กาละแมร์ พัชรศรี : ลมหายใจนี้เพื่อใคร…

อากาศเย็นๆ ที่ปกคลุมประเทศไทยทำให้บรรยากาศปลายปีดูชื่นมื่นและมีความสุขขึ้นมาบ้างหลังจากที่เราคนไทยอยู่ในความทุกข์โศกมานานนับเดือน

ดั่งพรจากฟ้าที่ประทานมาจากเบื้องบน มาปลอบประโลมให้พวกเราได้มีรอยยิ้ม ได้มีเสียงหัวเราะและใช้ชีวิตให้มีความสุขนับจากนี้เป็นต้นไป

ฉันเพิ่งมารู้ตัวเองว่าตลอดเวลาแห่งความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ฉันได้ลงมือทำการกุศลที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมากมาย

ฉันไม่ได้มานั่งนับว่าเราทำอะไรไปบ้าง จนมีนักข่าวมาถามถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ฉันทำลงไป เรื่องนั้นเรื่องนี้มากมายไปหมด

และเธอถามขึ้นมาว่า “เป็นเพราะอะไรฉันถึงทำเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา”

ในเวลานั้น ฉันตอบไปว่า “มันเป็นวิถีนิสัยของฉันอยู่แล้วที่จะนึกถึงคนอื่นและอยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น”

แต่พอฉันกลับมาบ้าน ฉันมานั่งทบทวนว่า ทำไมฉันถึงทำสิ่งมากมายอย่างนั้นได้อย่างที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งๆ ที่ตัวเองก็ทำงานตามหน้าที่รับผิดชอบไปด้วย

จนคำตอบมันผุดพรายขึ้นมา ฉันรู้แล้วว่าทำไม?

img_1940

ในวันที่พระองค์จากไป ในวันที่เราไม่มีพระองค์อีกแล้ว ในวันที่เราเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อประเทศชาติและคนไทยมากมายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

วันที่ฉันเฝ้าดูเฝ้าอ่านพระราชกรณียกิจ พระราชดำรัสที่หลั่งไหลเข้ามาในชีวิตอย่างไม่ขาดสาย

ทุกสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ ทุกคำที่พระองค์ท่านทรงสอนมัน คือหลักชัยของชีวิต มันคือหลักธรรมนำชีวิต ยิ่งทำให้ฉันประจักษ์แจ้งว่า เราโชคดีที่สุดที่เรามีบุคคลต้นแบบที่พระองค์ท่านทรงทำเป็นแบบอย่างให้เราดูมาตลอดชีวิต

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เราไม่เคยได้สังเกต เราไม่ได้เฝ้าดูอย่างพิจารณาและคิดตาม

มาในวันนี้แสงสว่างในปัญญาของฉันเริ่มแจ่มชัดขึ้น

และพลังในตัวของฉันมันทวีคูณขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์

ฉันได้ตั้งปณิธานอย่างแรงกล้าว่า ช่วยพัฒนาประเทศชาติอย่างเต็มกำลังความสารถ จะรักษาชาติไทยให้รุ่งเรือง จะทำนุบำรุงศาสนาให้ยืนยาว จะเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ยิ่งใหญ่ จะทำให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น

ยิ่งครั้งใดที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์หรือรูปของพระองค์ท่านปรากฏขึ้นตรงหน้า ฉันจะตั้งจิตอธิษฐานเสมอว่า “ขอให้พระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้ฉันทำสิ่งดีๆ ให้ประเทศสำเร็จ ให้ฉันมีกำลังกายกำลังใจที่จะช่วยเหลือผู้คนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ขอให้ฉันมีทรัพย์มากมายที่จะแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเต็มที่”

ฉันจึงใช้ทุกอย่างที่ฉันมี ทำสิ่งที่ฉันชอบ ถนัดและมีความสุข ลงแรง ลงใจ ใช้สื่อในทุกช่องทาง ลงเงิน แบบที่เราไม่เดือดร้อน

อะไรที่เราพอจะทำได้ฉันจึงไม่ลังเล

img_1938

พระราชดำรัสที่ก้องอยู่ในหัวฉันเสมอคือ ถ้าเราทำงานให้เป็นเรื่องสนุก สนุกกับสิ่งที่เราทำมันก็ไม่เหนื่อยเลย ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ และยิ่งเรามีเป้าหมายในการทำงานเพื่อผู้อื่นแล้ว เราจะยิ่งทำงานของเราให้ดีที่สุด เพราะเราอยากให้เขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเช่นกัน

และอีกเรื่องคือ พระองค์ตรัสว่า คนเราสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีได้ทุกวัน แต่มันต้องใช้การฝึกฝน ไม่ย่อท้อ ขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้นได้ทุกๆ วัน เป็นพระราชดำรัสที่เป็นแรงฮึด เป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ฉันตั้งใจที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นในทุกวัน ไม่ท้อถอยง่ายๆ

ในทุกๆ วันที่ฉันคิดถึงพระองค์ท่าน ฉันก็จะอ่านพระราชดำรัสที่พระองค์เคยตรัสไว้ตามโอกาสต่างๆ ซึ่งแต่ละครั้งได้ซ่อนหลักธรรมคำสอนไว้อยู่เสมอ

ในวันที่มีปัญหา ในวันที่เหนื่อยล้า ในวันที่ต้องการทางออก เมื่อเห็นสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ ทุกอย่างมันก็ถูกคลี่คลายและให้เราได้เดินหน้าต่อ ท่านทำมามากมายและยิ่งใหญ่กว่าเรานัก

แค่นี้เราก็ต้องผ่านไปได้

img_1940

ในวันที่ฉันอาสาไปทำงานให้โรงพยาบาลศิริราชในงาน “เดิน วิ่ง 9 นี้เพื่อประชา “สืบสานพระราชปณิธานของพ่อ” เพื่อนำเงินไปสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาส ชื่อตึกนี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ให้ นั่นหมายถึงว่า การที่เราร่วมกันทำบุญสร้างตึก ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ครั้งนี้ เราจะได้ร่วมบุญกุศลกับพระองค์ท่านด้วย

ในวันเปิดงาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธี ฉันนั้นยืนอยู่ตรงหน้าพระองค์ท่านห่างไปสัก 10 เมตร ฉันช่างโชคดีเหลือเกิน ฉันไม่เคยเฝ้าฯ พระองค์อย่างใกล้ชิดและยาวนานขนาดนี้มาก่อน

ก่อนเริ่มพิธีเปิดที่บริเวณหน้าลานพระราชบิดา โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ท่านทรงร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและแผ่นดินของเราร่วมกับคณะหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ประชาชนที่มาร่วมวิ่งด้วย

ในช่วงเวลาไม่กี่นาทีของบทเพลงทั้งสองนั้น แต่สำหรับฉันมันช่างยาวนานเหลือเกิน บทเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ได้ยินครั้งใดก็ยังคิดถึงพระองค์ท่านไม่เสื่อมคลาย ยิ่งได้เห็นพระพักตร์สมเด็จพระเทพฯ และพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ขนาดใหญ่บนตึกศิริราช ฉันมองสลับไปมา อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจนต้องเงยหน้าไว้อย่างนั้น ไม่อยากให้พระองค์ท่านเห็นว่าเราร้องไห้ ยิ่งเห็นแววพระเนตรมีน้ำอยู่ภายใน น้ำตาของฉันก็ยิ่งไหลออกมา

ในนาทีนั้นเองฉันบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า “ฉันต้องแบ่งเบาภาระของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านเหนื่อยมามากเหลือเกิน ฉันจะไม่ให้พระองค์ท่านเหนื่อยพระองค์เดียว ฉันจะสู้เพื่อแผ่นดินไทยให้เต็มกำลัง”

เราโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาบนแผ่นดินไทย มีพระมหากษัตริย์ที่เก่งที่สุด ดีที่สุด รักและเมตตาต่อประชาชนที่สุด คิดถึงแต่ประชาชนของพระองค์ท่านทุกลมหายใจ

มาวันนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันเกิดมาทำไมและมีสิ่งใดที่ฉันต้องทำไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ…

บริจาคสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา บริจาคได้ทางโทรศัพท์ กด *984*100# โทรออก ครั้งละ 100 บาท บริจาคกี่ครั้งก็ได้