ทดสอบ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค’ ‘ขับสบาย-ช่วงล่างเฟิร์ม’ ออปชั่นจัดเต็ม

สันติ จิรพรพนิต

ทดสอบ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค’

‘ขับสบาย-ช่วงล่างเฟิร์ม’ ออปชั่นจัดเต็ม

 

หลังเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค” ขุมพลังใหม่ “3.0 ลิตร ดีเซล วี 6”

ถือว่าได้รับความสนใจจากตลาดพอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอันจะกิน ที่ชื่นชอบปิกอัพ 4 ประตูสมรรถนะสูง เพื่อใช้บุกทางทุรกันดาร

ที่ต้องไปอิงกลุ่มมีสตางค์เนื่องจากค่าตัวของ “ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค” ถือว่าตั้งมาเอาเรื่องพอสมควร

แต่หากดูสเป๊ก ออปชั่นต่างๆ แล้ว อยู่ในเกณฑ์รับได้

ด้วยความน่าสนใจนี้เอง เมื่อมีโอกาสจึงนำมาทดสอบ

เน้นในเมืองเป็นหลัก เนื่องจากมีเวลาครอบครองรถรุ่นนี้ไม่นานนัก

ที่ได้มาเป็น “สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์” สีซิกเนเจอร์ของรุ่นนี้

คันใหญ่บะลั่กกักแน่นช่องจอดเลยทีเดียว

หน้าดุดันเอาเรื่อง กระจังพิเศษแบบ Wildtrak มีเส้นดำพาดขวาง

ไฟหน้ารูปตัว “C” แบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูปตัว C ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี

 

ติดตั้งบันไดข้าง และบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย

เสริมความเท่ด้วยสปอร์ตบาร์และราวหลังคา

ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift

พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V

ล้ออัลลอยเฉพาะรุ่น Wildtrak V6 สีเทา Boulder Grey ขนาด 20 นิ้ว ยางขนาด 255/55

และที่น่าถูกใจสายแคมปิ้ง มีไฟส่องสว่างข้างตัวรถระบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ควบคุมการเปิดเมื่อต้องการแสงสว่างในตอนกลางคืน เช่น ไฟหน้า ไฟส่องพื้นจากกระจกข้างรถ ไฟในกระบะท้าย

สามารถเลือกเปิดเฉพาะบางโซน หรือทุกโซนพร้อมกันได้ผ่านหน้าจอ SYNC

เหวี่ยงตัวขึ้นไปบนรถ ที่ต้องใช้คำว่า “เหวี่ยง” เพราะความสูงของรถรุ่นนี้นั่นเอง

แต่ไม่ได้ลำบากมากเพราะมีมือจับที่ “เสา-เอ” ทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร

ภายในใช้สีดำตกแต่ง เน้นเอกลักษณ์แบบ Wildtrak โดยเฉพาะ

พวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง เดินด้ายสีเหลือง

เช่นเดียวกับเบาะนั่ง คอนโซลหน้า หัวเกียร์ และที่พักแขนกลาง เดินด้ายสีเหลืองเช่นกัน

หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว

บอกข้อมูลต่างๆ ครบครัน

หน้าจอกลางแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว จัดวางแนวตั้ง พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A

รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto และมีระบบเชื่อมต่อบลูทูธ

ระบบ FordPass Connect

ช่องต่อ USB 4 จุด รวมถึงบนกระจกมองหลัง

ลำโพง 6 ตำแหน่ง

หัวเกียร์ทรงเหลี่ยมก้านสั้นจับกระชับมือ

ใกล้กันเป็นเบรกมือไฟฟ้า ปุ่มเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน

กดปุ่มสตาร์ตที่คอพวงมาลัย เครื่องยนต์ขุมพลังดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ความจุ 2,993 ซีซี กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร

ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ E-Shifter

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ 4A 4WD

เลือกได้ 6 โหมดขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัด (Eco), โหมดลากจูง (Tow/Haul), โหมดถนนลื่น (Slippery), โหมดโคลนและหิน (Mud/Ruts) และโหมดทราย (Sand)

ด้วยความที่การทดสอบรอบนี้เน้นในเมืองจึงใช้แต่โหมดปกติเป็นหลัก

บอกเลยว่ากำลังเครื่องยนต์เหลือๆ กดเท่าไหร่มาเท่านั้น

หลายจังหวะที่ถนนโล่งๆ กดแบบมิดคันเร่ง เจออาการหลังติดเบาะประมาณหนึ่ง

เบาะนั่งโอบกระชับสรีระได้ดี คู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กำลังลมเย็นฉ่ำ

ขนาดขับขี่ตอนแดดเปรี้ยงๆ ภายในไม่รู้สึกถึงรังสีความร้อนเข้ามาเลย

ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี ตอนจอดนิ่งแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์

แต่ถ้ายืนนอกรถก็ดังประมาณหนึ่ง

เสียงลมและเสียงล้อบดถนนแทรกเข้ามาไม่มากนัก

จะมีตอนเลี้ยวแรงๆ มีเสียงล้อเอี๊ยดอ๊าดอยู่บ้าง แต่ตัวรถไม่มีอาการเหวี่ยง หรือเสียสมดุล

ช่วงล่างถ้าเทียบกับปิกอัพด้วยกันถือว่าทำได้นุ่มนวล

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง โช้กอัพแบบโมโนทูบ

ด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้กอัพแบบโมโนทูบ

คอม้า (knuckle) อะลูมิเนียม

น้ำหนักพวงมาลัยดีถึงดีมาก เบามือสมกับควบคุมด้วยไฟฟ้า เรียกว่าเซ็ตมาให้ขับสบายในทุกเส้นทาง

ระบบเบรกไว้ใจได้ เพราะเป็นดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน

ติดตั้งดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้ามาให้ด้วย

เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง จากสเป๊กถือว่าจัดหนักพอสมควร อาทิ

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง

ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน

ระบบเตือนการชนด้านหน้า

ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน

ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด

กล้องมองรอบคัน 360 องศา

ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง

ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ ฯลฯ

ระบบความปลอดภัยยิบย่อยอื่นๆ เช่น ถุงลม 7 ตำแหน่ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิก ฯลฯ มีครบตามมาตรฐาน

“ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค” มีให้เลือก 4 สี ขาว อาร์กติก ไวต์, เทา เมทิเออร์ เกรย์, ดำ แอบโซลูท แบล็ก และเหลือง ลักซ์ เยลโลว์

จัดไปกับราคา 1,519,000 บาท •

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]