อนุสรณ์ ติปยานนท์ : กับดักรักๆชังๆ

ในสารานุกรมฉบับออนไลน์ที่ชื่อ Wikipedia ให้นิยามความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดชังไว้ว่า

“A love-hate relationship is an interpersonal relationship involving simultaneous or alternating emotions of love and hate-something particularly common when emotions are intense. The term is used frequently in psychology, popular writing, and journalism”

“ความสัมพันธ์แบบทั้งรักและทั้งชังนั้นคือความสัมพันธ์เชิงบุคคลที่ข้องเกี่ยวกับอารมณ์แบบฉับพลันและแปรเปลี่ยนไปมาระหว่างความรักและความชัง อันเป็นสิ่งที่ธรรมดาสามัญมากเมื่ออารมณ์เหล่านั้นอยู่ในสภาพที่เข้มข้นและรุนแรง นิยามที่ว่านี้จะพบได้บ่อยทั้งในทางจิตวิทยา งานเขียนทั่วไปและในรายงานข่าวทางหน้าสื่อ”

ในนวนิยายเรื่อง Fifty Shades of Grey ของ อี แอล เจมส์ (E.L James) เราจะพบความสัมพันธ์ที่ว่านี้อยู่แทบตลอดเรื่อง

อนาสตาเซียอาจจะมีความปรารถนาในตัวของคริสเตียน

แต่ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ปรารถนาการหลุดพ้นจากอำนาจอันครอบงำของเขาด้วย

ความรู้สึกลังเล ไม่แน่ใจว่าตนเองปรารถนาในสิ่งใดกันแน่ ทำให้เธอถลำลึกลงไปในความสัมพันธ์ทุกขณะ

ในด้านหนึ่ง เธอคิดว่าเธอสามารถเปลี่ยนแปลงเขาให้กลายเป็นอีกบุคคลหนึ่งได้

แต่ในอีกด้าน เธอก็ท้อแท้กับเรี่ยวแรงมหาศาลที่ต้องกระทำไปเพื่อการณ์นั้น

แรงเหวี่ยงไปมาระหว่างความต้องการขั้วตรงข้ามนี้ทำให้เรื่องราวดำเนินไปและดำเนินไปจนกว่าจะมีใครสักคนในความสัมพันธ์แบบที่ว่านี้ยอมเดินจากมาหรือไม่ก็สิ้นแรงกับความหายนะในที่สุด

แล้วอะไรล่ะที่จะบ่งบอกว่าเรากำลังอยู่ในวังวนแห่งความสัมพันธ์ที่ว่านี้

 

เว็บไซต์ Madamenoire ได้ตีพิมพ์บทความของแอชลี่ย์ เพจ ในวันที่ 29 เมษายน 2013 ชื่อว่าสัญญาณเจ็ดอย่างที่แสดงว่าคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งชัง อันได้แก่

1. คุณตกหลุมรักอะไรบางอย่างในตัวเขาหรือเธออย่างสุดจิตสุดใจ

อาจเป็นนิสัย รสนิยม ไลฟ์สไตล์หรือบางเรื่องที่ลึกลับซ่อนเร้นกว่านั้น การตกหลุมรักแค่เพียงเศษเสี้ยวหรือในสิ่งที่เราพอใจโดยไม่พิจารณาด้านอื่นๆ ของเขาเป็นสัญญาณแรกเริ่มของความอันตราย

2. แต่กระนั้นก็มีบางส่วนในตัวของเขาหรือเธอที่คุณเกลียดชังจนไม่อาจจะยอมรับมันได้

เขาช่างเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยสิ่งเสพติด สุรา บุหรี่ การพนัน ทั้งหมดนี้คุณไม่อาจยอมรับมันได้ ทว่าคุณพยายามไม่มองไปที่มัน เธอเป็นหญิงสาวที่เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ขี้บ่น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คุณไม่อาจยอมรับได้ ทว่าคุณพยายามที่จะไม่คิดถึงมันและมองข้ามมันไป กระบวนการมองข้ามนี้อาจกลบเกลื่อนความรู้สึกทุกข์ใจของคุณได้ชั่วขณะ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปมันก็จะผลักไสคุณให้พ้นจากคนรักของคุณอยู่ดี ความรู้สึกไม่พึงใจยังดำรงอยู่ตรงนั้นไม่ว่าคุณจะมองไปที่มันหรือไม่ และมันจะดำรงตนอยู่ตรงนั้นเพื่อขับไล่คุณเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม

3. มีความรู้สึกรักหรือชังที่รุนแรง เข้มข้น เกินปกติสามัญเสมอในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขาหรือเธอ

ในความสัมพันธ์แบบที่ว่านี้ ยามสุข ทั้งคุณและเขาจะมีความรู้สึกคล้ายดังกับกำลังล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่ในยามทุกข์หรือยามมีข้อขัดแย้ง ทั้งคุณและเขาจะมีความรู้สึกไม่ต่างจากการตกดิ่งไปในห้วงเหว ในความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีพื้นดินปกติที่คุณและเขาเดินเหินไปมา

มีแต่พื้นที่ที่สูงส่งหรือดำดิ่งลึกเท่านั้นเอง

 

4.มีการเลิกราและการกลับมาคบหาสลับกันไป ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับเป็นวัฏจักรอันไม่สิ้นสุด

ทุกครั้งที่มีความขัดแย้ง ทุกครั้งที่มีความไม่ลงรอย คุณบอกตนเองว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะจากเขาไป แต่หลังจากโล่งใจที่คุณตัดสินใจเช่นนั้นได้ไม่กี่วัน คุณก็หวนกลับไปหาเขา ความสัมพันธ์กลับมาหวานชื่นเช่นเคย แต่หลังช่วงเวลาที่หวานชื่นผ่านไป พวกคุณก็ขัดแย้งกันอีกและเต็มไปด้วยความคิดที่จะเลิกราจากกัน สภาวะ On และ Off เกิดขึ้นไม่สิ้นสุดราวกับดวงไฟกะพริบในงานรื่นเริง

5. การให้ค่าอีกฝ่ายว่าเป็นดังรางวัลใหญ่ของชีวิต

คุณประเมินคะแนนของความสัมพันธ์นี้ตลอดเวลา มีบางสิ่งบางอย่างในตัวของอีกฝ่ายที่คุณอดรนทนไม่ไหว คุณขบคิดถึงการเลิกราทุกขณะจิต แต่เวลาเดียวกันคุณก็เสียดายทั้งเวลาและพลังงานที่ได้ทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์นี้ คุณมองว่าหากคุณเป็นฝ่ายมีชัยชนะ ทุกอย่างจะส่งผลคืนมาในฐานะของรางวัลใหญ่แห่งความอดทนและความพยายาม ยิ่งเนิ่นนาน คุณยิ่งเสียดายเวลามากขึ้นทุกที คุณเริ่มรู้สึกว่าคุณไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว คุณจมดิ่งไปในความสัมพันธ์นี้ เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่เป็น

6. ความสัมพันธ์ที่ว่านี้ ยิ่งค้นลึกลงไป คุณพบว่ามันไม่มีเป้าหมายและไม่มีบทสรุปด้วยซ้ำไป

คุณพบว่าคุณตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ปราศจากบทสรุป ปราศจากเป้าหมาย ปราศจากคำตอบที่แน่ชัด คุณอาจกระโจนเข้าสู่ความสัมพันธ์นี้เพียงเพราะความเหงาหรือเพียงเพราะคุณรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าเกินไปจนควรมีใครสักคนมาเติมเต็มมัน กระนั้นแม้ว่าคุณจะรู้ตัว รู้แจ้งแทงตลอด แต่คุณก็ไม่อาจละทิ้งความสัมพันธ์นี้ได้

เพราะความสัมพันธ์ที่ว่านี้ช่วยแก้ไขความเปล่าเปลี่ยวเดียวดายของคุณ มันช่วยเติมเต็มช่องว่างแห่งชีวิตของคุณ ไม่มีความต้องการที่จะไม่มีใครไว้คิดถึง แม้ว่าการมีใครสักคนไว้คิดถึงจะแลกมาด้วยเส้นทางที่ไม่มีจุดจบก็ตามที