รายงานพิเศษ / ‘บิ๊กตู่’ ฝ่าเกมชิงเก้าอี้ 4 องคมนตรียังแรง ‘บิ๊กแดง’ จัดทัพบก-ทัพไทย วาง ‘บิ๊กแก้ว’ ทายาทข้ามห้วย ‘บิ๊กอั๋น-บิ๊กชู’ จ่อคิวเลขาฯ สมช.

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กตู่’ ฝ่าเกมชิงเก้าอี้

4 องคมนตรียังแรง

‘บิ๊กแดง’ จัดทัพบก-ทัพไทย

วาง ‘บิ๊กแก้ว’ ทายาทข้ามห้วย

‘บิ๊กอั๋น-บิ๊กชู’ จ่อคิวเลขาฯ สมช.

คําปรารภที่ว่า “นายกฯ เหนื่อยว่ะ” ของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แม้จะไม่ใช่ครั้งแรก ตลอดการเป็นนายกฯ มาเกือบ 5 ปีก็ตาม

แต่กำลังถูกจับตามองว่า เป็นการส่งสัญญาณใดจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในสถานการณ์ทางการเมืองช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้หรือไม่

ทั้งความพยายามในการจับขั้วตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ตามแผนของ คสช. แต่ทว่า เต็มไปด้วยการต่อรอง ทั้งการจัดคณะรัฐมนตรี การแบ่งโควต้าเก้าอี้ของพรรคการเมืองที่จะร่วมรัฐบาล รวมทั้งคนใกล้ตัว

แถมทั้งการเมืองก็ยังวุ่นวาย จากทั้งการร้องให้การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562  เป็นโมฆะ และให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมทั้งผลพวงจากการนับคะแนนใหม่ของนครปฐม เขต 1 ที่สะท้อนการทำหน้าที่ที่ผิดพลาดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่นับรวมเสียงตำหนิก่อนหน้านี้

จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกมาเตือน อย่าคิดถึงแต่ความต้องการของตนเอง ต้องเอากฎหมายเป็นหลัก และควรทำงานการเมืองโดยยึดถือ 3 สถาบันหลัก ทั้งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

แถมทั้งความเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ส่อถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และมีการปลุกกระแสการต่อต้าน โดยเฉพาะการต่อสู้นอกสภา หากนายธนาธรและนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ที่ก็โดนคดี ไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภา

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะประเมินว่าคงไม่ถึงขั้นที่จะเกิดม็อบทางการเมือง ออกมายึดท้องถนนอีกก็ตาม

แต่ก็เผื่อใจไว้ว่า “หากความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมา ก็เป็นเพราะพวกเราหลายคนที่คิดต่างไปคนละทาง ไม่ยึด กม.และกระบวนการยุติธรรม คิดแต่ กม.ที่เข้าข้างตัวเอง”

 

แต่กระนั้น ความเคลื่อนไหวของ คสช.และพรรคพลังประชารัฐ ในการเจรจาต่อรองกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อตั้งรัฐบาล ก็ส่อเค้าราบรื่น และจะได้ “งูเห่า” จากหลายพรรคการเมืองมาร่วมด้วยก็ตาม

แต่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่มั่นใจว่า ในเวลานี้หมากการเมืองจะอยู่บนกระดานของใครบ้าง และจะเดินเกมกันถึงขั้นไหน

เพราะหากมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายจนนำไปสู่การจลาจล ก็อาจทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยน จนนำไปสู่การมีรัฐบาลในสถานการณ์พิเศษ หรือรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ โดยเฉพาะการเสนอชื่อคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี

หลังจากที่มีการเสนอชื่อ 4 องคมนตรีเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทั้งนายพลากร สุวรรณรัฐ นายอำพน กิตติอำพน บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ที่ยังคงเป็นความหวังของสังคมไทยในยามขาดผู้นำ

เพราะต้องไม่ลืมว่า ในอดีต บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็เคยลาออกจากการเป็นองคมนตรี มาเป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คมช. หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

แม้สถานการณ์จะแตกต่างกัน แต่ในยามที่ขาดผู้นำที่เหมาะสม ทำให้คนดี คนเก่ง ที่ได้รับการคัดเลือกให้ทำหน้าที่องคมนตรี ก็จะถูกคำนึงถึง

เกมการเมืองเช่นนี้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เริ่มไม่มั่นใจ ใคร กลุ่มใด คิดแผนอะไรอยู่หรือไม่ จนทำให้องคมนตรีบางคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต้องพยายามลดบทบาทตัวเอง เพราะหวั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าใจผิด แม้นักการเมืองจะเป็นคนเสนอชื่อก็ตาม

แต่แม้จะบ่นเหนื่อย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็รีบออกตัวว่า ยังแข็งแรง และยังทำงานอยู่เหมือนเดิม

“ไม่เหนื่อย แกล้งพูดไปยังงั้นล่ะ” พล.อ.ประยุทธ์กลับลำเมื่อถูกจับตามอง

ด้วยเพราะรู้ดีว่า ตราบใดที่ภารกิจยังไม่สำเร็จ ก็ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะเกมเดิมพันอำนาจครั้งนี้สูงนัก

ในขณะที่กองทัพเตรียมจัดแถวรองรับการเปลี่ยนตัวเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่ ที่จะมาแทน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ที่จะเกษียณราชการกันยายนนี้ ไม่ว่าจะได้รับการเสนอชื่อไปเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือไม่ก็ตาม

โดยเต็งหนึ่งยังคงเป็นบิ๊กอั๋น พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา รองปลัดกลาโหม ศิษย์เก่านายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา คนเก่งของเตรียมทหารรุ่น 19

นอกจากดีกรีที่ 1 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก จนได้ทุนไปเรียนต่อโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ลีเวนเวิร์ธ แล้ว ยังเพราะได้รับการสนับสนุนจากบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่ก็เคยเป็น ผอ.สำนักนโยบายและแผน (ผอ.สนผ.กห.) และได้เคยทำงานร่วมกับ พล.อ.สมศักดิ์มา

เช่นเดียวกับที่ พล.อ.ชัยชาญ อดีตปลัดกลาโหม ที่ก็เป็นผู้สนับสนุนให้ พล.อ.วัลลภ ลูกหม้อ สนผ.กห. ที่ได้ขึ้นเป็นรองปลัดกลาโหม ข้ามไปเป็นเลขาฯ สมช. เพราะรู้มือกันดี

อันสะท้อนถึงความสำคัญของ พล.อ.ชัยชาญ ที่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ไว้วางใจและเชื่อมือ ถึงขั้นที่วางไว้เป็นตัวตายตัวแทน หาก พล.อ.ประวิตรต้องผันตัวเองไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์อยู่เบื้องหลัง ก็จะให้ พล.อ.ชัยชาญเป็น รมว.กลาโหม แทนอีกด้วย

แต่ด้วยเหตุที่ พล.อ.สมศักดิ์มีอายุราชการถึงกันยายน 2563 เท่านั้น นั่นหมายถึงจะได้เป็นเลขาฯ สมช.แค่ 1 ปีเท่านั้น จึงทำให้ต้องมีการมองหาตัวเลขาฯ สมช.ในอนาคตไว้อีกด้วย

 

ข่าวว่า คราวนี้จะไม่ได้มาจากกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่จะมาจากนายทหารที่กองบัญชาการกองทัพไทย

โดยมักจะต้องเลือกนายทหารสายกรมยุทธการ มาเป็นเลขาฯ สมช. ทั้งบิ๊กชู พล.อ.ชูชาติ บัวขาว รองเสนาธิการทหาร ที่เพิ่งข้ามมาจาก ทบ. และถูกวางตัวให้เป็นแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคต

เพราะเมื่อบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เกษียณราชการกันยายน 2563 แล้ว ก็ยังไม่มีการวาง ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคต นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มีส่วนในการส่ง พล.อ.ชูชาติ เพื่อน ตท.20 ข้ามมา บก.ทัพไทย เพื่อรอจ่อคิวเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2564

แต่ต่อมาดูเหมือนแผนของ พล.อ.อภิรัชต์ ต่อบรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 จะเปลี่ยนแปลงใหม่

หลังจากที่ตัดสินใจดันบิ๊กแก้ว จากรอง เสธ.ทบ. รุ่นน้อง ตท.21 ขึ้นเป็นพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เมื่อโยกย้ายกลางปีที่ผ่านมา

โดยมีข่าววงในว่า พล.อ.อภิรัชต์วางตัว พล.อ.เฉลิมพล ให้ข้ามไปเติบโตที่ บก.ทัพไทย เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ในโผโยกย้ายใหญ่ปลายปีนี้ โดยอาจส่งไปเป็นเสนาธิการทหาร หรือรอง ผบ.ทหารสูงสุด ครองอัตราพลเอกพิเศษได้เลย

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ต้องการส่ง “นายทหารสายเป๊ะ” ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ และยังทำหน้าที่ รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904  หรือที่เรีกยว่าเป็น “ทหารคอแดง” มาจัดแถวทหาร บก.กองทัพไทยใหม่

นั่นหมายความว่า พล.อ.เฉลิมพล รุ่นน้อง ตท.21 จะข้ามมาชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด กับ พล.อ.ชูชาติ รุ่นพี่ ตท.20 ด้วย

จากเดิมที่เตรียมทหารรุ่น 20 เล็งวางตัว พล.อ.ชูชาติให้เป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2564 ซึ่งความจริง พล.อ.เฉลิมพลก็มาต่อคิวได้เพราะเกษียณกันยายน 2566

แต่ในโค้งนี้  มีข่าวสะพัดว่า มีการเล็ง พล.อ.ชูชาติให้ไปเป็นเลขาฯ สมช.ในอนาคต ต่อจาก พล.อ.สมศักดิ์

แถมมองกันยาวถึงนายทหารที่จะมาเป็นเลขาฯ สมช.คนต่อๆ ไปกันเลยเชียว เพราะที่ผ่านมาจะโตมาจากสายยุทธการ และสำนักนโยบายและแผนกลาโหม และสายการข่าว

เช่น บิ๊กโจ้ พล.ท.ณฐตพล บุญงาม เจ้ากรมข่าวทหาร และอดีต ผช.ทูตทหารบก ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แกนนำเตรียมทหาร 21 ที่ก็เป็นแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคต

แต่หากในเวลานั้น การชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด จะเข้มข้นเพราะมีแคนดิเดตที่เหมาะสมหลายคน โดยเฉพาะเป็นเพื่อนเตรียมทหาร 21 ด้วยกัน เช่น บิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. และบิ๊กกวาง พล.ท.สัณทัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ รอง ผบ.หน่วยทหารพัฒนา

ทั้งนี้ พล.อ.นเรนทร์ก็ได้รับการสนับสนุนจากบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ ขณะที่ พล.ท.สัณทัศน์ อดีตนายทหารเสือราชินี ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์

แต่ทว่า พล.อ.เฉลิมพลกำลังจะข้ามจาก บก.ทบ. ไปเสียบยอดที่ บก.ทัพไทย เพื่อต่อคิวชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป ด้วยแรงสนับสนุนของ พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรแล้ว

 

แน่นอนว่า การที่ ทบ.ส่งออก พล.อ.เฉลิมพล ข้ามไป บก.ทัพไทยนั้น ย่อมถูกมองว่า ไปปิดทาง หรือตัดหน้าแคนดิเดตหลายคนที่เป็นลูกหม้อ บก.ทัพไทย ทั้งๆ ที่เพิ่งส่ง พล.อ.ชูชาติ จาก ทบ. มาเป็นรอง เสธ.ทหาร เมื่อไม่นานมานี้

นั่นหมายความว่า พล.อ.พรพิพัฒน์จะไม่ได้มีโอกาสในการจัดวางตัวนายทหารที่เหมาะสม และลูกหม้อ บก.ทัพไทย ให้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคต

เพราะเมื่อครั้งที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็น ผบ.ทหารสูงสุด นั้น ได้มีการวางตัวนายทหารที่จะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดต่อเนื่องกันไว้เลย ด้วยการขยับขึ้นมาจ่อในตำแหน่งรอง เสธ.ทหาร หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการฯ เสนาธิการทหาร และรอง ผบ.ทหารสูงสุด ตามไลน์นี้ใช้เวลาหลายปี

ตั้งแต่บิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ธนะศักดิ์ เองที่ก็เป็นเพื่อนของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วต่อด้วยบิ๊กเต้ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ จนมาถึงบิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ และต่อด้วย พล.อ.พรพิพัฒน์

แต่เมื่อมาถึงยุค พล.อ.พรพิพัฒน์ ก็ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่า ได้วางตัวใครไว้เป็นทายาท เพราะในตำแหน่งที่จ่อๆ นั้น ก็ล้วนเป็นนายทหารที่เกษียณราชการพร้อม พล.อ.พรพิพัฒน์  จึงต้องมองในระดับรอง เสธ.ทหาร และเจ้ากรมต่างๆ

และแน่นอนว่า แม้จะวางตัวใครไว้ ก็ใช่ว่าจะสามารถผลักดันให้ขึ้นได้ตามแผน เพราะจะต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล

เพราะหากยังคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ในการจัดโผทหารปลายปี ราวเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ก็จะยังคงอยู่ในมือ พล.อ.ประวิตร ไม่ว่าจะยังเป็น รมว.กลาโหมต่อ หรือว่าขยับไปอยู่เบื้องหลังก็ตาม

 

ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อ พล.อ.อภิรัชต์เกษียณราชการกันยายน 2563 แล้ว บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะขึ้นเป็นห้าเสือ ทบ. ในโยกย้ายตุลาคมนี้ ก็จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป

พล.ท.ณรงค์พันธ์ ก็ถือว่าเป็นนายทหารคอแดง ที่ผ่านการฝึกและทำหน้าที่รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ อีกด้วย

ในช่วงนั้น พล.อ.เฉลิมพล ก็อาจจะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดเช่นกัน หรืออาจจะช้ากว่า พล.ท.ณรงค์พันธ์ 1 ปี โดยทั้งคู่เกษียณกันยายน 2566 พร้อมกัน

เมื่อนั้น นายทหารคอแดงก็จะเป็นผู้บังคับบัญชาของเหล่าทัพ ทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ.

  สถานการณ์ทางการเมืองตอนนั้นจะเป็นเช่นไรยังไม่อาจคาดเดา แต่กองทัพจะต้องมั่นคง พร้อมปฏิบัติภารกิจเพื่อสถาบันหลักของชาติ