ตาย แต่ขวัญหายชั่วคราว ถ้าเรียกขวัญคืนร่าง คนก็ไม่ตาย จึงมีพิธีเรียกขวัญด้วยการละเล่นมหรสพสนุกสนานในงานศพสืบจนทุกวันนี้
เมื่อขวัญหายถาวร ต้องเชิญขวัญไปเมืองฟ้า ทางน้ำ เพื่อรวมพลังกับผีขวัญบรรพชนปกป้องคุ้มครองคนในชุมชนที่ยังไม่ตาย
พิธีกรรมตามความเชื่อเรื่องขวัญ ยังมีในกลุ่มไต-ไท ทางภาคเหนือของเวียดนาม แต่ลืมหมดแล้วในคนไทยปัจจุบันของไทย
พิธีศพของไทยดำ
งานศพของไทดำในเวียดนาม สุมิตร ปิติพัฒน์ อธิบายว่าเมื่อคนมีชีวิตตามปกติ ขวัญจะอยู่ในร่างกายของคนตามอวัยวะต่างๆ อย่างครบถ้วน
หากขวัญออกจากร่างไปบางส่วน (เมื่อคนตกใจหรือเจ็บไข้) ญาติพี่น้องต้องทำพิธีเรียกขวัญ, สู่ขวัญ ให้กลับเข้าสู่ร่างกายตามเดิม คนนั้นจึงจะหายเจ็บไข้
ถ้าขวัญไม่กลับเข้าร่าง ความเจ็บป่วยก็ไม่ทุเลา หรือถ้าขวัญออกหมดไปจากร่าง คนก็ตาย
“หากขวัญออกจากร่างกายจนหมดคนจะตาย แล้วเคลื่อนไหวไม่ได้ตลอดไป”
ขวัญที่ออกจากร่างจะกลายเป็นผีขวัญ คือไม่มีรูปร่าง จึงมองไม่เห็น แต่อาจทำอะไรบางอย่างได้ที่มีผลกระทบกระเทือนถึงผู้ยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะลูกหลานในครอบครัว
[ศาสนาและความเชื่อไทดำในสิบสองจุไท สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดย สุมิตร ปิติพัฒน์ สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2545 หน้า 106]
เรียกขวัญ
เรียกขวัญ, สู่ขวัญ ที่หายไปให้คืนร่างกายเดิม ยังมีร่องรอยเค้ามูลอยู่ในบทเรียกขวัญของไทดำ สุมิตร ปิติพัฒน์ พบว่าปัจจุบันเรียก บทสวดส่งผี มีโครงสร้างสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 เรียกผีขวัญกลับ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในป่า บนบก ในน้ำ ขอให้ผีขวัญกลับเรือน และบอกให้ผีขวัญรู้สึกตัว
ส่วนที่ 2 บอกทางผีขวัญไปเมืองฟ้า ว่าไปทางไหน? ผ่านอะไร? ต้องทำยังไง? ฯลฯ
[ศาสนาและความเชื่อไทดำฯ ของ สุมิตร ปิติพัฒน์ พ.ศ.2545 หน้า 89]
หมอผี หรือ หมอขวัญ ต้องสวดส่วนที่ 1 นานหลายวันหลายคืน เพื่อเรียกผีขวัญ แต่จะนานขนาดไหนขึ้นอยู่กับเครือญาติพี่น้องกำหนด ครั้นนานมากจนเห็นว่าขวัญไม่กลับถาวรแล้ว จึงสวดส่วนที่ 2
เมืองฟ้าไปทางน้ำ
พิธีสู่ขวัญเป็นข้อความบอกทางผีขวัญว่าคนตายต้องล่องเรือแพทางน้ำไปเมืองฟ้า มีร่องรอยเหลืออยู่ใน ไต-ไท บางกลุ่มของเวียดนามภาคเหนือ
เริ่มด้วยบอกเล่าประวัติคนตาย ตั้งแต่ปฏิสนธิ กระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วแต่งงานมีลูกมีหลานจนแก่เฒ่าเจ็บไข้ล้มตาย
จากนั้นเชิญผีขวัญกินข้าวปลาอาหาร เสร็จแล้วออกเดินทางไปเมืองฟ้า ผ่านหมู่บ้านต่างๆ หลายแห่ง แล้วล่องแพไปตามแม่น้ำ อันเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับเมืองฟ้า
[คนไตและลาจีในภาคเหนือของเวียดนาม โดย รองศาสตราจารย์สุมิตร ปิติพัฒน์, รองศาสตราจารย์ ดร.เสมอชัย พูลสุวรรณ, อาจารย์พิเชฐ สายพันธ์ สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2544 หน้า 48]
เมืองฟ้าไปทางน้ำ ยังไม่พบคำอธิบายว่าทำไม? เมืองฟ้าในที่นี้อยู่ไหน ข้างบนฟ้าหรือข้างใต้บาดาล?