อนุสรณ์ ติปยานนท์ : สู่จิตใจอันสงบเบิกบาน

รัก/หลง/เมือง (13)

มันเป็นยามเช้า เขาแน่ใจ แม้ว่าแสงแดดจะยังไม่ปรากฏตัวอย่างเต็มที่ก็ตาม ภายในห้องพักเล็กห้องนั้น หลายสิ่งยังจมอยู่ในแสงสลัวซึมเซา ผ้าม่านเหนือศีรษะของเขาเคลื่อนตัวไปมาอย่างช้าๆ หลังจากส่งชายคนรักของเธอเข้าสู่ที่พัก เขาก็หลับสนิทลงในห้องห้องนี้และตื่นขึ้นอย่างสดชื่นเพื่อพบว่ามันช่างเป็นวันอันแสนอัศจรรย์อีกวันหนึ่งในชีวิตของเขา

ที่ปลายเตียง หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่อย่างสงบ และเมื่อเธอเห็นเขาลืมตาขึ้น เธอก็ลุกจากเตียงไปยังกระติกน้ำร้อนที่เสียบปลั๊กไฟฟ้าที่มุมห้อง เธอเทกาแฟสำเร็จรูปจากซองใส่ลงในแก้วกาแฟ เติมน้ำร้อน แล้วถือแก้วกาแฟนั้นกลับมาที่เตียง

แต่ครานี้แทนการนั่งลงที่ปลายเตียง เธอลากเก้าอี้หวายหนึ่งตัวมาข้างเตียง นั่งลงบนนั้นและยื่นแก้วกาแฟให้เขา

เขาชันตัวขึ้น พิงหลังเข้ากับหมอน ขยับม่านหน้าต่างให้แสงแดดผ่านเข้ามา

ข้อแรก เขาต้องการให้รู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่ในความฝัน

ข้อที่สอง เขาต้องการเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นอย่างชัดเจน เขาไม่ได้อยู่ในความฝันจริงและใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นก็ดูจับต้องได้ ใบหน้าเรียว จมูกเป็นสัน ดวงตาเป็นประกาย

และที่เหนืออื่นใด เธอมีรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเป็นรอยยิ้มที่เปรียบดังพรจากฟากฟ้าไกล

เขารับแก้วกาแฟจากเธอ ไร้บทสนทนา เขาไม่รู้ว่าการทักทายเช่นไรจึงจะเหมาะสม คุณเป็นใคร มาจากไหน เพราะเหตุใดจึงอยู่ที่นี่ได้ คำถามเช่นนี้เป็นสิ่งไม่จำเป็น เขารู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยที่มีต่อห้องพักนี้

เป็นเขาเสียอีกที่รู้สึกดังคนแปลกหน้า ถ้าเช่นนั้นคำถามดังกล่าวควรเป็นเธอที่ถามเขา เขาจึงนิ่งเงียบ จิบกาแฟ

และเฝ้ารอบางสิ่งที่จะเกิดขึ้น

 

แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นพิเศษ เธอเพียงแต่จ้องมองดูเขา จ้องดูใบหน้าของเขา และยิ้ม “อาหารเช้าจะเริ่มเวลาเจ็ดโมงตรง อีกสิบห้านาที คุณอาจทำความสะอาดร่างกายสักเล็กน้อยได้ ฉันจะรอคุณอยู่ที่ร้านอาหารของที่นี่”

เธอเปิดประตูห้อง เดินออกจากห้องนี้ไป

ในตอนนั้นเองที่เขาสังเกตว่าเธออยู่ในชุดนอนลำลองที่เบาสบาย กางเกงขายาวที่ทำจากผ้าลินินสีกากี เสื้อสีขาวปราศจากลวดลาย รองเท้าสานสีดำ เส้นผมยาวสลวยของเธอปลิวจากสายลมหนาวเบื้องนอก

แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นนั้น เขาต่างหากที่ลุกออกจากเตียงแล้วพยายามหาบางสิ่งสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายแทนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าหม่นและกางเกงยีนส์เก่าคร่ำคร่า

เขานอนหลับในคืนที่ผ่านมาด้วยชุดเช่นนี้ ด้วยเสื้อผ้าแบบนี้ และเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนดังเป็นเพียงผู้ผ่านทางมาในห้องนี้

น้ำจากอ่างล้างหน้าที่เย็นเฉียบทำให้เขาสดชื่นขึ้น เขาพบแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมพร้อมด้วยยาสีฟันวางอยู่ตรงอ่าง เขาจึงถือวิสาสะใช้มันก่อนจะส่องดูใบหน้าของตนเองในกระจก

เขายังเป็นคนเดิม ใบหน้าของเขายังเป็นเช่นเดิม

แต่เขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่แตกต่างที่กำลังจะเกิดขึ้น

เขาจ้องมองไปในภาพสะท้อนของดวงตา ยิ้มให้ตนเอง

นี่เป็นอีกเช้าที่เขาจะไม่มีวันลืม

 

ห้องอาหารอยู่ห่างออกไปทางด้านหลังของโรงแรม ป้ายบอกทางบอกกับเขาเช่นนั้น เขาเดินไปตามทาง ก้อนหินที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ กอเฟิร์นสีเขียวตามทางเดิน กลิ่นของท้องทุ่งอันบริสุทธิ์และสดชื่นลอยมาแตะจมูกของเขา

เช้าวันก่อนเขาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกร้อนรนที่อยากจะหลบหนี แต่เช้าวันนี้เขากลับตื่นขึ้นด้วยความสงบ เป็นความสงบที่เขารู้สึกได้

เขาเดินอย่างช้าๆ เดินแบบทอดน่อง มือของเขาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง อากาศเย็นเบื้องนอกบอกเขาว่าเขาอยู่ในอุณหภูมิที่ตำกว่าอุณหภูมิของร่างกายตนเองมาก

แต่เขาก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ลึกๆ เขารู้สึกอบอุ่นจากรอยยิ้มของเธอ

หญิงสาวคนนั้นนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งสุดขอบของห้องอาหาร สายตาของเธอจ้องมองไปยังท้องทุ่งนาเขียวขจีเบื้องหน้า เมื่อพบว่าเขากำลังเดินตรงไปหาเธอ เธอก็ยิ้มกับเขาอีกครั้งหนึ่ง เขานั่งลงที่เก้าอี้มีพนักข้างเธอ พนักงานประจำโรงแรมเสิร์ฟน้ำเปล่าให้เขา

“อาหารทั้งหมดอยู่ที่โต๊ะยาวด้านใน มีทั้งข้าวต้ม ไส้กรอก ไข่สารพัดชนิด ขอให้พวกคุณเพลิดเพลินกับอาหารของเรา”

แทนการรอคำตอบ พนักงานเสิร์ฟผู้นั้นเดินกลับไปในครัว เขาจดจำได้ว่าพนักงานผู้นี้เองที่เป็นคนต้อนรับเขาเมื่อคืน เขารับกุญแจห้องหมายเลข 19 จากพนักงานผู้นั้น เดินตรงไปตามทางเดินจนพบกระท่อมหมายเลข 19 ไขกุญแจห้อง เปิดประตูเข้าไป และทิ้งตัวนอนลงบนเตียง น่าเสียดายที่เขาไม่ได้นำกุญแจติดตัวมาด้วย เขาดื่มน้ำ

ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ

 

“คุณพักอยู่ที่ห้องหมายเลข 19 ใช่ไหม?”

“ไม่ ห้องพักห้องนั้นคือห้องหมายเลข 16”

เขาถอนหายใจ นั่นเองคือความผิดพลาด หญิงสาวผู้นี้พักอยู่ที่ห้องหมายเลข 16 ส่วนเขาพักอยู่ที่ห้องหมายเลข 19 ในยามค่ำ ตัวเลขหน้าห้องทรุดโทรมและชำรุด เลข 6 ตกหล่นกลับหัวกลับหางเป็นเลข 9 และเขาคงเลินเล่อมากพอดูที่ไม่ตรวจสอบให้แน่ใจ เขาเปิดห้องและเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวลงบนเตียงที่มีเธอเป็นเจ้าของ

“ต้องขอโทษด้วย ผมคงรีบร้อนเกินไปเมื่อคืนจนไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน คุณคงตกใจมากที่มีใครบางคนบุกรุกเข้ามาในห้องและเข้าไปยึดครองเตียงนอนราวกับผู้เป็นเจ้าของ นั่นคงทำให้คุณลำบากใจมากทีเดียว”

“ไม่เลย สิ่งที่ฉันลำบากใจไม่ใช่การบุกรุกเข้ามายึดเตียง หรือการเปิดเข้ามาในยามดึก สิ่งที่ฉันลำบากใจคือเพราะเหตุใดคุณจึงมีอารมณ์ขันเยี่ยงนี้ในยามเช้า เนิ่นนานมากแล้วที่คุณหมกมุ่นกับงานและไม่เคยมีอารมณ์ขันเลย”

 

เขานิ่งงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ถ้อยคำของเธอบ่งบอกว่าเขาและเธอรู้จักกันเป็นอย่างดี เขาและเธอคุ้นชินกันเป็นอย่างดี แต่เขาเพิ่งได้พบเธอ เพิ่งได้พบเธอในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา

“ผมเกรงว่าแม้มันอาจฟังดูแปลก แต่สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่อารมณ์ขัน”

“เราพักเรื่องนี้ไว้เท่านี้ก่อน คุณอยากทานอะไรดี เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ การออกมาฉลองวันครบรอบแต่งงานในที่ห่างไกลขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอีกต่อไป กฎเกณฑ์ที่เราใช้กันที่บ้าน โยนมันทิ้งก่อนเสียก็ได้ ฉันจะดูแลคุณเอง ตราบใดก็ตามที่คุณไม่หมกมุ่นกับอารมณ์ขันแปลกเช่นนี้”

“ฉลองวันครบรอบแต่งงาน” เขาทวนถ้อยคำนั้น แต่หญิงสาวคนดังกล่าวลุกออกจากโต๊ะไปแล้ว เขาเดินตามเธอไป ในห้องอาหารยังไม่มีแขกคนอื่นอีก หญิงสาวเลือกจานแบนสองใบ ตักไส้กรอก ไข่คน และขนมปังปิ้งลงใส่ในจานแล้วยื่นให้เขา ส่วนเธอนั้นใช้แก้วเล็กรองรับน้ำส้มจากเหยือก “กาแฟอีกแก้วไหม?” เธอถามเขา

เขาพยักหน้า รับจานอาหารนั้น “แต่ผมพักที่ห้องหมายเลข 19 ไม่ใช่ห้องหมายเลข 16”

หญิงสาวผู้นั้นยิ้มให้เขาอีกครา “ไม่มีห้องหมายเลข 19 ที่นี่ คุณก็รู้ดี เราได้ห้องพักสุดท้ายของโรงแรมแห่งนี้ ห้องหมายเลข 16 สุดขอบของบริเวณโรงแรม”

แทนการโต้แย้ง เขาปรี่ไปที่พนักงานเสิร์ฟ ประชันหน้าแล้วเอ่ยถาม “คุณเป็นคนให้กุญแจผมเมื่อคืน ผมเพิ่งเดินทางมาถึงพร้อมกับชายหนุ่มอีกคน ผมส่งเขาที่ห้องหมายเลข 1 สุดขอบอีกด้านของโรงแรมก่อนจะรับกุญแจห้องหมายเลข 19 จากคุณ”

“ไม่มีห้องหมายเลข 19 ที่นี่ครับ โรงแรมของเรามีเพียง 16 ห้องเท่านั้นเอง”

“แต่คุณเป็นคนให้กุญแจผม”

“ใช่ครับ ผมให้กุญแจห้องแก่คุณหลังจากที่คุณออกจากห้องหมายเลข 16 กลางดึก คุณฝากกุญแจไว้ที่เคาน์เตอร์บอกว่าจะออกไปเดินเล่นและกลับมาในอีกหนึ่งชั่วโมง รับกุญแจห้องคืนจากผมและกลับเข้าห้องไป ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นภายใต้กุญแจห้องหมายเลข 16”

 

เขากลับมาที่โต๊ะ หญิงสาวผู้นั้นจิบน้ำส้มรอเขา เธอยิ้มให้เขาก่อนจะพูดว่า “การออกไปเตร็ดเตร่กลางดึกน่าจะทำให้คุณปลอดโปร่งและอ่อนเพลีย จนเมื่อคุณกลับมาที่ห้อง คุณถึงกับไม่สนใจที่จะเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเลย ชายคนนั้นพูดความจริง และเราควรทานอาหารเช้ากันและจบเรื่องขบขันนี้เสียที”

เขาขยับปากเตรียมที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หญิงสาวผู้นั้นฟัง แต่ขณะนั้นเอง แขกของโรงแรมอีกคู่ก็นั่งลงที่โต๊ะข้างๆ พวกเขายิ้มให้เขาและเธอ เขายิ้มตอบ ร่างกายเย็นเฉียบ หญิงสาวและชายหนุ่มคู่นั้น คือหญิงสาวที่เขาตกหลุมรักและชายหนุ่มของเธอ

หญิงสาวที่เขาเห็นเธอประสบอุบัติเหตุเมื่อวาน