เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร” : วิธีพยากรณ์เฉพาะดวงสตรี

ในการพยากรณ์ดวงชาตานั้น บางครั้งการพยากรณ์จะต้องมีการแบ่งแยกออกเป็นส่วนของเพศหญิงและชาย เพราะการใช้ดาวแทนความหมายต่างๆ ของหญิงและชายนั้นบางอย่างจะใช้ไม่เหมือนกัน

เช่น ดาวที่ใช้ในความหมายของคู่ เป็นต้น

คู่ในดวงของหญิงจะมีดาวอังคารเป็นตัวแทน

ส่วนในดวงของชายนั้นจะเป็นดาวศุกร์ เป็นต้น

หรือในบางกรณีซึ่งเหตุการณ์บางอย่างจะมีแต่ในดวงผู้หญิงเท่านั้น เช่น ความเป็นม่าย จริงอยู่, ผู้ชายก็อาจเป็นม่ายได้ แต่ความเป็นม่ายในผู้ชายนั้นมีความสำคัญน้อยกว่าในผู้หญิง จึงมีจุดพยากรณ์สำหรับผู้หญิงในเรื่องอย่างนี้ แต่ไม่มีในดวงผู้ชาย

ด้วยเหตุผลนี้เองกระมัง จึงได้เกิดคัมภีร์ที่ใช้สำหรับพยากรณ์ดวงสตรีขึ้นมา เป็นคัมภีร์โบราณที่ได้ใช้กันมานับพันปีแล้ว

แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าจะมีผู้นำมาใช้สักกี่คน

ที่มีผู้ใช้น้อยก็อาจเป็นเพราะมีผู้รู้ในคัมภีร์นี้น้อยก็ได้

จึงเห็นสมควรที่รักษาความรู้ในเรื่องนี้ไว้โดยให้คุณๆ ทั้งหลายช่วยกันจดจำไว้ด้วย และนำความรู้ในเรื่องนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์สืบต่อไป

คัมภีร์ที่ว่าด้วยการพยากรณ์เฉพาะดวงสตรีนี้ เท่าที่ผมได้สืบทราบมาดูเหมือนว่าจะเป็นการสืบสานกันมาจากคัมภีร์ของภารตะโน่น โดยมีผู้ที่ได้ศึกษามาจากอินเดียแล้วเห็นว่าน่าจะนำมาประยุกต์ใช้ในการพยากรณ์ของไทยเราได้ เนื่องจากมีหลายอย่างที่คล้ายกัน และมีแนวทางที่ใกล้เคียงกัน

เมื่อทดลองใช้และจับสถิติดูก็ไปกันได้ จึงได้ตราเป็นกฎเกณฑ์กันขึ้นมา แล้วจารลงบนแผ่นสมุดจนมาถึงรุ่นของเราซึ่งเป็นเวอร์ชั่นหลังๆ ก็ยังใช้กันได้อยู่ และใช้กันสืบๆ มา

แต่แน่ละ, สิ่งใดก็ตามที่ต้องใช้เวลาสืบทอดกันมานานๆ นั้น มักจะมีความผิดเพี้ยนจากของเดิมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

เพราะการสืบทอดนั้น ในสมัยโบราณมักจะเป็นมุขปาฐะ คือใช้บอกกันปากต่อปาก การรับฟังก็จะต้องมีเพี้ยนไปบ้างเป็นธรรมดา

แม้ต่อมาจะมีการเขียนลงสมุดกันแล้ว การสืบทอดก็ยังเพี้ยนได้อีก เพราะความชำรุดของสมุดทำให้เนื้อความบางแห่งขาดตอนไป ผู้คัดลอกก็ตีความเอาตามความเห็นของตัว มีหลายแห่งก็เพี้ยนหลายแห่ง

บางอย่างผมจึงต้องตัดทิ้งไป เพราะเคยใช้แล้วไม่ได้ผล เรียกว่ามันเพี้ยนเสียจนเหลือของจริงอยู่น้อยเต็มทีนั่นเอง

เกริ่นมาให้ฟังพอสมควรแล้ว ก็ขอเข้าเรื่องกันเสียที ว่ากันถึงการพิจารณาเพื่อจะพยากรณ์กันก่อน เพราะนี่คือความสำคัญของการพยากรณ์ เราเรียกว่า “จุดพยากรณ์” ครับ


การตั้งจุดพยากรณ์

สําหรับดวงของผู้หญิงหรือสตรีนี้ การพิจารณาถึงรูปลักษณ์, ผิวพรรณ, ความสวยงามหรือบุคลิกภาพนั้น ท่านให้พิจารณาจากเรือนที่ ๑ (และดาวตนุลัคน์) ถ้าจะพิจารณาถึงครรลองชีวิตหรือวาสนา จะต้องพิจารณาถึงดาวตนุลัคน์ไปสถิตอยู่ในภพใดของดวงชาตา และพิจารณาด้วยว่า มีแรงสัมพันธ์จากดาวอื่นมากระทบอย่างไร และให้ผลกระทบในด้านใด (ดี-เลว)

ถ้าจะพิจารณาถึงความสุขในการแต่งงานหรือมีคู่ครอง ให้พิจารณาไปยัง ภพที่ ๘ (แปด) ถ้าในภพนั้นมีดาวศุภเคราะห์ที่ให้คุณไปสถิตอยู่ หรือดาวเจ้าเรือนอยู่ในมุมที่ส่งเสริมชาตา ก็ถือได้ว่าชีวิตคู่ของเจ้าชาตาจะได้รับความสุข

อ่านมาถึงตรงนี้ คุณๆ หลายคนอาจจะร้องเอ๊ะอ๊ะกันขึ้นมา หรือคิดว่าผมเขียนผิดก็ได้ ก็เรื่องของคู่ครองมันต้องภพที่ ๗ ซี เรียนโหรกันมาจนหัวจะผุหมดแล้วก็ล้วนแต่ต้องดูยังภพที่ ๗ ทั้งนั้นแหละ ภพที่ ๘ มันภพ มรณะ นี่นา มันเป็นภพของการสูญเสียล้มเหลว แล้วจะไปดูเรื่องของคู่ครองกันได้ยังไง?

อย่าร้องกันไปเลยครับ ผมเขียนไม่ผิดหรอก คัมภีร์บ่งเอาไว้อย่างนี้จริงๆ ว่าต้องดูยังภพที่แปด ที่ให้ดูที่นี่ก็คงเป็นเพราะท่านไม่ได้สนใจว่ามันเป็นภพมรณะ จริงอยู่, มันเป็นภพที่เรากำหนดมันไว้ว่าเป็นภพมรณะ

แต่ในการดูเฉพาะเรื่องคู่ครองนี่ ท่านให้ดูตรงที่ภพนี้ และดูเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้น เป็นการดูในความหมายของเรื่องคู่ครองแท้ๆ ไม่ได้เอาเรื่องของมรณะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย

ทำไม – ทำไมถึงต้องเอาภพที่ ๘ ?

ที่ต้องเป็นภพที่ ๘ ก็เพราะภพนี้มันอยู่ข้างหน้าของภพที่ ๗ น่ะซีครับ ภพที่อยู่ข้างหน้านี้ตามสูตรเขาเรียกว่าเป็น “ศูนย์พาหะ” คุณเคยได้ยินคำว่า “ศูนย์พาหะ” มั่งไหมล่ะครับ? คงเคยมาแล้วซี แต่คุณเคยได้ยินว่าศูนย์พาหะนี้อยู่ที่หน้าลัคนา ก็คือภพกดุมพะนั่นแหละ ศูนย์พาหะ นี้แปลว่า “การนำพา” หรือจุดรวมของการนำพานั่นเอง ศูนย์พาหะของลัคนาก็คือการนำพาชีวิตทั้งชีวิต แต่ศูนย์พาหะของปัตนินี่ก็นำพาในเรื่องของปัตนิไงครับ

อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าเราตั้งต้นกันที่ภพปัตนิ (โดยนับตนุที่นี่) ภพที่อยู่ข้างหน้าของภพปัตนิก็คือภพ “กดุมพะ” ใช่ไหมล่ะครับ? ดังนั้น จะเรียกว่าภพที่ ๘ เป็นภพกดุมพะของภพปัตนิก็ได้ และกดุมพะมันแปลว่าเงินๆ ทองๆ ก็จริง แต่มันก็แปลอีกอย่างได้ว่า “สิ่งที่ได้มา” ยังไงล่ะครับ ฉะนั้น การที่โบราณท่านจะดูว่า จะมีสิ่งที่ได้มาของชีวิตคู่นั้นอย่างไรก็ต้องดูที่นี่ซี จะไปดูที่อื่นได้ยังไง

ทีนี้ก็เห็นจะร้องอ๋อกันได้แล้วนะครับ

แต่บอกไว้อีกครั้งหนึ่งก่อนว่า นี่ใช้เฉพาะในดวงสตรีเท่านั้นนะครับ และการดูก็ดูว่าในภพที่แปดนั้นมีดาวอะไรสถิตอยู่ ให้คุณหรือให้โทษแก่เจ้าชาตา ดาวเจ้าเรือนนั้นไปสถิตยังที่ใด ให้คุณหรือให้โทษ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับดาวอื่นหรือไม่ พูดง่ายๆ ก็คือจะทำให้ชีวิตของเจ้าชาตามีความสุขในเรื่องคู่ได้หรือไม่นั่นเอง

แต่ถ้าจะพิจารณาถึงอุปนิสัยของผู้เป็นคู่ครองว่าจะมีราคะ, โทสะ, โมหะ เป็นคุณเป็นโทษต่อเจ้าชาตาอย่างไร ให้พิจารณายัง ภพที่ ๗ ครับ โดยใช้หลักเดียวกับการพยากรณ์ภพที่แปดนั่นแหละ

นอกจากนั้น ให้พิจารณาว่าถ้า ลัคนา หรือ จันทร์ ในดวงชาตานั้นตกอยู่ใน ตฤมศำศะ (หรือตฤมศางศ์) ของราศีเมษหรือพิจิก และมีอังคารอยู่ในที่อันให้โทษแก่ดวงชาตา เจ้าชาตาจะเสีย (ตัว) คนแต่ยังไม่แตกเนื้อสาว ถ้าลัคนาตกอยู่ในตฤมศำศะของดาวศุกร์ จะเป็นหญิงสำส่อน

สำส่อน คือใจง่าย กล้าผู้ชาย เที่ยวเร่รักคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น

ถ้าลัคนาหรือจันทร์ตกอยู่ในตฤมศำศะของดาวพฤหัสบดี จะเป็นคนดีมีบุญ อยู่ในศีลธรรมอันดี มีความสุภาพอ่อนโยนและมีเกียรติ ถ้าตกอยู่ในตฤมศำศะของดาวพุธ จะเป็นคนฉลาดในอุบายและเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ แต่ถ้าตกอยู่ในตฤมศำศะของดาวเสาร์ มักจะทำในสิ่งที่ผิด และจะต้องพึ่งผู้อื่นเป็นส่วนมาก

ถ้าดาวศุกร์และดาวเสาร์ สับนวางค์ กัน เจ้าชาตานั้นจะมีกามารมณ์รุนแรงในจิตใจ อาจกระทำสิ่งที่ผิดก็ได้เพื่อความสมใจแห่งตน

ถ้าดาวปัตนิลัคน์อยู่ในนวางค์อังคาร และมี ดาวเสาร์เป็นเกณฑ์ เจ้าชาตานั้นจะเป็น โรคในที่ลับ ถ้าปัตนิลัคน์อยู่ในนวางค์ศุภเคราะห์ จะได้คู่ครองที่สมกัน และรักคู่ครองมาก ในกรณีหลังนี้ใช้ได้กับดวงชาตาชายด้วย

คำว่า และมีดาวเสาร์เป็นเกณฑ์นั้น หมายความว่ามีดาวเสาร์เป็นเกณฑ์ (เป็นหนึ่ง, สี่, เจ็ด, สิบ) กับดาวปัตนิลัคน์นั้นนะครับ ไม่ใช่เป็นเกณฑ์กับลัคนา

และคำว่า นวางค์อังคาร นั้นก็จะเป็นนวางค์อังคารในราศีไหนก็ได้ เพียงแต่จะต้องมีทั้งสองอย่างนี้พร้อมๆ กันจึงจะเข้าสูตร

อ่านมาถึงตรงนี้ คุณๆ ผู้อ่านหลายคนคงจะทำหน้ามึนตึ้บขึ้นมากันมั่งแล้ว ก็อีตรงที่ได้อ่านคำว่า “ตฤมศำศะ” น่ะแหละครับ อ่านแล้วเป็นเง็งไหมล่ะ เพราะจู่ๆ ไอ้คำนี้ก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ความจริงคำนี้เป็นชื่อของกฎเกณฑ์อย่างหนึ่งที่ใช้องศาของลัคนาหรือดาวเป็นองค์ประกอบ คล้ายๆ กับการใช้นวางค์ตรียางค์นี่แหละครับ

แล้วโอกาสหลังจะมาสาธยายให้ฟังครับ ไม่ใช่ของยากเย็นอะไรนักหรอก

ในดวงชาตาของผู้หญิงหรือสตรีนั้น เรารู้กันอยู่แล้วว่า ดาวจันทร์เป็นดาวที่สำคัญที่สุดของผู้หญิง แต่ในดวงผู้ชายนั้น ดาวอาทิตย์กับดาวอังคารจะมีความสำคัญมากกว่า ยิ่งในเรื่องของคู่ครองแล้ว ดาวจันทร์นับว่าสำคัญอย่างเอกทีเดียว มีข้อสรุปที่ควรจำกันไว้ดังนี้ครับ

๑. ถ้าจันทร์อยู่ในราศีเมษหรือพิจิก และมีดาวอังคารอยู่ในมุมที่เบียนจันทร์หรืออยู่ในภพที่ไม่ดี หรือมีดาวบาปเคราะห์มาเป็นเกณฑ์กับจันทร์ เจ้าชาตานั้นจะผิดหวังในเรื่องคู่คนแรก

๒. ถ้าดาวศุกร์และเสาร์สถิต สับนวางค์ ต่อกัน เจ้าชาตาจะมีกามารมณ์รุนแรง อาจกระทำสิ่งที่ผิดๆ ได้เพื่อให้สมอารมณ์แห่งตน

๓. ถ้าเจ้าเรือนที่ ๗ (ดาวปัตนิลัคน์) อยู่ในนวางค์อังคารและมีดาวเสาร์เป็นเกณฑ์ เจ้าชาตานั้นจะมีตำหนิที่อวัยวะเพศหรือมีโรคที่นั่น แต่ถ้าอยู่ในนวางค์ศุภเคราะห์ จะได้คู่ครองที่เหมาะสมและมีความรักในคู่ครองเป็นอย่างยิ่ง

๔. ถ้าเจ้าเรือนที่ ๕ (ปุตตะ) อยู่ร่วมกับดาวกาลกิณี และในเรือนที่ ๕ มีดาวบาปเคราะห์สถิตอยู่ เจ้าชาตาจะมีบุตรยาก หรือมีบุตรที่ดื้อด้านไม่เชื่อฟัง ไม่สมใจแห่งตน

จะฝอยต่อก็ไปไม่ได้ซะแล้วเพราะเนื้อที่เหลือไม่พอก็ขอยกยอดไปสัปดาห์หน้าตามธรรมเนียม อดใจรออีก 7 วันนะครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่าชาตาม่ายของคนนั้นเป็นอย่างไร

พบกันอีกในบทหน้านะครับ อย่าพลาด!