จิตต์สุภา ฉิน : รีวิวประสบการณ์เสมือนจริง กับ PlayStation VR

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ช่วงนี้ซู่ชิงยุ่งสุดๆ ไปเลยค่ะคุณผู้อ่าน

ที่บอกว่ายุ่งเนี่ย ไม่ใช่ยุ่งทำงานทำการ ยุ่งเขียนหนังสือ หรือว่ายุ่งถ่ายทำรายการโทรทัศน์หรอกนะคะ

แต่ที่ยุ่งก็เพราะว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งจะได้ PlayStation VR มาอยู่ในครอบครอง

และตั้งแต่นั้นมาก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกม ฝังตัวเองอยู่ในโลกเสมือนจริงทั้งวันทั้งคืน

ซู่ชิงเขียนถึงเทคโนโลยี VR หรือโลกเสมือนจริงมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการสัมผัสประสบการณ์ Virtual Reality อย่าง Google Cardboard, HTC Vive, Oculus Rift หรือ Samsung Gear VR ไปจนถึงการคุยถึงความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนโลกและปฏิวัติหลากหลายวงการให้พลิกเปลี่ยนไปในแบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน

แต่แม้จะลองใช้งานอุปกรณ์ประเภทนี้มาแล้วหลากหลายยี่ห้อ นี่เป็นครั้งแรกที่ซู่ชิงได้มาเก็บไว้อยู่กับตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง และเล่นเกมเท่าไหร่ก็ได้ที่อยากเล่น วันนี้ก็เลยคิดว่าจะมารีวิวประสบการณ์ให้คุณผู้อ่านได้อ่าน เผื่อว่าใครสนใจอยากจะลองใช้งานดูบ้างค่ะ

Sony PlayStation VR เป็นอุปกรณ์สวมศีรษะแสดงภาพเสมือนจริง ที่จะต้องใช้ควบคู่กับคอนโซลเกม Sony PlayStation 4 (เป็นต้นไป) วิธีการใช้งานก็จะต้องเชื่อมต่อเข้ากับคอนโซลเกม นอกจากนั้น อุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการบังคับก็คือคอนโทรเลอร์ DualShock และ Move ค่ะ

ก่อนจะเล่าถึงประสบการณ์การเล่น ขอให้สเป๊กของ PlayStation VR แบบคร่าวๆ นะคะ

vr-refresh-mobile-vr

ตัวนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 5.7 นิ้ว ที่ความละเอียด 1920 x RGB x 1080 มุมมองอยู่ที่ประมาณ 100 องศา มีไมโครโฟนติดมาด้วย มีเซ็นเซอร์วัดความเร่งและไจโรสโคปค่ะ

เมื่อสวมเข้าไปแล้ว เราจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยค่ะ ซู่ชิงรู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในพื้นที่แคบๆ ของห้องนั่งเล่น และก่อนจะสวมเข้าไปก็ได้แม็ปสภาพแวดล้อมเอาไว้ในหัวแล้วว่า ซู่ชิงอยู่ห่างจากโทรทัศน์กี่ก้าว ด้านขวาเป็นโต๊ะทำงานที่ห่างไปนิดเดียว ด้านซ้ายมีพื้นที่เหลือประมาณแค่ไหน ถอยหลังไปเท่าไหร่ถึงจะชนโซฟา

กำชับกับตัวเองเอาไว้แล้วเรียบร้อย แต่พอสวมเข้าไปปุ๊บ แล้วซู่ชิงกลายเป็นแบตแมนที่ยืนอยู่บนตึกสูงในเมืองก็อตแธมซิตี้ยามค่ำคืนและมองลงมายังเบื้องล่างอันน่าหวาดเสียวแล้ว

ทั้งหมดที่จำเอาไว้ก็สูญสลายหายไปหมดเลยค่ะ

เล่นไปสักพักก็ชนมั่วไปหมด เดี๋ยวโขกกำแพงบ้าง เดี๋ยวจิ้มถูกหน้าจอทีวีบ้าง ทำให้รู้ว่าเรื่องจำเป็นที่สุดก่อนจะเอาอุปกรณ์วีอาร์มาใช้ก็คือจะต้องมีพื้นที่ที่โล่งและกว้างพอให้สามารถออกท่าทางได้ตามที่ต้องการ

โดยที่ไม่ต้องได้รอยฟกช้ำดำเขียวไว้ดูต่างหน้าในภายหลัง

madrid_games_week_playstation_vr_usuario_madrid_espana_2015

เกมที่ซู่ชิงได้ทดลองเล่นแล้วก็มีมินิเกมน่ารักๆ ที่อยู่ในเกม VR Room ซึ่งก็มีทั้งที่เราสวมวีอาร์แล้วเล่นบทบาทเป็นไดโนเสาร์ที่จะต้องโขกตึกให้พังถล่มลงมาทับคนที่ถือจอยสติ๊กเล่นแข่งกับเรา หรือสวมวีอาร์แล้วเป็นแมวที่จะต้องชะโงกหน้ามาจับหนูที่กำลังขโมยชีส

นอกจากนี้ ก็ยังมีเกมเดโม่ที่จะมาพร้อมกันถึง 30 เกมในแผ่นที่แถมมาด้วย ซู่ชิงได้ทดลองเล่นเกม Job Simulator ซึ่งพอสวม PlayStation VR เข้าไป เราจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพนักงานบริษัทที่นั่งอยู่ในคอกที่ออฟฟิศ และปฏิบัติภารกิจไปเรื่อยๆ ทั้งการทำงานบนคอมพิวเตอร์ ถ่ายเอกสาร ชงกาแฟ ปาโดนัทใส่คนอื่น (อันนี้ไม่ใช่ภารกิจแต่ซู่ชิงคิดว่าสนุกดี ก็เลยปาโดนัทใส่เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ข้างหน้าไม่หยุดเลย)

และยังมีเกมขับรถซึ่งให้ฟีลลิ่งว่ากำลังอยู่ในสนามรถแข่ง

แตกต่างจากประสบการณ์การเล่นเกมรถแข่งผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์โดยสิ้นเชิง

ส่วนเกมที่ชอบมากจริงๆ มีอยู่ 2 เกมค่ะ เกมแรกชื่อว่า Kitchen ฟังแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นเกมทำอาหารน่ารักๆ เราคงจะต้องมายื่นหั่นแครอตหรือทอดไก่เก๋ๆ

แต่จริงๆ แล้วนี่คือเป็นทีเซอร์ของเกม Resident Evil 7 ซึ่งออกเวอร์ชั่นวีอาร์มาให้เล่นได้สั้นๆ ไม่กี่นาที ราคาสามสิบกว่าบาท เป็นประสบการณ์วีอาร์ที่สยองขวัญมาก เพราะเราเป็นตัวละครที่ถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ในบ้านร้างอันน่าสะพรึงขวัญ

เพื่อนของเราที่เข้ามาด้วยกันถูก “ผี” กะซวกไส้ ตัดหัว อย่างน่าหวาดเสียวที่สุด

และบอกตรงๆ เลยนะคะ ว่าการเห็นผีมายืนอยู่ตรงหน้าและเงื้อมีดเตรียมจะจ้วงเราผ่านทางหน้าจอของวีอาร์เนี่ย มันเหมือนจริงเสียจนเราต้องผงะถอยหลังเพราะกลัวจะถูกทำร้ายจริงๆ

อันนี้ใครเป็นโรคหัวใจ หรือตกใจอะไรง่ายๆ อาจจะต้องระวังกันนิดหน่อยค่ะ

อีกเกมที่ได้เล่นแล้วประทับใจก็คือ Arkham VR นี่เป็นเกมที่จะทำให้เราได้ลองสวมบทบาทเป็นแบตแมนอย่างแท้จริง เพราะแค่ฉากแรกเราก็ยืนอยู่บนตึกสูง หากยกมือขึ้นมาจะเห็นว่าคอนโทรเลอร์ที่ถืออยู่ในสองมือของเราได้กลายเป็นมือของแบตแมนที่สวมถุงมือดำไปแล้วเรียบร้อย

ภารกิจของเราก็คือจะต้องตามหาโรบินและไนต์วิงที่หายไป

เกมนี้ทำให้ซู่ชิงขนลุกขนพองกับการต้องชันสูตรศพตรงหน้า การเห็นคนมาห้อยต่องแต่งอยู่ห่างไปแค่ปลายจมูก หรือการสะดุ้งสุดตัวที่จู่ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาจากน้ำและพุ่งตัวจะมาทำร้าย

แถมตอนจบก็ยังหักมุมเสียจนต้องร้องอุทานออกมา

มีครบรสเลยจริงๆ ค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=swjyD6Sy2t8

คําถามยอดฮิตที่มักจะมีคนถามก็คือ เล่นแล้วเวียนหัวหรือเปล่า

อันนี้ซู่ชิงคิดว่าขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยค่ะ ซู่ชิงสามารถเล่นวีอาร์ได้นานติดต่อกันพอสมควรโดยที่ไม่รู้สึกเวียนหัว ในขณะที่บางคนเล่นแค่ห้าถึงสิบนาทีก็ไม่ไหว บางคนอาจจะแย่ถึงขั้นรู้สึกพะอืดพะอมและต้องวิ่งไปอาเจียน

ดังนั้น ก่อนจะเสียเงินซื้อมาก็ควรจะได้ลองเล่นดูสักหน่อยว่าเราคุ้นเคยกับมันแค่ไหน

ไม่เช่นนั้นก็อาจจะใช้ได้ไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปค่ะ

สำหรับซู่ชิง ช่วงเวลาที่มึนที่สุดของการเล่นวีอาร์ก็คือหลังถอดค่ะ ตอนใส่ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอถอดปุ๊บ จะรู้สึกมึนงงสับสนระหว่างโลกเสมือนกับโลกความเป็นจริง สิ่งของอะไรทุกอย่างที่จับถือขึ้นมาก็จะดูเลื่อนลอยห่างไกล เหมือนเรากำลังจับวัตถุที่อยู่ในเกมมากกว่าจะเป็นของจริง แล้วในหัวก็ยังไม่สามารถประมวลผลได้เท่าไหร่ว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้ามันเป็นโลกไหนกันแน่

แต่เวลาผ่านไปสักห้านาที สิบนาที ก็จะเริ่มดีขึ้น และกลับมามองโลกตามที่เป็นได้อีกครั้ง

 

โดยสรุปแล้วซู่ชิงคิดว่าการใช้วีอาร์ในการเล่นเกมเป็นประสบการณ์ใหม่ที่คุ้มค่าแก่การลองมาก เราเคยรับรู้ทุกอย่างผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์

แต่การรับรู้คอนเทนต์เดิมบนอุปกรณ์ใหม่แบบนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มันคือการเปิดประสาทสัมผัสแบบใหม่ที่เราไม่เคยได้ใช้งานมาก่อน ซึ่งต่อไปในอนาคตจะน่าสนใจกว่านี้อีกเมื่อเทคโนโลยีนี้แผ่ขยายออกไปนอกวงการเกม เข้าสู่วงการการท่องเที่ยว การศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย การเรียนรู้ของมนุษย์จะถูกเปิดกว้าง ข้อจำกัดเก่าๆ จะถูกผลักออกไปจนทุกอย่างกลายเป็นความเป็นไปได้ทั้งหมด เส้นแบ่งระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนจะค่อยๆ พร่าเลือน

และเมื่อนั้นเราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากเป็น และไปที่ไหนก็ได้ที่เราอยากไป