กรองกระแส / เงาสะท้อนการเมือง พรรคการเมืองเก่า และใหม่ อ่านจากอนาคตใหม่

กรองกระแส

 

เงาสะท้อนการเมือง

พรรคการเมืองเก่า และใหม่

อ่านจากอนาคตใหม่

 

ไม่ว่าท่วงทำนองของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าท่วงทำนองของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่าท่วงทำนองของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ล้วนสร้างความแตกต่าง

ไม่ว่าท่วงทำนองของ FULTERISTA ล้วนสร้างความแตกต่าง

เป็นความแตกต่างระหว่างพรรคอนาคตใหม่กับพรรคการเมือง “อื่น” ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชนปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังท้องถิ่นไท

แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา

เป็นความแตกต่างในด้าน “ความคิด” เป็นความแตกต่างในด้าน “ท่วงทำนอง”

ยิ่งเมื่อผ่านกระบวนการเลือกตั้งอันส่งผลให้พรรคอนาคตใหม่ได้รับเสียงมากกว่า 6.2 ล้านคะแนน ซึ่งมีโอกาสได้ ส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อมากกว่า 70 ถึง 80 คน ผลสะเทือนจากปรากฏการณ์นี้ยิ่งสร้างความแตกต่างเป็นอย่างสูงในทางการเมือง

โดยเฉพาะเมื่อ คสช.แจ้งความกล่าวโทษที่ สน.ปทุมวัน และ บก.ปอท. โดยเฉพาะเมื่อมีความพยายามจะขยายกรณีถือหุ้นให้ไปไกลถึงขั้นอาจมีการยุบพรรคอนาคตใหม่

ปฏิกิริยาอันมาจากพรรคอนาคตใหม่สร้างจุดต่างเป็นอย่างสูง

 

การปะทะ กับ กกต.

การปะทะ กับ คสช.

 

ไม่ว่ากรณีการแจ้งความกล่าวหาถึงขั้นผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ สน.ปทุมวัน ไม่ว่ากรณีการแจ้งความกล่าวหาว่าอาจมีพฤติการณ์หมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ ต่อนายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ บก.ปอท.

ไม่ว่ากรณีการแจ้งความกล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีลักษณะต้องห้ามไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้เพราะครอบครองหุ้นสื่อต่อ กกต.

พรรคอนาคตใหม่ประเมินและสรุปว่าเป็นกรณีทางการเมืองโดยมีการตั้งธงเอาไว้ก่อน

การต่อสู้เพื่อแก้ข้อกล่าวหาเป็นเรื่องธรรมดาของบรรดาผู้กล่าวหาไม่ว่าจะโดยพรรคการเมือง ไม่ว่าจะโดยความเป็นส่วนตัว แต่กระบวนท่าในการต่อสู้อันมาจากพรรคอนาคตใหม่ดำเนินไปอย่างแตกต่างไปจากพรรคการเมืองและนักการเมืองคนอื่น

นั่นก็คือ การชี้ให้เห็นว่านี่มิได้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือนายปิยบุตร แสงกนกกุล หากแต่เป็นเรื่องของส่วนรวม เป็นเรื่องอันอาจสะเทือนต่อระบอบและระบบประชาธิปไตยโดยส่วนรวม

นั่นก็คือ ท่วงทำนองการแสดงออกของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นการเข้าปะทะโดยตรงกับกระบวนการกล่าวหา

ไม่ว่าจะเป็น คสช. ไม่ว่าจะเป็น กกต.

 

ท่วงทำนอง คนรุ่นใหม่

ท่วงทำนอง อนาคตใหม่

 

เหมือนกับทุกเรื่องราวจะเป็นเพราะบุคลิกส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะเป็นของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่าจะเป็นของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แต่เมื่อความเป็นส่วนตัวนี้ประสานกับพรรคอนาคตใหม่

ไม่ว่าเมื่ออยู่บนเวทีปราศรัย ไม่ว่าเมื่ออยู่บนเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ ไม่ว่าเมื่อประสบเข้ากับคดีความที่ดาหน้าเข้ามาภายหลังการเลือกตั้ง

ท่วงทำนองนี้ไม่หลีกเลี่ยง หากแต่เดินหน้าเข้าปะทะดับเครื่องชน

เป็นการดับเครื่องชนกระทั่งถูกตำหนิว่า ก้าวร้าว ไม่เคารพผู้ใหญ่ซึ่งเกิดก่อน อาบน้ำร้อนมาก่อน เพราะไม่เพียงแต่จะระบุว่า คสช.กำลังอยู่ในห้วงขาลง และเตือน กกต.ให้รอบคอบรัดกุมเพราะพร้อมจะฟ้องร้องในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งมีอายุความ 15 ปี

เป็น 15 ปีที่ไม่มีใครตอบได้ว่า คสช.จะยังมีอำนาจอยู่หรือไม่ เป็น 15 ปีที่มาตรา 44 ของ คสช.มิได้ดำรงคงอยู่เพื่อปกป้องอีกต่อไป

ท่วงทำนองนี้ทำให้เกิดความต่างจากพรรคการเมืองอื่น เกิดความต่างกับนักการเมืองอื่น

ก่อให้เกิดคำถามว่า นี่อาจจะเป็นท่วงทำนองใหม่ของพรรคการเมืองใหม่ นักการเมืองรุ่นใหม่ที่แตกต่างเป็นอย่างมากจากพรรคการเมืองเก่า นักการเมืองรุ่นเก่า

 

ปัญหาของรุ่น

ปัญหาของวัย

 

ท่วงทำนองไม่ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่า น.ส.พรรณิการ์ วานิช จึงเป็นท่วงทำนองของนักการเมืองรุ่นใหม่

สำแดงออกผ่านพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรคอนาคตใหม่

มีความแตกต่างอย่างแน่นอนกับพรรคการเมืองเก่า มีความแตกต่างอย่างแน่นอนกับนักการเมืองรุ่นเก่าจำนวนมาก

เป็นการฉีกออกจากขนบและธรรมนิยมเดิมในทางการเมือง

และกำลังรอการพิสูจน์ว่า ท่วงทำนองใหม่ในแบบพรรคอนาคตใหม่เช่นนี้จะสอดรับและประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดต่อการเมืองวันนี้และวันข้างหน้า เพราะในที่สุดแล้วก็คือรูปธรรมแห่งความขัดแย้งและความแตกต่างในทางความคิดระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่

  นี่คือช่องว่างระหว่างยุค นี่คือช่องว่างระหว่างวัยอันสะท้อนออกในพื้นที่ทางความคิดและการเมือง