อนุสรณ์ ติปยานนท์ : รักเศร้าๆเคล้าสุรา

รัก/หลง/เมือง (11)

คนรักของเธอสั่งเหล้าวิสกี้ท้องถิ่นหนึ่งแบน พร้อมด้วยโซดา น้ำ และน้ำแข็ง

จากการคาดคำนวณของเขา คนรักของเธอตั้งใจที่จะเมามาย

ไม่มีใครคนใดดื่มเหล้าด้วยวิธีนี้เพียงลำพังแล้วไม่เมามาย

เขารู้ดี เขาเองก็เคยทำเช่นนั้นครั้งหนึ่ง

เขาทำเช่นนั้นครั้งหนึ่งในชีวิตเพียงเพื่อจะเมามาย

หลังการจากไปของวาเนสซ่า เขาเริ่มต้นชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างเดียวดาย

อีกเพียงสองปีในระดับการศึกษาที่สูงกว่า ไม่ใช่เวลาที่นานมากนัก และเขาจะกระโจนเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

ทุนการศึกษาที่เขาได้รับจากประเทศเกิดให้โอกาสเขาร่ำเรียนได้ยาวนานไม่จำกัด

แต่หลังการจากไปของวาเนสซ่า เขารู้สึกคล้ายดังหมดเยื่อใยกับการเรียน

การเรียนสำหรับเขาเป็นเพียงหน้าที่

และบัดนี้เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายแห่งหน้าที่นั้นแล้ว

เขาผ่อนปรนการบีบคั้นจากความน่าเบื่อหน่าย หดหู่และหม่นหมองด้วยการหมกตัวอยู่ตามร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัยในเวลากลางวัน บาร์ในเวลากลางคืน และห้องสมุดของมหาวิทยาลัยในยามดึก

เขากลับห้องพักเพียงอาทิตย์หรือนานกว่านั้น หลับฟุบกับโต๊ะอ่านหนังสือ หรือหลับลึกอยู่กับโซฟาในซอกชั้นหนังสือ

เขาต้องการตัดขาดตนเองจากโลกภายนอกที่มีคนอื่นข้องเกี่ยว ยุ่งเหยิงและมุ่งมั่นกับการกัดกินตนเอง กัดกินลึกจากเบื้องในราวกับจุลินทรีย์ที่ทรงพลัง

ทรงพลังจนพอจะกัดกินทุกสิ่งให้พังพินาศไป

 

ทุกสิ่งดำเนินไปเช่นนั้นเป็นเวลาหนึ่งปี

เขาจะตื่นขึ้นในยามสายด้วยอาการงุนงง ดื่มกาแฟในร้านเดิม สั่งกาแฟรสเดิม ก่อนจะสูบบุหรี่ตัวแล้วตัวเล่าด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกว่านี้

หลังจากนั้นเขาจะคว้าหนังสือวรรณกรรมที่อ่านค้างคาอยู่ไปยังสวนสาธารณะ ทิ้งตัวลงนอนตรงโคนต้นไม้ใหญ่สักต้น อ่านแล้วอ่านเล่า หน้าแล้วหน้าเล่า จนหลับไปอีกครั้งหนึ่ง

ก่อนจะตื่นขึ้นในยามบ่าย เขาจะเดินออกจากสวนสาธารณะ เข้าร้านอาหารขยะสักร้านในบริเวณนั้น กินอะไรสักอย่างให้ท้องอิ่ม ก่อนจะเริ่มต้นอ่านหนังสืออีกครั้งจนดวงตะวันตกดิน

หลังจากนั้นเขาจะพาสภาพร่างกายอันทรุดโทรม อ่อนล้า ไปที่บาร์ เริ่มต้นสั่งเหล้าทีละแก้ว

บางวันเขาเริ่มด้วยยินโทนิคก่อนจะจบลงด้วยเหล้ารัม

บางวันเขาเริ่มต้นด้วยวอดก้าก่อนจะจบลงด้วยเบอร์เบิล

เขานั่งอยู่ที่หน้าบาร์ วางบัตรประจำตัวนักศึกษาที่แสดงอายุของเขา จุดบุหรี่ขึ้นสูบตัวแล้วตัวเล่า สลับกับการจ้องมองไปที่ผู้คนรอบๆ

เขาเริ่มหัดสังเกตผู้คนนับตั้งแต่ตอนนั้น ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสีผิว ทุกเชื้อชาติ

เขาจะบันทึกการสังเกตที่ว่านั้นลงไปในความทรงจำ แยกแยะ จัดระเบียบ ประเมิน หาบทสรุป

ก่อนจะเริ่มต้นใหม่ในวันต่อไป แยกแยะ จัดระเบียบ หาบทสรุป แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง

 

กระบวนการเรียนรู้ที่ว่านี้แปรเปลี่ยนสภาพของเขาจากชายหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำ ไปสู่ชายหนุ่มที่มีสภาพไม่ต่างจากคนไร้บ้าน

เนื้อตัวของเขาส่งกลิ่นอับ กลิ่นสาป คละคลุ้ง

ผมของเขาเกรอะกรัง ใบหน้าของเขาหม่นหมอง ดำเป็นปื้น ไม่มีความสง่างามใดๆ หลงเหลือในตัวเขา ไม่มีสิ่งเจริญหูเจริญตาใดๆ หลงเหลือในตัวเขา

มีแต่ความน่ารังเกียจเดียดฉันท์

มีแต่ความวิปริตวิปลาสต่อผู้พบเห็น ผู้คนไม่ร่วมโต๊ะอาหารกับเขา ผู้คนไม่อ่านหนังสือร่วมโต๊ะกับเขา ผู้คนไม่นั่งเก้าอี้ผู้โดยสารร่วมกับเขา

แรกเริ่มเขาอัปเปหิตนเองออกจากสังคม แต่แล้ว ในที่สุด สังคมทั้งหลายเริ่มอัปเปหิตัวมันออกจากเขา

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ เหล่านี้หาได้สร้างความกังวลใจให้แก่เขาไม่

โลกนี้หยุดสร้างความกังวลใจให้แก่เขานับแต่วันที่วาเนสซ่าจากไป

เธอมิได้จากไปเพียงร่างกาย กลับถิ่นเกิด หากแต่กลับพรากความฝันบางอย่างของเขาไปด้วย

ความฝันที่จะมีคนรัก มีครอบครัว เมื่อฝันนั้นดับสลาย

ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาจึงไม่ใช่การวิ่งไล่ล่าหาความฝันหากแต่เป็นชีวิตแห่งการกัดกินและกัดกลืนตนเองแทน

เมื่อสังคมอัปเปหิมันออกจากเขา เขาพบว่าตนเองได้มีดินแดนใหม่ ดินแดนที่ไร้กฎเกณฑ์

ดินแดนที่มีเขาเป็นทั้งผู้ปกครอง และเป็นทั้งผู้ถูกปกครอง

ดินแดนที่เขาเป็นทั้งผู้อาศัยและเป็นเจ้าของ ดินแดนที่เขาเป็นทั้งผู้ผ่านทางและผู้ลงรากลึก

เขาสามารถหลับ นอน กิน อยู่ เป็น ได้อย่างเสรีในดินแดนนั้น

เขาสามารถเลือกใช้ชีวิตใดๆ ก็ได้ตามปรารถนา

ปัญหาเพียงประการเดียวของดินแดนที่มีเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวในนั้นคือเขาไม่อาจล้มตายได้

เขาจำเป็นจะต้องมีชีวิตต่อไปให้นานที่สุดหากเขาต้องการจะหล่อเลี้ยงดินแดนดังกล่าวให้ดำรงอยู่ต่อไป

 

เขาจึงเริ่มต้นตั้งกฎเกณฑ์ส่วนตน เขาจะเล่นเกมนี้

เกมแห่งการมีชีวิตอยู่ แต่มีชีวิตอยู่ที่เปรียบเสมือนวิญญาณล่องลอย

เกมแห่งวิญญาณล่องลอย แต่เป็นวิญญาณล่องลอยที่เปรียบเสมือนดังคนทั่วไป

เกมที่ว่าเริ่มต้นด้วยเรื่องราวง่ายๆ อาทิ การที่เขาจะต้องได้คะแนนสูงสุดในทุกวิชาที่เรียน แต่จะเข้าเรียนให้น้อยที่สุด

อาทิ เขาจะกินอาหารด้วยเงินที่น้อยที่สุด แต่จะต้องได้พลังงานที่มากที่สุด

เขาจะใช้จ่ายเงินให้น้อยที่สุดสำหรับการเดินทางแต่จะต้องสามารถพาเขาไปได้ไกลที่สุด

น้อยแต่มาก นั้นคือหลักการที่เขาตั้งให้กับตนเอง

พบเจอผู้คนให้น้อยที่สุด สนทนากับพวกเขาให้น้อยที่สุด แต่ในทางเดียวกันคือการเข้าใจ เข้าใจพวกเขาอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

จากเกมที่ว่านั้นเขาพบว่าสถานที่ที่เขาจะได้พลังงานกลับคืนมาสู่ตนมากที่สุดคือห้องสมุด

เขากลืนกินหนังสือแต่ละเล่มอย่างกระหาย ย่อยสลายมันเป็นข้อมูลและความรู้

และสถานที่ที่เขาจะสูญเสียพลังงานมากที่สุดคือเคาน์เตอร์หน้าบาร์

เขาสังเกตผู้คนแต่ละคน โลดโผนโจนทะยานไปกับจินตนาการส่วนตนว่าผู้คนเหล่านั้นมีที่มาที่ไปเช่นไร มีชีวิตส่วนตนเช่นไร มีบาดแผลเช่นไร มีความรักเช่นไร มีการสูญเสียเช่นไร

คล้ายดังเห็บหมัดที่กระโดดเกาะหลังผู้เป็นเจ้าของ ติดตามไป สูบเลือดสิ่งที่เกาะติดไปจนกว่าจะพอใจแล้วผละจากมา

ทว่าเมื่อผละจากมา แทนการได้ครอบครองพลังงานที่มากขึ้น เขากลับรู้สึกอ่อนเพลียอย่างยิ่ง อ่อนเพลียราวกับจะขาดใจ ทุกครั้งที่เขาเดินออกจากบาร์ เขาจะรู้สึกอ่อนแอ โหยหา เปล่าเปลี่ยว และหม่นหมอง การเข้าใจผู้คนนำมาซึ่งความเจ็บปวด

ยิ่งคุณเข้าใจพวกเขามากเพียงใด คุณยิ่งพบว่าพวกเขามีหลายสิ่งที่อ่อนแอ

ทว่าความอ่อนแอที่ว่านั้นคุณก็พบในตัวคุณเองด้วย คุณหดหู่ คุณสิ้นหวัง แต่คุณกลับต้องเผชิญหน้ามัน อยู่ร่วมกับมัน คุณต้องเติมเต็มพลังงานของคุณด้วยตัวคุณเองเพื่อที่จะสูญเสียมันไปกับการทำความเข้าใจใครสักคนในเวลาต่อมา

นั่นคือบทสรุปของเขาที่มีต่อผู้คนอื่นในเวลานั้น

 

การแบกรับความหดหู่เช่นนั้นทำให้เขาพึ่งพาเครื่องดื่มมึนเมามากขึ้นทุกที

จากการดื่มเพียงเล็กน้อยที่หน้าบาร์ นำไปสู่การซื้อมันทีละขวด

เขาซื้อมันจากร้านขายเครื่องดื่ม นำมันกลับไปที่ที่พัก ปรุงมันด้วยฝีมือของเขาเอง และดื่มไปเช่นนั้นจากมืดจนรุ่งสาง วันแล้ววันเล่า สลับกับการอ่านหนังสือและกินอาหารเพียงเล็กน้อย

จากการใช้ชีวิตแบบพบปะผู้คน เขากลับกลายเป็นคนขังตนเองอยู่ในห้องพัก ดื่มและอ่าน ของเหลวและตัวอักษร

เขารู้ดีว่าที่ปริมาณแก้วใดที่เขาจะเมามาย

เขารู้ดีว่าที่ปริมาณแก้วใดเขาจะสูญเสียการควบคุมตนเอง

เขาทดลองกับมันเช่นนั้น พลาดบ้าง สำเร็จบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เติบโตและไม่เป็นทาสของมัน

ดังนั้น เมื่อเขาเห็นคนรักของเธอสั่งเครื่องดื่มมึนเมาในปริมาณนั้น เขาแน่ใจได้ว่าคนรักของเธอต้องการที่จะเมามาย

เขายุติการใคร่ครวญถึงเรื่องราวในอดีตของตน และเริ่มต้นการสังเกตคนรักของเธอ

ในเวลานี้เขาควรอยู่ที่โรงพยาบาล ในเวลานี้เขาควรอยู่ข้างเตียงของเธอ

แต่ในเวลานี้เขากลับอยู่ที่นี่ ในร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีเสียงดนตรีอึกทึก

คนรักของเธอไม่ได้ต้องการสมาธิ คนรักของเธอต้องการความสับสนวุ่นวาย มีบางอย่างที่ผิดแผกไปในยามนี้

คนรักของเธอมาที่นี่เพราะเขาต้องการผ่อนคลายจากความตึงเครียดจากสิ่งที่เกิดขึ้น

หรือเพราะว่าเขามีบางสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขได้ในใจ

บางสิ่งที่เขาไม่อาจแก้ไขได้ด้วยสติสัมปชัญญะอันปกติ

เขาเพ่งมองคนรักของเธอ เป็นการกระทำที่เขาเคยทำมาแล้วในอดีต

เขากำลังกลับไปสู่โลกโดดเดี่ยวของตนอีกครั้ง

เขาจะต้องล่วงรู้ให้ได้ว่าชายผู้นี้กำลังขบคิดอะไร