จับตา“เปลี่ยนผ่าน”สมการเปลี่ยน สัญญาณบวก“บ้านสี่เสาฯ”กับวันนี้ของ“บิ๊กโด่ง-บิ๊กหมู”

การเปลี่ยนผ่านประเทศ จากรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 มาสู่รัชกาลที่ 10 เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ตามกฎมณเฑียรบาล และตามโบราณราชประเพณี เรื่อยมาตั้งแต่ 29 พฤศจิกายน 2559 ทำให้บรรยากาศทางการเมืองคลี่คลายลงไปทันใด

ตั้งแต่การประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ที่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธาน

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ในการอัญเชิญองค์รัชทายาท ขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ เป็นรัชกาลที่ 10 ที่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง

จึงไม่แปลกที่หลังเสร็จสิ้นการประชุม บรรดา ผบ.เหล่าทัพ ในฐานะสมาชิก คสช. ต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะถือว่าขั้นตอนแรกได้เสร็จสิ้นแล้ว ก่อนที่จะไปทำหน้าที่ สนช. ครั้งประวัติศาสตร์

แม้จะอยู่ในช่วงของการไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากการเสด็จสวรรคตก็ตาม แต่การถวายพระพร แด่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ให้ทรงพระเจริญ ก็มีขึ้นตามประเพณี ตั้งแต่ในที่ประชุม สนช. เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2559 เรื่อยมา

ทั้งนี้ ในส่วนของกองทัพ ก็เตรียมแผนในการถวายพระพร ในฐานะที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ทรงเป็นนายทหาร และทรงให้ความสำคัญในการจัดตั้งและพัฒนาหน่วยทหาร และเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัยอย่างยิ่ง

 

สถานการณ์ต่างๆ จึงดูคลี่คลายไปในที่สุด หลังจากที่สังคมไทยตกอยู่ในภวังค์แห่งข่าวลือต่างๆ นานามากมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จึงต้องออกมายืนยันว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือกังวลใดๆ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ การเดินหน้าตามโรดแม็ป ก็เป็นไปตามเดิม เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง การเป็นประชาธิปไตย

“โรดแม็ปจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในประเทศ นอกประเทศ ความสงบเรียบร้อย และความมีเสถียรภาพ” พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ

แม้ว่า บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้า คสช. จะยืนยันไม่ได้ว่า จะมีการเลือกตั้งทันในปี 2560 หรือไม่

เพราะเมื่อมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ก็จะทรงลงพระปรมาภิไธย ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปตามโรดแม็ป

ท่ามกลางการวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์การเมืองไทย นับจากที่อาจเปลี่ยนไปจากสมการที่เคยคิดกันไว้ก่อนหน้านี้ ทั้ง สูตรอำนาจ พรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาลแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีคนนอก

รวมถึงที่เคยเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ในรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง หรืออาจเป็นนายกฯ ที่อยู่ยาวนาน แบบ “ป๋าเปรม” หรือที่เคยเรียกว่า “เปรมโมเดล” นั้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

โดยมีนักการเมืองหลายคน และหลายพรรค หันมาถูกจับตามอง แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่มีภาษีดีที่สุด…

110416_tro_20160411_1027217120

พร้อมๆ กันนี้ เมื่อมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ก็ทำให้ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เตรียมพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า พล.อ.เปรม จะมีสถานภาพใดนับจากนี้

ทั้งนี้ สายข่าวใกล้ชิดระบุว่า พล.อ.เปรม จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีตามเดิม หลังจากที่เดิมคณะองคมนตรี ได้มีมติให้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรีที่มีอาวุโสสูงสุด ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานองคมนตรี

จากเดิมที่เคยคาดคิดกันว่า พล.อ.เปรม จะวางมือทุกอย่าง เมื่อพ้นตำแหน่งผู้สำเร็จราชการฯ และอยู่แบบเงียบๆ ในฐานะรัฐบุรุษ ที่มีเกียรติประวัติมากมาย ณ บ้านสี่เสาเทเวศร์

โดยในช่วงกว่า 1 เดือนของการทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการฯ นั้น พล.อ.เปรม ให้ความสำคัญกับการเตรียมการสำหรับการมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ รวมถึงในอนาคต หากต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ขึ้นมาอีก ในกรณีที่พระมหากษัตริย์เสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจในต่างประเทศ

แต่สถานการณ์เปลี่ยน…

โดยมีรายงานว่า ในระยะหลัง พล.อ.เปรม สดใสยิ้มแย้มมากขึ้น จากเดิมที่ดูเงียบๆ นิ่งๆ อีกทั้งไม่ค่อยได้ออกงานต่างๆ เท่าใดนัก แต่มักจะพำนักอยู่ในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่ใช้เป็นสถานที่ทำงานแทนวังสราญรมย์ ที่ทำการของคณะองคมนตรี

สายข่าวใกล้ชิดระบุว่า พล.อ.เปรม ดูแจ่มใสมากขึ้น และยังคงใช้ชีวิตปกติอยู่ในบ้านสี่เสาฯ ด้วยสุขภาพที่ดี เพราะยังไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ อยู่เนืองๆ แม้แต่การตรวจครั้งล่าสุด ก็ไม่พบอะไรที่น่าเป็นห่วง

ว่ากันว่า พล.อ.เปรม นั้นได้ชื่อว่าเป็นนายทหารผู้มีอำนาจและบารมี เป็นอมตะ จึงยากที่จะอับแสงอัสดงไปง่ายๆ และยังคงเป็น “ร่มโพธิ์ใหญ่” แห่งขั้วสี่เสาฯ ต่อไป

100

ขณะที่สถานการณ์หลังการสวรรคตนั้น ส่งผลให้แผนในการปรับคณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อแต่งตั้ง รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ และบางตำแหน่งต้องถูกชะลอเอาไว้ก่อน เพื่อความเหมาะสม

ส่วนนายทหารระดับบิ๊กที่เกษียณราชการ และรอลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ ก็หมดความหวังที่จะรอ

แต่ทว่า นี่จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจแต่งตั้ง บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. แกนนำรัฐประหารคนสำคัญ เป็นประธานบอร์ดการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ไปแทนเสียแล้ว เพื่อชดเชยที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี

เพราะก่อนหน้าที่จะเกษียณราชการนั้น พล.อ.ธีรชัย เคยออกตัวว่า อนาคตหลังเกษียณของตนเองจะเป็นอะไร ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี

แต่ทว่า เขาก็ไม่เอ่ยปากขอว่าอยากจะเป็นอะไร หรือได้ตำแหน่งใดๆ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดช่องให้ก็ตามที

7-3-e1454318340653
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช

อีกทั้งบทบาทของ บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ก็กำลังดูเหมือนกำลัง “คืนฟอร์ม” เสมือนกลับมาได้รับความสำคัญอีกครั้ง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบภาคใต้

จึงไม่มีวี่แววว่าจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี เช่นที่มีแรงเชียร์เพื่อหวังเปิดเก้าอี้ว่างให้ พล.อ.ธีรชัย เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด มาเสียบแทน

ต้องยอมรับว่า พล.อ.อุดมเดช เสียรังวัดไปไม่น้อย จากกรณี “อุทยานราชภักดิ์” ที่ทำให้เขาต้องเผชิญมรสุมชีวิตมาเกือบหนึ่งปี

จึงไม่แปลกที่เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาล หรือที่เรียกกันว่า ครม.ส่วนหน้า พล.อ.อุดมเดช จึงทำงานทุ่มเทอย่างเต็มที่ โดยจะเห็นได้จากการประชุมใหญ่ทั้งคณะ 13 คน ทั้งที่กรุงเทพฯ และลงพื้นที่ชายแดนใต้

รวมทั้งการลงไปนอนค้างในพื้นที่และเดินสายหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งการแก้ปัญหาภาคใต้ และแผนการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

รวมถึงการประชุมของหน่วยงานจาก 20 กระทรวง ที่มีส่วนในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้

พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช
พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช

ท่ามกลางการถูกจับตามองถึงการทำงานร่วมกับ บิ๊กอาร์ต พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ น้องชายแท้ๆ ของ พล.อ.ธีรชัย คู่แค้นตลอดกาลของบิ๊กโด่งเอง

แม้ก่อนหน้านี้ พล.อ.อุดมเดช จะยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวใดๆ กับ พล.ท.ปิยวัฒน์ แต่ตรงกันข้าม กลับมีความคุ้นเคยกันอย่างนี้ เพราะเป็นคนที่ดึง พล.ท.ปิยวัฒน์ มาทำงานการข่าวใต้ เมื่อครั้งที่เป็น ผบ.ทบ.

แต่กระนั้น ในเวลาที่ พล.อ.อุดมเดช และ ครม.ส่วนหน้า เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ ก็จะไม่ค่อยได้เห็น พล.ท.ปิยวัฒน์ มาต้อนรับ หรือร่วมคณะ อาจด้วยเพราะมีภารกิจมากมาย จึงเป็นที่จับตามองอยู่บ้าง

img_5601

ในยามนี้ ทีมบิ๊กโด่ง จึงมาตั้งฐานที่มั่นที่กลาโหม และมาช่วยงาน ครม.ส่วนหน้า กันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.สุทัศน์ จารุมณี และ บิ๊กปาน พล.ท.จีระพันธ์ มาลีแก้ว และ บิ๊กต้อม พล.อ.พลภัทร วรรณภักตร์

อีกทั้งใน ครม.ส่วนหน้า ก็มีเพื่อน ตท.14 ของเขาหลายคนมาช่วยงาน ทั้ง บิ๊กโบ้ พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้ และ บิ๊กน้อย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.จำลอง คุณสงค์

แม้จะไม่ได้มีอำนาจในการสั่งการใดๆ แต่เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ได้มอบอาญาสิทธิ์ไว้ให้ในการเร่งรัดการทำงาน ประสานงาน ติดตามการทำงาน ก็ทำให้ พล.อ.อุดมเดช ดูเหมือน “มีฤทธิ์” เพราะสามารถให้คุณให้โทษได้ เพราะหากพบว่า กระทรวงทบวงกรม หรือหน่วยใด ทำงานแบบล่าช้า ก็จะรายงานสายตรงต่อบิ๊กป้อม และบิ๊กตู่ ได้เลยทันที

ประกอบกับบุคลิกของ พล.อ.อุดมเดช ที่เป็นคนจริงจัง จึงทำให้ ครม.ส่วนหน้า ชุดนี้ ถูกจับตามองว่า จะไปตรวจสอบ และจับผิดการทำงาน และอาจโยกย้ายหัวหน้าส่วนราชการได้

จึงทำให้เกิดทั้งความหวาดหวั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ แต่ทว่า ก็เป็นอีกหนึ่งความหวังในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ที่แม้ว่าจะยังไม่มีสัญญาณบวกใดๆ ก็ตาม

เพราะการทำงานของกองทัพบก และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยมี พล.ท.ปิยวัฒน์ แม่ทัพตัวเล็ก บัญชาการในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า

และมี บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ./รอง ผอ.รมน. ก็ทุ่มเทเต็มที่ ในฐานะแม่ทัพบก ที่ก็ดอดเงียบลงไปตรวจพื้นที่และเยี่ยมลูกน้องอยู่เนืองๆ

แม้อาจจะไม่ค่อยเห็น พล.อ.เฉลิมชัย หรือ พล.ท.ปิยวัฒน์ ไปต้อนรับคณะของ พล.อ.อุดมเดช ก็ตาม นั่นเพราะทั้ง พล.อ.เฉลิมชัย และแม่ทัพอาร์ต เน้นที่การทำงาน มากกว่าการไปต้อนรับ หรือร่วมคณะ แล้วไม่เกิดประโยชน์

เพราะต่างก็มีภารกิจมากมาย คงไม่คุ้ม หากต้องคอยมาต้อนรับทุกคณะ ยกเว้น พล.อ.ประวิตร ลงใต้เท่านั้น ที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ จะมารับ

อย่าลืมว่า พล.อ.เฉลิมชัย ก็เน้นการทำงานแบบ “เห็นงานมากกว่าเห็นหน้า” ไม่ต้องการให้ใครมาแห่แหนต้อนรับ ห้อมล้อมมากมาย แต่ให้คนที่เกี่ยวข้องในการทำงานเท่านั้น

เมื่อเป็นที่รับรู้กันแล้วว่า สไตล์การทำงานแบบบิ๊กเจี๊ยบ เป็นเช่นนี้ ก็ทำให้ ผบ.หน่วย ใน ทบ. ยึดเป็นแบบอย่างด้วยเช่นกัน

เพื่อที่จะได้ไม่มีรายการ “งอน” อะไรกันเกิดขึ้น ให้กลายเป็นตำนานของความน้อยใจ หรือขุ่นข้องหมองใจกันอีก