บทความพิเศษ : 53 ปีแห่งการจากไป สิ่งที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับ JFK

President John F. Kennedy, First Lady Jacqueline Kennedy, and Texas Governor John Connally ride in a motorcade in Dallas, Texas, on November 22, 1963. Moments later the President and Governor were shot by an assassin. (Walt Sisco / Copyright Bettmann/Corbis / AP Images)

วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เป็นวันครบรอบ 53 ปีแห่งการจากไปของอดีตประธานาธิบดี John F. Kennedy (JFK) แห่งสหรัฐอเมริกา โทรทัศน์ช่อง PBS ในอเมริกา ซึ่งเป็นช่องเคเบิลในความอุปถัมน์ของชาวยิว อยู่ได้ด้วยเงินบริจาค ไม่มีโฆษณา ได้นำเสนอสารคดีเรื่องราวของ JFK มีหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อน

จึงขอนำมาถ่ายทอดดังนี้

5411309-3371151660-jfk-i

คราวที่ JFK ยื่นคำขาดให้สหภาพโซเวียตถอนขีปนาวุธที่กำลังบรรทุกใส่เรือรบเข้ามาติดตั้งในคิวบา ด้วยการส่งเรือรบอเมริกันไปปิดล้อมอ่าวคิวบา จนประธานาธิบดี นิกิต้า ครุสชอฟ แห่งสหภาพโซเวียตสั่งให้หันหัวเรือกลับออกมานั้น คนอเมริกันและคนทั่วโลกต่างชื่นชมในความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญของ JFK ที่ใช้นโยบายประจันหน้ากับสหภาพโซเวียต จนบีบบังคับให้ครุสชอฟยอมถอนขีปนาวุธออกไปในที่สุด โดยไม่เสียอะไรเลยนั้น

แต่ PBS แฉเบื้องหลังว่า ครุสชอฟต่อรองว่าอเมริกันต้องรับปากว่าจะถอนขีปนาวุธที่ติดตั้งในตุรกี ที่เป็นภัยคุกคามสหภาพโซเวียตและประเทศบริวารในยุโรปตะวันออกออกไปให้หมดก่อน

ทีแรก JFK ไม่ยอม แต่เมื่อเรือรบสหภาพโซเวียตยังมุ่งหน้าขนขีปนาวุธสู่คิวบา JFK ก็แอบส่งน้องชาย Robert F Kennedy เข้าสถานทูตสหภาพโซเวียตในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตกลงยินยอมถอนขีปนาวุธออกจากตุรกี แล้ว JFK เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่เคยแถลงให้ชาวอเมริกันรับรู้

เรือรบสหภาพโซเวียตจึงหันหัวเรือกลับออกจากอ่าวคิวบา

สิ่งที่ชาวโลกรับรู้ในตอนนั้น คือสหภาพโซเวียตยอมอ่อนข้อให้อเมริกา JFK ได้หน้าไปเต็มๆ จน 50 กว่าปีผ่านไปจึงได้รู้ว่า JFK ต้องเสียสิ่งแลกเปลี่ยนให้ครุสชอฟก่อน จากหนังสารคดีเรื่องนี้

jfk-and-jackie

JFK เป็นคนค่อนข้างขี้โรค

ในวัยเด็กเป็นโรค Scarlet Fever เมืองไทยเรียก โรคอีดำอีแดง เป็นตอนอายุ 2 ขวบ เกือบตาย ต้องนอนซมเป็นปี แทบเดินไม่ได้

และมีโรคประจำตัวคือ โรค Addison disease เป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ต้องรับยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ทำให้กระดูกสันหลังพรุน 3 แห่ง ต้องใช้เหล็กดาม แล้วสวมเสี้อเกราะเหล็กช่วยยึดตัว มีอาการปวดทรมานมาก ต้องให้ยาแก้ปวดชนิดฉีดที่แรงมากๆ ทั้งยาชื่อเม็ททาโดน (Methadone) หรือฝิ่นสังเคราะห์ และมอร์ฟีนเป็นประจำ

คราวที่ JFK ไปเยือนยุโรป อาการปวดกำเริบมาก ต้องเอาหมอไปด้วย 2 คน คอยฉีดยาแก้ปวดให้

 

สิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้กันทั่วไปคือ JFK เป็นคนใช้ผู้หญิงเปลืองมากๆ มีหญิงสาวเข้ามาพัวพันในชีวิตหลายคน โดยเฉพาะดาราสาว แองจี้ ดิกคินสัน และดาวยั่ว มาริลีน มอนโร รวมทั้งเด็กนักศึกษาฝึกงานในทำเนียบขาวที่คนเม้าธ์กันว่า JFK ยุ่งกับเธอบนเตียงนอนของ Jackie เลยทีเดียว

JFK พูดกับคนใกล้ชิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่อง “ช่วยไม่ได้” “I can”t help it”

สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น Jacqueline Kennedy หรือ Jackie รู้เรื่องความเจ้าชู้ของสามีดี แต่ด้วยความที่เธอรักสามีมาก จึงทำเป็น “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่” แต่ Jackie ก็ถูกบีบคั้นจากเรื่องนี้มาก ช่วงที่ตั้งครรภ์บุตรชายคนที่สี่ ชื่อ Patrick ที่เสียชีวิตหลังคลอด 2 วันนั้น Jackie เศร้ามาก

เธอจึงเดินทางไปพักผ่อนในยุโรป โดยไปพักกับน้องสาว Princess Lee และคราวนั้น Jackie ได้นั่งเรือท่องเมดิเตอร์เรเนียน และได้ร่วมท่องทะเลกับ อริสโตเติล โอนาซิส ผู้เป็นเจ้าของเรือ แต่ครั้งนั้นทั้งคู่ยังไม่มีความสัมพันธ์อื่นใดนอกจากคนรู้จักกัน ที่จริงทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วที่บ้านของ โจเซฟ เคนเนดี้ ในนิวยอร์ก

อริสโตเติล โอนาซิส เป็นสามีคนถัดไปของ Jackie หลังการตายของ JFK ผ่านพ้นไป 5 ปี

jfk-limousine-on-way-to-hospital-11-22-63

นาทีสังหาร 22 พฤศจิกายน 1963 กลางเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส

JFK และ Jackie นั่งอยู่บนเบาะที่สามของรถเก๋งเปิดประทุนลิมูซีน เบาะที่สองถัดจากคนขับเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสและภรรยา จากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้งเมื่อเร็วๆ นี้เอง หลังจากเหตุการณ์ผ่านมากว่า 50 ปี ระบุว่ามือสังหาร ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ลั่นกระสุนปืนไรเฟิลสังหาร 3 นัด

กระสุนนัดแรกพลาดเป้าหมาย

กระสุนนัดที่สอง เรียกกันว่า Magic Bullet หรือกระสุนแห่งเวทมนตร์ เพราะพุ่งทะลุต้นคอ JFK ไปโผล่เหนือไหปลาร้า แล้ววิ่งทะลุเก้าอี้เข้าไปที่ด้านหลังเบาะของ จอนห์ คอนเนลลี่ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสที่นั่งอยู่ข้างหน้า กระสุนพุ่งเข้าปอดด้านซ้าย แล้วทะลุมาที่แขนขวาของผู้ว่าการทำให้กระดูกแขนขวาแตกแหลกละเอียด

กระสุนนัดที่สาม เจาะทะลวงกะโหลกข้างหลังของ JFK จนกะโหลกแตกจากข้างหลัง กระสุนทะลุไปข้างหน้า นี่เป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมในหนังข่าว JFK ถึงผงะไปข้างหลังตอนถูกยิง กะโหลกข้างขวาของ JFK เปิดออก เศษกะโหลกกระเด็นออกไปบนกระโปรงรถด้านหลัง ดวงตาเบิกโพลง Jackie คลานจากเบาะขึ้นมาที่บนกระโปรงรถด้านหลัง เก็บเศษกะโหลกของ JFK ที่กระเด็นออกมา มาถือไว้บนตักไม่ยอมปล่อย

Jackie ร้องคร่ำครวญว่า “I Love You Jack, I Love You. What”s Happening to You

แต่ไม่มีคำตอบจาก JFK

 

ทีวี PBS สัมภาษณ์หน่วยรักษาความปลอดภัย หรือ Body Guards ชื่อ Clint Hill ที่นั่งอยู่ในรถคันหลัง เขาเป็นคนเดียวที่รีบวิ่งมาเอาร่างเป็น Body Shield เป็นเกราะกำบังปกป้องให้ Jackie ที่กำลังคลานเก็บเศษกะโหลกของ JFK อยู่บนฝากระโปรงรถด้านหลัง เพื่อป้องกันกระสุนนัดอื่นที่อาจจะตามมา ดึงเธอลงมาบนเบาะหลัง แล้วเขาถอดเสื้อสูทออกให้ Jackie ห่อเศษกะโหลกของสามี เธอกอดไว้แน่นบนตัก ปกป้องไม่ให้ใครเห็นสภาพอันยับเยินของสามี

แล้ว Clint Hill กำมือยกหัวแม่มือขึ้น แล้วคว่ำมือลง ส่งสัญญาณบอกให้รถคันหลังที่เป็น Body Guards ทั้งหมดรู้ว่า JFK ถูกยิงและคงไม่รอด

เขาใช้คำว่าส่งสัญญาณ “Doom” แปลว่าเหตุการณ์โลกาวินาศ แล้วรถลิมูซีนคันนั้นก็รีบวิ่งนำ JFK ส่งโรงพยาบาล Parkland ที่อยู่ใกล้ที่สุด

ทีม Body Guards ของ JFK มีทั้งหมด 38 คน วันนั้นปฏิบัติงาน 10 คน ทั้งทีมล้มเหลวโดยสิ้นเชิงที่ไม่สามารถคุ้มครองชีวิต JFK ได้

 

สถานี PBS สัมภาษณ์หมอ 2 คนที่อยู่ในทีมกู้ชีวิต JFK หมอคนหนึ่งอายุ 30 ปีในขณะนั้น เพิ่งเรียนจบมาไม่นาน ตอนนี้อายุ 83 ปี เขาเล่าว่ามีประกาศระดมหมอในโรงพยาบาลให้เข้าไปช่วยกู้ชีวิตประธานาธิบดี JFK มีหมอเข้าไปช่วยกันทั้งหมด 15 คน

เขาเป็นคนเจาะคอ เอาสายยางเข้าไปดูดเลือดออกจากช่องปอด

Jackie อยู่ในห้องพยาบาลตลอด แล้วออกไปรอนอกห้องอย่างสงบ

เมื่อหมอออกไปบอก Jackie ว่า JFK เสียชีวิตแล้ว เธอร้องไห้ เดินเข้ามาในห้อง แล้วถอดแหวนแต่งงานใส่มือสามี

JFK ถูกยิงตอนเที่ยงครึ่ง และเสียชีวิตในครึ่งชั่วโมงถัดมา บ่ายโมงตรงพอดี

 

ถึง JFK จะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังมีปัญหาอุปสรรคตามมาอีกเมื่อตอนจะเอาโลงศพ JFK ขึ้นเครื่อง Air Force One กลับวอชิงตัน ดี.ซี. ปรากฏว่าเอาโลงศพขึ้นเครื่องไม่ได้ เพราะโลงศพใหญ่กว่าประตูเครื่องบิน ต้องตัดเหล็กมือจับสองข้างโลงศพออก จึงส่งโลงศพขึ้นเครื่องได้ Jackie ยืนมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความรันทดใจ

53 ปีที่ผ่านมา มีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการตายของ JFK ออกมามากกว่า 300 เล่ม ทุกเล่มบอกว่า JFK โดนสั่งจ้างสังหารจากบุคคลต่างๆ จากแก๊งมาเฟีย จากกลุ่มธุรกิจที่ถูกขัดผลประโยชน์ จากพวกทหาร หรือแม้แต่จากหน่วยสืบราชการลับ CIA แถมบางเล่มยังเขียนว่ารองประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอนห์สัน เป็นคนบงการ

มีแต่เพียงผู้พิพากษาศาลสูงที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอนห์สัน ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้สอบสวนการสังหาร JFK คนเดียวที่รายงานในอีก 8 เดือนต่อมาว่า

JFK ไม่ได้ถูกสังหารจากคำสั่งของแก๊งมาเฟีย หรือจากใครทั้งนั้น แต่ถูกสังหารจากคนบ้าๆ บอๆ ที่ชื่อ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์

อดีตประธานาธิบดี อับราฮัม ลินด์คอน ก็ถูกคนบ้าๆ บอๆ ฆ่าในโรงละคร และอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ก็ถูกคนบ้าๆ บอๆ ยิงปอดทะลุเหมือนกัน แต่โชคดีที่ไม่ตาย แถมคนยิงยังไม่ต้องติดคุกอีกด้วย

เพราะศาลเห็นว่าเป็นคนบ้าๆ บอๆ