อภิญญา ตะวันออก : กีย์จ้าวเวหา กำเนิดหมูบิน

สถานการณ์นั่นเอง ที่ทำให้กีย์ วัลเลต์ มีโอกาสสบช่องเป็นนักบินพลเรือน แม้มันจะต้องมาเริ่มต้นที่ลาว อดีตอาณานิคมเก่าของประเทศตน จนเติบโตเป็นกีย์หมูบิน! ผู้ประสบการเปลี่ยนแปลงบนภูมิประเทศและดินแดนที่เขาไม่เคยรู้ว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาได้มายืน ณ จุดนี้

ว่ากันตามจริง ก่อนที่จะประเดิมเกมเล่นอันตื่นเต้น เกมเหินฟ้าท้าทาย กีย์และเพื่อนได้ผ่านความคึกคะนอง บินเข้าน่านฟ้าไทย กระทั่งถูกกองทัพอากาศไทยบินติดตามและบังคับจอด ณ สนามบินลับอุดรธานี

มันเป็นการเสียท่า ช่างไม่คุ้มราคาเอาเสียเลยกับภารกิจสอดแนมแบบเด็กๆ ของพวกหมูบิน โดยเฉพาะการที่ต้องมาตกสภาพเป็นนักบินตัวประกัน จากการเสียค่าปรับก้อนโต อันเป็นไปตามกฎการบินพาณิชย์ที่ลาวแอร์ไลน์สได้ค้างชำระภาษีข้ามแดนและอื่นๆ ที่ยาวเหยียดเป็นหางว่าว ขณะที่ธุรกิจการบินในลาวขณะนั้น ที่กำลังเผชิญกับหายนะทางธุรกิจที่กำลังถอยหลังสู่ระบอบคอมมิวนิสต์เต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม มันก็เผยให้ทราบถึงฐานปฏิบัติการหน่วยอากาศยานลับๆ แห่งราชอาณาจักรไทย ณ อุดรธานี ที่พลุกพล่านไปด้วยวิศวกร ช่างเทคนิคอเมริกัน และสรรพยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อกีย์ หมูบิน!

แม้ท้ายที่สุดแล้วเขาจะเจอสมรภูมิของจริงที่สาหัสสากรรจ์กว่านักในกัมพูชา

 

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2511 ตอนที่กีย์ยังอยู่ที่แรนส์และก่อตั้งชมรมกีฬาคาราเต้ในสโมสรกีฬากับเพื่อน ในจำนวนนี้มีนิสิตวิศวกรรมการบินพลเรือนจากตูลูสและเป็นชาวลาวมาสมัครสมาชิก คำ ดารานิกอน แต่สิ่งที่กีย์จดจำไม่ลืมคือ ข้อเสนอให้เขาไปเป็นนักบินพาณิชย์

มันคือความฝันของกีย์ตลอดวัยหนุ่มที่ผ่านมา แต่โอกาสต่างหากที่ไม่เคยให้เขาได้ไขว่คว้า และตอนนั้นบุคคลที่คาดว่าจะอุปการะเขาได้ กลับเป็นนักธุรกิจลาวคนหนึ่งที่เวียงจันท์ และเป็นญาติลุงของดารานิกอน เจ้าของสายการบินลาวแอร์ไลน์ส ที่ขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กีย์ฝันจะเป็นนักบินพลเรือนมาตั้งแต่จำความได้ เขาเกิดในปี พ.ศ.2478 ที่แคว้นเบรอตาญ ตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เขตสมรภูมิเก่าสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามแอลจีเรีย ได้เห็นเครื่องบินรบมาตั้งแต่เด็กและตอกย้ำไปอีกเมื่อถูกเกณฑ์เป็นหน่วยมารีน ประจำการบนเรือรบที่ผ่านการฝึกวินัยอย่างหนักตลอด 18 เดือนเพื่อรับราชการดังกล่าว

แต่เขาคิดว่ามันคือความจำนนต่อโชคชะตา โดยเฉพาะการฝึกของหน่วย SACOS หน่วยคอมมานโดทางทะเลอินโดจีนที่หนักหน่วง และการฝึกแบบยุทธการฝูงบินทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่ได้ชื่อว่าเคร่งครัดด้วยระเบียบวินัยและการลงโทษที่โหดร้าย

แต่กีย์ไม่ได้สนใจจะเป็นทหาร สิ่งที่เขาหลงใหลอย่างเดียวคือการบิน ดังนั้น เขาจึงไม่คิดจะรับราชการทหารในภารกิจ 18 เดือนเพื่อฝึกเป็นนักบินของหน่วยรบ แต่กลับไปทำงานเป็นกะลาสีในเรือบรรทุกน้ำมันและสินค้าที่ระวางขนาด 33,000 ตัน ก่อนจะพบว่า

นี่คือนรกแห่งการดับฝันที่เขาต้องทำงานหนักวันละ 12 ชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุดต่อเนื่องกว่าครึ่งปี

 

กีย์กลับตั้งต้นที่แรนส์บ้านเกิด เขาแต่งงาน แต่ภริยาทิ้งเขากับลูกวัยสองขวบ ในห้วงเวลาแห่งความล้มเหลวจากการสอบเป็นลูกเรือเพื่อต่อยอดเป็นนักบินนั้น

เขายังชีพเป็นเซลส์แมนขายสินค้าที่แคว้นบริตานี และด้วยสภาพเงินทองที่ฝืดเคือง จึงทำได้เพียงฝึกเป็นนักบินพาณิชย์จากหลักสูตรระยะสั้นจากคลับไพเปอร์ ด้วยเครื่องบินแบบวินเทจของกองทัพสหรัฐ ขนาดเครื่องยนต์ 2 ที่นั่ง สมรรถนะ 90 แรงม้า

กีย์ชื่นชมนักหนาว่าเป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของการบินเดี่ยวครั้งนั้น แม้ประกาศนียบัตรรับรองของมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาสมัครเป็นนักบินของสายการบินฝรั่งเศสได้ก็ตาม

กระทั่งโชคแห่งวาสนาที่ทำให้เขาพบพานกับเด็กหนุ่มชาวลาวคนนั้น มันคือชะตาบันดาลที่ทำให้เขาตัดสินใจไปลาวและพบกับเจ้าของสายการบิน Lao Airlines-บุนลาภ ผู้มีรูปร่างอ้วนกลม บ่งบอกความเป็นผู้มากไปด้วยบารมี ในทันทีที่ต้อนรับกีย์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เท่านั้น บุนลาภก็ส่งเขาประเดิมอาชีพด้วยการเป็นนักบินผู้ช่วยกัปตันเรน่ เอ็นจาบาล นักบินสัญชาติเดียวกับเขาที่ทำงานในลาวขณะนั้น

พลันอาณาจักรล้านซ้างแห่งนี้ก็กลายเป็นที่เผชิญภัยและเปลี่ยนชีวิตทุกด้านของเขาตลอดไป

 

ไม่ต่างจากผู้คนส่วนใหญ่ที่ต่างหลงรักลาวจับใจ แต่ท้ายที่สุด ไม่ต่างจากนักผจญภัยส่วนใหญ่เวลานั้น ที่ในที่สุดแห่งสัญชาตญาณและแรงกระตุ้นบางอย่างก็ผลักให้พวกเขาเข้าไปผจญภัยในดินแดนกัมพูชา

หมูบิน! ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตั้งแต่ที่เขาเหยียบย่างมาถึงไซ่ง่อนและผ่านไปชุบ (chup) เมืองท่าอีกแห่งหนึ่งก่อนจะเข้าสู่พนมเปญ

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้ว่ากัมพูชาในอีกต่อมานั่นเอง ที่กีย์และเขาได้ก่อตั้ง “ชมรมนักบินพลเรือนหมูบิน!” (Pig Pilot Association) หลังจากที่เขาย้ายฐานสำนักงานจากลาวเป็นกัมพูชา และตำนานหมูบิน! ที่ถูกก่อตัวอย่างสมบูรณ์แบบในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของกีย์ หมูบิน! ในลาวและกัมพูชา ที่ไล่เรียงต่อการเฝ้ามองสังคมประหนึ่งจากมุมสูงของนกบินผู้โดดเดี่ยว และทำให้คนรุ่นหลังอย่างเราได้เห็นถึงสถานะของลาวก่อนจะกลายเป็น สปป.ลาวในระบอบคอมมิวนิสต์ทุกวันนี้

เช่นเดียวกัน กีย์ หมูบิน! ได้เปิดมุมมองของฉันต่อนักชาติพันธุ์วิทยา ชาวลูกผสมอินโดจีน-ฝรั่งเศสและวัฒนธรรมจีไอของไทยที่อุดรธานี ทั้งหมดนี้ ฉันหวังว่า เนียงวิทูสนทนา จะมีโอกาสบอกเล่าในคราวต่อไป

ส่วนที่เขมรนั้น กีย์ หมูบิน! เป็นเสมือนฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระ จากบันทึกที่ทำให้เราทราบว่า เขาได้มีส่วนช่วยเหลือบรรดาครู-อาจารย์และนักวิจัยจำนวนมาก ทั้งในหมวดของนักโบราณวิทยา นักชาติพันธุ์ศึกษา นักภูมิศาสตร์ เกษตรกรรมและพันธุ์พืช

ซึ่งมีตัวตนและทำงานในเขมรเวลานั้น

 

อีกในช่วงเวลาแห่งความหม่นมัว ยุ่งเหยิง และเลวร้าย กีย์ หมูบิน! นั่นเองที่สืบสัมพันธ์อันงดงาม ในท่ามกลางช่วงแห่งความเลวร้ายในทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน โดยเฉพาะบุคลากรเหล่านี้ที่ฝังตัวเองทำงานอยู่ในเสียมเรียบและพระตะบอง และมีแต่เส้นทางการบินของกีย์ หมูบิน! และเพื่อนๆ เท่านั้นที่จะรักษาชีวิตพวกเขาไว้ได้

อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสมรภูมิด่านแรกอย่างลาวที่ทำให้กีย์ หมูบิน! ที่ได้ทักษะการบินในสภาวะที่ประเทศกำลังถูกทำลาย และการเอาตัวรอด ในท่ามกลางสงครามกลางเมืองของประเทศนี้ที่ทำให้ “ชมรมหมูบิน!” ถือกำเนิดขึ้นที่นี่

ด้วยเรื่องราวที่พวกเขาเผชิญมันอย่างไม่มีทางเลือก ภาวะบีบคั้นที่เข้มข้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสนามบินเสียมเรียบ พระตะบอง กำปงจาม เกาะกง สีหนุวิลล์ และโปเชนตงแห่งกรุงพนมเปญ

ในที่สุด ท่ามกลางถูกกระหน่ำซ้ำเติมต่อโปเชนตงสนามบินแห่งชาติ ที่กลายเป็นสนามรบ ก่อนที่กีย์ หมูบิน! จะมีโอกาสนำเครื่องขึ้นบินเที่ยวสุดท้ายอย่างปลอดภัย โดยมีจุดหมายปลายทางที่อู่ตะเภา!

 

แม้จะกล่าวว่า มันเป็นความบ้าบิ่นของมนุษย์พวกหนึ่งแต่อดีต กระนั้นฉันไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเลยว่า ท่ามกลางสงครามแห่งสมรภูมิเหล่านั้น ยังมีเมล็ดพืชพันธุ์มนุษย์บางพวกที่ยอมเสี่ยงภัย เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกด้วยกัน

การมาถึงของกีย์ที่ลาวก็ดี มันได้ช่วยเปิดดวงตาข้างหนึ่งของฉันต่อมุมมองชายไทยคนหนึ่งที่เกิดในชนบท และมีอดีตจำนนต่อสังคมในฐานะคนนอกกฎหมายและขาดโอกาส อย่างเช่นบินห์ (ชื่อตัวละครในกัปตันโฮจิมินห์เทร็ล) ของฉัน

บินห์ไม่ต่างจากกีย์ที่โลกปกติไม่ได้มอบโอกาสให้เขาได้เป็นนักบินพาณิชย์อย่างคนทั่วไป และนั่น มันทำให้เขาต้องเริ่มต้นจากนักฆ่าคนที่หนีกฎหมายไปสมัครเป็นทหารรับจ้างในค่ายฝึกลับๆ แห่งหนึ่งของไทย

บินห์คือผลิตผลของสังคมเดนตายที่มีอยู่จริงในยุคนั้น จากฆาตกรที่ถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าในสนามรบรับจ้าง และด้วยพรสวรรค์บางอย่าง ที่ทำให้บินห์สบโอกาสเรียนด้านการบินพื้นฐานในหลักสูตรฉุกเฉินเพื่อเป็นนักบินผู้ช่วย จนภารกิจนักฆ่าในสมรภูมิลับที่ลาวและเวียดนามสิ้นสุดลง นั่นเอง การชุบชีวิตในอีกโลกของการเป็นนักบินพาณิชย์ก็เกิดขึ้น

ทว่ามันมิได้สวยงามเฉกเช่นที่รับรู้ในผู้คนทั่วไป

 

เช่นเดียวกับกีย์ หมูบิน! กัปตันไทยที่ชื่อโฮมินห์เทร็ลบินห์ ต้องอาศัยบินในเขตสมรภูมิกัมพูชา ที่ทั้งเสี่ยงภัยและขัดต่อหลักประกันคุ้มครองทางวิชาชีพ เกินกว่าจะประเมินได้ แต่นั่นเอง ก็พื้นที่สีแดงนี้เองที่สร้างโอกาสให้พวกเขาได้ไลเซนส์ เป็นนักบินทางลัด

แต่ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะสร้างทุกข์ทรมาน กดดัน บีบคั้นหรือคุกคามจิตใจ และท่ามกลางวิกฤตเสี่ยงภัยทั้งหมดทั้งมวลนี้ มิอาจพรากทำลายมิตรภาพ ความรัก ความซื่อสัตย์ที่มนุษย์พึงมีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ตอนหนึ่งของคำอุทิศที่ฌ็อง บูลเบต์ อดีตครูโรงเรียนในจังหวัดพระตะบองที่ยกย่องถึงกีย์ วัลเลต์ ไว้ในหน้าแรกของบันทึกหมูบิน! Cochon Vole! ประหนึ่ง เขานั่นเอง ที่เป็นตัวแทนของผู้เหลือรอดจากสงครามเขมรแดงที่ยาวนานตลอด 3 ปีหลังอันเลวร้าย

มันคือรอยยิ้มสดใสของเขาเจ้าหมูบิน!-กีย์ วัลเลต์

“รอยยิ้มเปิดกว้าง ที่ช่วยปัดเป่าความหวาดทั้งหลายให้สิ้นสลายไป”