แมลงวันในไร่ส้ม/ รุมพิฆาต ‘จ่านิว’ กระแสสังคมเดือด เหลืออด-รุกกลับ

แมลงวันในไร่ส้ม

รุมพิฆาต ‘จ่านิว’

กระแสสังคมเดือด

เหลืออด-รุกกลับ

 

เป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญประชาชน เมื่อคนร้าย 4 คนใช้กระบองรุมกระหน่ำตี “จ่านิว” หรือนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่คัดค้านการรัฐประหารของ คสช.มาตลอดบาดเจ็บสาหัส

เหตุเกิดเมื่อเวลา 11 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่ปากซอยพระยาสุเรนทร์ ซอย 2 ทางเข้าบ้านพักของจ่านิว ขณะที่จ่านิวเดินออกจากบ้าน ลักษณะการกระทำของคนร้ายที่ลงมือในเวลากลางวัน ท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก

สะท้อนความมั่นใจในการลงมือ เป็นการมาดักรอ และลงมืออย่างรุนแรง จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะถึงขนาดตั้งใจให้ถึงแก่ชีวิต

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน จ่านิวถูกกลุ่มบุคคลไม่ต่ำกว่า 5 คน สวมหมวกกันน็อก ใช้ไม้รุมทำร้ายจนบาดเจ็บ หลังจัดกิจกรรมเรียกร้องให้ ส.ว.งดออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี

เป็นการลงมือซ้ำๆ เหมือนคดีทำร้ายนักกิจกรรมที่เห็นต่างจากรัฐบาล ซึ่งจะถูกติดตาม ถูกทำร้ายซ้ำๆ แต่ตำรวจไม่เคยจับกุมคนร้ายได้

บางคดี อย่างเช่นการทำร้ายนายเอกชัย หงส์กังวาน ที่เคลื่อนไหวเรื่องนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดเผารถ และครั้งหลัง รุมทำร้ายที่ป้ายรถเมล์หน้าศาลยุติธรรมที่รัชดาฯ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

“อาชญากรรม” เพื่อสร้างความหวาดกลัว ไม่กล้าแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย ปัญหาคือ เมื่อผู้มีอำนาจทางกฎหมายไม่ขยับตัวจัดการอย่างจริงจัง แล้วใครจะเป็นผู้รักษากฎหมาย รักษาสิทธิ ดูแลสวัสดิภาพให้ประชาชน

 

อีกด้านหนึ่งของเหตุการณ์คือกองเชียร์รัฐบาล ที่แสดงออกในรูปของความสะใจ และพยายามแก้ต่าง

หลังเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน หง่าว-ยุทธนา มุกดาสนิท ศิลปินแห่งชาติ และผู้กำกับการภาพยนตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวว่า

“สรุปได้รึใครทำ จึงกระหน่ำย่ำยีรัฐ ส่วนตัวหรือฉากจัด รู้ชัดชัดได้อย่างไร!!!”

หรืออย่าง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า สร้างกระแส… การทำร้ายร่างกายครั้งนี้สร้างความหวาดกลัวทั่วไป

ทุกวันนี้ ไม่มีใครที่จะโง่พอไปทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้าม ยิ่งถ้าเป็นจ่านิวแล้ว ยิ่งไม่มีใครไปยุ่งแน่นอน ก็ได้ชัยชนะเลือกตั้งไปเรียบร้อยแล้วด้วย

แต่ถ้าว่าช่วงนี้ พรรคอนาคตดับมีกระแสขาลงอย่างต่อเนื่อง หากว่าถ้าจ่านิวถูกพวกเดียวกันทำร้าย เพราะเพียงต้องการปลุกระดม สร้างกระแสความสงสาร สร้างภาพไม่ดี กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม ดิฉันขอประณามคนที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายร่างกายจ่านิวให้ถูกยุบพรรค

และขอให้หัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรค และโฆษกพรรค ต้องติดคุก โดยอธิษฐานให้โฆษกพรรคติดคุกคนแรกเลย

การเมืองไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงในการสร้างให้ตนเองดูดี และคนอื่นดูแย่ การสร้างให้ตนเองดูดี คือการทำความดี ไม่ใช่วันๆ คิดแต่จะโซเชียลสร้างกระแสไปวันๆ จนมาวันนี้ กระแสเริ่มปั่นไม่ขึ้น จึงนำความรุนแรงเข้ามาในเกมการเมือง สกปรกและโหดมาก

อีกรายคือผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Siripong Rassamee โพสต์ข้อความว่า “เวรกรรมติดจรวด เมื่อวานมาพูดโกหก (ด่า) อยู่ที่หนองจอก วันนี้โดนซะแล้วนิว ที่คลองสามวา น้อยไปหน่อย”

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุว่า “ผมไม่คิดเลยว่า เป็นข้อความของ ส.ส.พรรค พปชร.เขตหนองจอก”

ต่อมา นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขต 17 หนองจอก กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดใจกับไทยรัฐออนไลน์ว่า โทรศัพท์ไม่ได้ล็อกไว้ เพื่อนก็เลยหยิบไปโพสต์ พอผมเข้าไปเห็นก็รีบลบออกไปทันที ซึ่งเพื่อนคนนั้นเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ และขอโทษ คือเขาก็คงแกล้งกันแหละ เพราะเห็นว่าพี่จ่านิวมาหนองจอกก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์นี้ 1 วัน

อีกคนคือ น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.นครสวรรค์ ผู้โดนผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคอนาคตใหม่ล้มในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ว่า “ต่อเหตุการณ์ของจ่านิว ผมคาดไม่ผิดที่หัวหน้าพรรคพรรคหนึ่ง จะฉวยโอกาสปลุกระดมสร้างความเกลียดชังขึ้นมา ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ จ่านิวเองเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เหตุที่เกิดอาจมาได้หลายสาเหตุ”

จากแวดวงดารา คราวนี้เป็นตัวประกอบ นามว่า “หนุ่ม” ไพฑูรย์ ส่งอุบล นักแสดงตัวประกอบในละครเรื่องหัวใจศิลา ที่ฉายทางช่องวัน โพสต์ข้อความถึงกรณีที่นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกทำร้ายอาการสาหัสว่า “อาชีพใหม่คือ โดนมือ โดนตีน ได้เงินบริจาค 55555”

ก่อนถูกผู้ใช้ทวิตเตอร์แคปข้อความดังกล่าวมาทวีต สุดท้ายเจ้าตัวออกมาขอโทษ

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งประเด็นของตำรวจว่า อาจมีเรื่องของการทวงหนี้ โดยมีนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำมาอ้างอิงต่อ

ทั้งหมดคือความพยายามที่จะบอกว่า การทำร้ายจ่านิว เป็นเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

 

การทำร้ายจ่านิวในครั้งนี้ คนออกคำสั่งและผู้ลงมือคงประเมินผิดว่า จะทำร้ายเหยื่อได้โดยไม่มีใครทำอะไรได้ จึงลงมือแบบไม่ยั้ง กะเอาถึงตาย

อาจประเมินว่า สังคมไทยเองชาชินกับเรื่องแบบนี้ และอาจประเมินจ่านิวต่ำเกินไปว่า ถูกทุบถูกตี คงจะไม่มีผลอะไร

แต่ครั้งนี้ หลายๆ ส่วนในสังคมไทยเริ่มเหลืออดกับการใช้อำนาจเถื่อน ละเมิดสิทธิของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองโดยเฉพาะตำรวจไม่เคยจับกุมคนร้ายได้

จนเกิดกระแสสังคมที่ลุกขึ้นปกป้องจ่านิว ระดมเงินค่ารักษา ขณะที่คนในวงการต่างๆ ทยอยร่วมบริจาคเงินช่วยคนละ 247.50 บาท เพื่อส่งสัญญาณสนับสนุนจ่านิว ซึ่งกำลังจัดงานรำลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ.2475

และเกิดกระแสคำถามสะพัดไปว่า ตำรวจจะจับคนร้ายได้หรือไม่

และจากการทำโพลสำรวจความเห็น สังคมไม่เชื่อว่าตำรวจจะดำเนินการอะไรได้

ขณะที่สังคมบางส่วนเชื่อว่าตำรวจไทยมีศักยภาพที่จะนำตัวคนผิดมาลงโทษ เพียงแต่จะทำหรือไม่ ด้วยเหตุอะไร เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก