ใส่บ่าแบกหาม / พรพิมล ลิ่มเจริญ/ A Star Is Born

ใส่บ่าแบกหาม / พรพิมล ลิ่มเจริญ

A Star Is Born

 

เธอจ๊ะ

A Star Is Born เป็นหนังรัก มีเพลงประกอบ เนื้อเรื่องมันดีนะ แข็งแรง สร้างแล้วสร้างอีกก็ไม่มีใครว่ากระไร

สร้างครั้งแรก ค.ศ.1937 ครั้งที่ 2 ค.ศ.1954 ครั้งที่ 3 ค.ศ.1976 แล้วก็ครั้งนี้ ค.ศ.2018 หรือมีระยะเวลาห่างกัน 17 ปี, 22 ปี และ 42 ปี ตามลำดับ

มีแนวโน้มว่าสร้างใหม่ครั้งต่อไปฉันน่าจะจากโลกนี้ไปแล้ว

Bradley Cooper เป็นผู้กำกับฯ ฉันชอบก็ตรงนี้ และเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย

ฉันพบเจอพี่แบรดลีย์ครั้งแรกก็ในซีรี่ส์เรื่อง Alias ที่มี Jennifer Garner แสดงเป็นสายลับซีไอเอ พี่เขาแสดงเป็นนักข่าวเพื่อนนางเอก ในตอนนั้นฉันยังสงสัยอยู่ว่า พี่เขาก็แสดงดีมีคุณภาพ มีคุณสมบัติทางกายภาพ แต่ไหงยิ่งแสดงคนสร้างเขายิ่งลดจำนวนตอนที่มีพี่เขาแสดงลงไปเรื่อยๆ

ก็นั่นแหละนะ โอกาสเป็นเรื่องสำคัญ มองย้อนกลับไป 10 ปี แรกในวงการฮอลลีวู้ดของพี่แบรดนั้น ตกระกำลำบากเอามากๆ หนักหนาขนาดคิดจะฆ่าตัวตาย ซึ่งก็เข้าใจได้ ขนาดได้รับบทนำแสดงเป็น  Anthony Bourdain ในซีรี่ส์ Kitchen Confidential ของช่อง Fox ก็แสดงไปได้ 4 ตอนเขาก็สั่งหยุดผลิตเพราะเรตติ้งต่ำ มันน่าช้ำใจและตกใจไม่หยอก

แต่พี่เขาก็อดทน พากเพียร บากบั่น จนได้มาแสดง The Hangover ชีวิตเริ่มดีมีบทดีๆ มาหา ในช่วง 4 ปีต่อไป มีผลงานหลายเรื่องเป็นที่เตะตา อย่าง New York, I Love You และ Valentine’s Day

และจากปี 2013 เป็นต้นมาก็มีผลงานแบบทั้งเข้าชิงรางวัล อย่าง American Hustle และ Silver Linings Playbook หรือไม่ก็อยู่ในหนังที่เป็นโปรเจ็กต์ มีคนสำคัญๆ ร่วมงานกัน อย่าง American Sniper ของ Clint Eastwood

แล้วยังรวมไปถึงละครเวทีบรอดเวย์เรื่อง The Elephant Man ที่พี่เขาแสดงดีจนได้เข้าชิงรางวัลโทนี่สาขานักแสดงนำชาย

และเรื่องนี้พี่เขาได้มาเป็นผู้กำกับการแสดง และแสดงเองด้วย และได้เลดี้กาก้ามาแสดงนำด้วยกัน

 

พี่เขาแสดงเป็นนักร้องเพลงแนวคันทรี่มีชื่อเสียงโด่งดัง ติดทั้งสุราเรื้อรังและยาเสพติด พี่เขาต้องร้องเพลงและแสดงสดขณะถ่ายทำ ด้วยว่าเลดี้กาก้ามีแนวคิดว่าถ่ายแบบลิปซิ้งมันไม่ “เรียล”

พี่แบรดเล่าในบทสัมภาษณ์ว่า ถ่ายจริงน่ะ 42 วัน แต่เตรียมตัวก่อนมาถ่ายทำ 3 ปีเต็มๆ

1 ปี 6 เดือนเต็มใช้ไปกับการเข้าคอร์สร้องเพลงและหัดเล่นกีตาร์และเปียโน และ 1 ปีเต็มกับการปรับเสียงพูดให้ต่ำลง พี่แบรดได้ Tim Monich มาทำหน้าที่ Dialect Coach หรือก็คือโค้ชด้านการเปล่งเสียงและการออกเสียงพูด มาดำเนินการช่วยปรับเสียงให้ต่ำลง 1 octave หรือ 8 ตัวโน้ต

ซึ่งคุณทิมนั้นก็ต้องย้ายมาอยู่ลอสแองเจลิส เพื่อดำเนินการปรับเสียง โดยพี่แบรดก็จะมาเข้าคลาสฝึกหัดวันละ 4 ชั่วโมงทุกวัน, 5 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 1 ปีเต็ม

ที่ลงทุนลงแรงทำไปหนักหนาสาหัสนี้ก็เพื่อความสมจริง สมกับที่ให้พี่แบรดได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทนี้

อุตสาหกรรมหนังของเขาดีงาม จึงแข็งแรง เพราะบุคลากรของเขาแข็งขันขยันยิ่ง ช่างน่าชมเชยยิ่งนัก

 

ฉันชอบเรื่องแบบนี้ ฉันเลยมาเล่าสู่เธอฟัง คนเราต้องบากบั่น เวลาคนพูดว่าการแสดงเป็นศิลปะมันต้องมีตัวอย่างแบบนี้ งานศิลปะควรต้องทุ่มเททั้งชีวิตและจิตวิญญาณ

อย่างของไทย มันไม่มี narrative หรือเรื่องเล่าแบบนี้ เวลามีหนังไทยทีมักมาบอกว่าใครแสดง ใช้วิธีอ้อนวอนคนดูให้ไปดู ที่ได้ยินบ่อยๆ ก็ เป็นคนไทยด้วยกันก็ต้องสนับสนุนหนังไทยสิ (อ้าว โยนมาว่าเป็นหน้าที่เลย ไหงงั้นล่ะ!) กับเรื่องนี้ใช้เวลาหาข้อมูลและเขียนบทมาตั้ง 2 ปี (แล้วแผนกอื่นลงทุนทุ่มเทอะไรบ้างไหม ไหนเล่าซิ! ทำไมหนังทั้งเรื่องมีแต่คนทำบทที่ทุ่มเท?)

หรือฝั่งดาราก็จะได้ว่า เรามาทำเวิร์กช็อปกันจะได้คุ้นเคย (คือแล้วไง แสดงดีไหม? อย่างไร? เพราะคนเป็นนักแสดงน่ะ แม้จะเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน แต่ให้แสดงเป็นคนรู้จักมักจี่กันมา 15 ปี ก็ต้องแสดงได้สิ เป็นนักแสดงก็ต้องแสดงเหอะ! แต่วิธีไหนฉันใคร่รู้)

พี่แบรดแสดงเป็น Jackson Maine หรือเรียกสั้นๆ ว่า Jack เป็นศิลปินแนวคันทรี่

เลดี้กาก้า หรือนามจริง Stefani Joanne Angelina Germanotta แสดงเป็น Ally พนักงานสาวเสิร์ฟที่มุ่งหมายใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง

พี่แจ๊กเมาทั้งวัน พอถึงเวลาแสดงก็พอจะประคองตัวไปแสดงบนเวทีได้จนจบการแสดง พอแสดงจบก็ต้องฉลอง เมื่อนั้นหัวราน้ำในทันใด

อยู่มาวันหนึ่ง หลังการแสดง พี่แจ๊กก็หาที่กินเหล้านั่นแหละ ก็จับพลัดจับผลูได้ไปอยู่ในบาร์เล็กๆ และได้เจอกับแอลลี่ ได้พบว่านางเสียงดี ร้องดี การแสดงก็ดี ประทับจิตประทับใจ

Look, talent comes everywhere.

Everybody’s talented.

…but having something to say

and the way to say it

so people listen to it,

that’s a whole nother bag.

นี่นะ ความสามารถมันมีทุกแห่ง

ใครๆ ก็มีความสามารถกันทั้งนั้น

แต่มีเรื่องจะบอก และวิธีเล่าให้คนฟัง

มันคนละเรื่องกันเลย

พี่แจ๊กแบ่งปันแนวคิดให้แอลลี่ มีหรือหญิงใดไหนจะไม่ประทับใจ ยิ่งเป็นแอลลี่แล้วไซร้ อยากไปอยู่จุดที่พี่เขายืนอยู่ใจจะขาดรอนๆ

whole nother bag หรือ whole nother thing ก็ได้, nother มาจาก another หมายถึง คนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง

พี่เขาก็ชอบแอลลี่อยู่มากๆ ส่งคนมารับให้แอลลี่ไปดูคอนเสิร์ต และยิ่งไปกว่านั้น ร้องเพลงด้วยกันบนเวที!

ในหนังมันก็มีเรื่องราวของมัน แอลลี่ไม่ได้ตอบตกลงในทันที แกก็ไม่ได้บ้าดาราขนาดนั้น แล้วแอลลี่ก็ฉลาด รู้แน่แก่ใจว่าผู้ชายที่นั่งคุยด้วยที่ลานจนรุ่งสางนั้น เขาเมา! พ่อของแอลลี่ก็ส่งเสริมให้ไป

สุดท้ายพี่แจ๊กก็ชวนไปตระเวนออกทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน พี่แจ๊กรวบรัดตัดความ

Then we’re on the same page.

You come and sing with me.

ตกลงเราเห็นตรงกัน

คุณไปด้วยและร้องเพลงกับผม

to be on the same page หมายถึง เข้าใจและคิดเห็นตรงกัน

แอลลี่ได้รู้ชีวิตการเป็นศิลปิน และโอกาสนั้นทำให้มีคนมาจับเซ็นสัญญา ทำอัลบั้ม มีพี่แจ๊กคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ไม่ใช่แค่สนับสนุนด้วย ให้กำลังใจ และแก้ไขปัญหาที่ศิลปินหน้าใหม่จะพึงมีให้ด้วย

People wanna hear

what you have to say.

Hey, hey. Take it in.

คนเขาอยากฟังสิ่งที่คุณจะพูด

คุณต้องเข้าใจในความสำคัญข้อนี้

to take (it) in บางทีก็เน้น เป็น take (it) all in หมายถึง เข้าใจความสำคัญของสิ่งนั้นๆ ทุกประการ

พี่แจ๊กมีความรัก มีคนรัก แต่แกติดเหล้า จะยังไงได้ ออกปากกับเพื่อนไปตรงๆ

I’ve seen better days, I guess.

ฉันแย่แล้วละมั้ง

to have seen better days เป็นสำนวนพูด ใช้พูดเวลาเราตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ แบบแย่มาก หรือถ้าเป็นสิ่งของก็ทรุดก็โทรมสุด

พี่แจ๊กผู้ที่แม้สภาพร่างกายและจิตใจย่ำแย่ แกก็พยายามประคับประคองชีวิตแกและชีวิตรักให้อยู่รอด แอลลี่ผู้ได้พบชีวิตศิลปินดั่งฝันใฝ่ แต่ปัญหาชีวิตคู่ จะทำอย่างไร หนังรักมันดีตรงนี้ เราเลือกข้างได้

และเราอยู่ข้างความรัก

 

ฉากหนึ่งในหนังที่ฉันชอบ ไม่เกี่ยวกับหนัง เกี่ยวกับคำว่า touche เป็นภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า ทู-เช คำนี้มีขีดเฉียงๆ หรือ Accent aigu (อ๊าคซองเตกู) อยู่บนตัวอี ที่ภาษาอังกฤษยืมมาใช้

ใช้ตอนคุยกันแล้วเราผู้เปิดประเด็นยอมโดนเกทับ สมมุติว่าเราคุยกับคนหนึ่ง แล้วคู่สนทนาของเราพูดจาออกแนวเกทับกลับมาใส่เราได้อย่างฉลาดเฉลียว

เมื่อนั้นเราจะพูด touche กลับไป อย่างในหนัง ผู้จัดการของแอลลี่ไปเหน็บพี่แจ๊กที่เห็นว่าวันนี้พี่แจ๊กไม่เมาว่า “No drink?” พี่แจ๊กเห็นว่าหมอนี่ใส่สูทแต่ดันไม่ใส่ถุงเท้า จึงเหน็บกลับไปว่า “No socks?”

ผู้จัดการก็พูด “Touche, touche mate.” สมน้ำสมเนื้อกัน เป็นอันจบบทสนทนา

หนังรีเมกต้องแบบ A Star Is Born นี้ ต้องมีหลักการนี้ นั่นคือ สร้างใหม่แล้วทำให้เรารู้สึกไม่เหมือนเดิม เหมือนเราได้ดูหนังใหม่เรื่องหนึ่งเลย หลักการนั้นสำคัญนัก นำมันมาประยุกต์ใช้สำคัญตามมา หาไม่มันจะเละตุ้มเป๊ะ

สุภาษิตไทยว่า ถอยหลังเข้าคลองใช่ไหม?

หรือเธอว่าไง?

ฉันเอง