บทวิเคราะห์ / ผบ.ทบ.สไตล์ ‘บิ๊กแดง’ สมาร์ต เป๊ะ ทุกกระเบียดนิ้ว จับตาจาก ‘อภิรัชต์’ ถึง ‘ณรงค์พันธุ์’ ‘แม่ทัพบี้อดทน’ บนเส้นทางเหล็ก และทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด

รายงานพิเศษ

 

ผบ.ทบ.สไตล์ ‘บิ๊กแดง’

สมาร์ต เป๊ะ ทุกกระเบียดนิ้ว

จับตาจาก ‘อภิรัชต์’ ถึง ‘ณรงค์พันธุ์’

‘แม่ทัพบี้อดทน’ บนเส้นทางเหล็ก

และทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด

 

ยิ่งใกล้การเลือกตั้งเข้ามามากขึ้นเท่าไหร่ กองทัพก็ยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะที่เป็นกองทัพของรัฐบาล คสช. ที่กำลังจะกลายสภาพจากกรรมการ มาเป็นผู้เล่นเสียเอง

เหตุเพราะบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เตรียมก้าวสู่สนามการเมืองแน่นอน

ขณะที่รัฐบาล คสช. ก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง

โดยที่กองทัพ โดย ผบ.เหล่าทัพ ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. ก็ยังคงเป็นสมาชิก คสช. จึงย่อมไม่มีใครหวัง “ความเป็นกลาง” จากกองทัพ

โดยเฉพาะบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ที่ถือว่าเป็น ผบ.เหล่าทัพที่มีความโดดเด่นที่สุด ทั้งโดยสถานภาพที่คุมเหล่าทัพที่ใหญ่ที่สุด และทั้งโดยคอนเน็กชั่น

โดยเฉพาะกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ พล.อ.อภิรัชต์เรียกติดปากว่า “พี่ตู่” มายาวนาน ที่เป็นทั้งรุ่นพี่เตรียมทหาร 12 และ จปร.23 กับน้องเตรียมทหาร 20 และ จปร.31

เรียกได้ว่าเป็นนายทหารน้องรัก ที่เป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์มายาวนาน ตั้งแต่เป็น ผบ.ร.11 รอ.

และเป็นที่รู้กันดีว่า เป็นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ไว้วางใจในการให้ทำภารกิจลับที่เกี่ยวโยงกับทางการเมืองมาตลอด

จึงส่งผลให้ พล.อ.อภิรัชต์เป็นนายทหารที่จะทำงานแบบลึกลับ ไร้ร่องรอย จะไปไหน อยู่ไหน ทำอะไร จะไม่ค่อยมีใครรู้

 

ยิ่งเมื่อมาเป็น ผบ.ทบ.ด้วยแล้ว แม้จะนั่งทำงานอยู่บนชั้น 6 ของ บก.ทบ. ถนนราชดำเนิน แต่ปุบปับ พล.อ.อภิรัชต์ก็เดินเงียบๆ กับนายทหารคนสนิท ลงไปขึ้นรถ ออกไปนอก บก.ทบ. แบบที่ไม่มีใครรู้เห็น ยกเว้นสารวัตรทหารบกหน้าประตู ที่จำทะเบียนรถได้

โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ฉลามบกนำแค่คันเดียว ไม่มีทีม รปภ.ใดๆ เพื่อให้คล่องตัวที่สุด และไม่เป็นภาระในเรื่องการจราจรของพี่น้องประชาชน

โดยปกติจะใช้ทีม รปภ.จากกองร้อยลาดตระเวนระยะไกล (ร้อย ลว.ไกล) พล.1 รอ. ในฐานะที่เติบโตมาจาก พล.1 รอ. และเคยเป็น ผบ.พล.1 รอ.

พล.อ.อภิรัชต์เป็นคนที่ไม่ชอบใช้รถตำแหน่ง แต่ชอบใช้รถส่วนตัว เพราะมีสไตล์เป็นของตัวเอง โดยเลือกที่จะไม่ใช้รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ รถตำแหน่ง ผบ.ทบ. แต่ใช้รถ Range Rover และเบนซ์แวนส่วนตัว ซึ่งเป็นสไตล์ที่ พล.อ.อภิรัชต์ใช้มานาน

พล.อ.อภิรัชต์จะใช้ “วิทยุสื่อสาร” เป็นอุปกรณ์ติดต่อในสำนักงาน ผบ.ทบ. และทีมงาน ที่รวดเร็วและสะดวก ชัดเจนกว่าโทรศัพท์มือถือ

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ที่สำคัญ ในวันหยุด พล.อ.อภิรัชต์จะขับรถเอง ไปไหนมาไหนเอง โดยไม่ต้องมีรถนำหรือทีม รปภ.

“ผมอยากไปไหนก็ยังไปได้ จะไปเดินห้าง ซื้อของ ทานข้าว หรือนั่งทานก๋วยเตี๋ยวร้านอร่อยๆ ริมถนนก็ยังทำได้ ชีวิตผมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” พล.อ.อภิรัชต์เผย

เพราะในช่วงวันหยุด พล.อ.อภิรัชต์จะให้เวลากับครอบครัว ทั้ง ดร.อ้อ-กฤษติกา คงสมพงษ์ ภริยา และ “ผู้กองพลุ” ร.อ.พิรพงศ์ คงสมพงษ์ และ “หมอเพลิน” ร.ท.หญิง อมรัชต์ คงสมพงษ์ ลูกชาย-ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ที่บิ๊กแดงรักมาก และให้ความสำคัญในวันสำคัญของทุกคนในครอบครัว

เวลาไปทานข้าวนอกบ้าน พล.อ.อภิรัชต์จะแต่งตัวสบายๆ นุ่งยีนส์ ใส่เสื้อยืด และสวมหมวกแก๊ป

เรียกได้ว่า ไม่มีใครจดจำ พล.อ.อภิรัชต์ได้ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะแต่งตัวสไตล์นี้ แต่หากจำได้ ก็เพราะคนจะเห็น “ดร.อ้อ” ภริยาก่อน แล้วจะเห็นว่าเป็น พล.อ.อภิรัชต์

ดร.อ้อ-กฤษติกา คงสมพงษ์

แน่นอนว่า ด้วยบทบาททางการเมือง และจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอดหลายปี ตั้งแต่เป็น ผบ.ร.11 รอ. อาจทำให้คนเสื้อแดงไม่แฮปปี้ด้วย เพราะจดจำแต่ภาพเมื่อปี 2552 และ 2553

แต่สำหรับบรรดาแนวร่วม คสช. และคนชอบทหารแล้ว เรียกได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อย เพราะมีคนที่ติดตามและรู้จักมาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

หลายคนชื่นชอบบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ นายพลเสื้อคับ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ผู้บิดา เจ้าของวาทะ “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” จนทำให้ทุกคนรู้จัก พล.อ.อภิรัชต์ในนาม “ลูกชายบิ๊กจ๊อด”

ทั้งๆ ที่ พล.อ.อภิรัชต์ไม่ใช่ลูกชายคนเดียวของ พล.อ.สุนทร ที่มีกับคุณหญิงอรชร คงสมพงษ์ แต่ยังมี “เสธ.นก” พล.ต.ณัฐพร คงสมพงษ์ น้องชายบิ๊กแดง ที่เพิ่งลาออกก่อนเกษียณ

แต่พบว่า ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.อภิรัชต์มักจะได้รับความสนใจ และมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

โดยเฉพาะการเป็นนายทหารที่มากับความสง่างาม มีระเบียบวินัย แบบที่เรียกว่า “เป๊ะ” อย่างมาก

“ขอบคุณแฟนคลับ แต่ผมอยากให้ทุกคนเป็นแฟนคลับของประเทศไทยมากกว่า อยากให้ทุกคนรักแผ่นดินไทย แผ่นดินเกิด และทดแทนบุญคุณแผ่นดิน เกิดประเทศไทย อย่าด่าประเทศตัวเอง” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

 

ในเรื่องงานนั้น พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า เน้นที่การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะผมดูจากสมัยคุณพ่อเป็นตัวอย่าง และประสบการณ์ที่เราเป็น ผบ.หน่วยมาเองด้วย

เมื่อขึ้นมาแล้ว ก็คิดใหม่ทำใหม่ เปิดค่ายทหารต้อนรับพ่อแม่ของทหารใหม่ ให้มาเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของลูกหลานตั้งแต่วันแรกเลย ได้มารู้จัก ผบ.หน่วย ผู้บังคับบัญชา เพื่อลดความกังวลใจของพ่อแม่

และแสดงความจริงจังเด็ดขาด ด้วยการคาดโทษ ผบ.หน่วยทุกระดับชั้น ที่ปล่อยให้มีการทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต รวมทั้งประกาศปลดออกสถานเดียว ทหารที่เกี่ยวข้องยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล และค้าอาวุธสงคราม และผู้มีอิทธิพล

“ที่สำคัญเราต้องอย่าลืมว่า การที่เรามีแผ่นดินไทยอยู่ได้จนทุกวันนี้ ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงนำทัพทำการสู้รบมา” บิ๊กแดงกล่าว

“ที่สำคัญที่สุดคือ ทหารทุกคนต้องระลึกเสมอว่า พระองค์ทรงเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และทหารทุกคนก็เป็นทหารของพระองค์ท่าน” พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) และ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ ทม.รอ.904 ระบุ

 

อาจกล่าวได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์มาเป็น ผบ.ทบ. ในสถานการณ์พิเศษ ที่มีความเหมาะสมกับบุคลิกลักษณะ

ขณะที่หลังจากที่บิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เช่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ และถือเป็นนายทหารในกองทัพบก คนที่ 2

จึงทำให้ถูกจับตามองว่า พล.ท.ณรงค์พันธุ์มีโอกาสสูงมากที่จะได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป หลัง พล.อ.อภิรัชต์เกษียณกันยายน 2563 ตามที่ได้มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้

เพราะเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 นั้นถือเป็นเส้นทางเหล็กสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ.อยู่แล้ว โดยจะขยับขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ. ในโยกย้ายปลายปีหน้า เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป

พล.ท.ณรงค์พันธุ์เป็นเตรียมทหารรุ่น 22 และมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 เติบโตมาจาก ร.31 รอ. หน่วยกำลังรบของ พล.1 รอ. จนได้เป็น ผบ.พล.1 รอ. และเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และเป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่จะขยับขึ้นมารับไม้ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ รุ่นพี่ ตท.20 ได้อย่างลงตัว

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.ท.ณรงค์พันธุ์ ทำงานเข้าขาและใกล้ชิดสนิทสนมกันมาตั้งแต่อยู่ชายแดนใต้ด้วยกัน และในระยะหลังมาทำงานในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) 904 ด้วยกัน ส่งผลให้กองทัพบกมีความชัดเจนขึ้นในเรื่อง ผบ.ทบ.ในอนาคต

พล.ท.ณรงค์พันธุ์ หรือ “บี้อดทน” เป็นนายทหารที่ประกาศต่อหน้าแถว ในวันรับมอบตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า “จะปกป้องสถาบันไว้ด้วยชีวิต”

พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้

จากที่เคยมีการรอลุ้นกันว่า บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. เพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2564 จะได้ลุ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อหรือไม่ แม้จะไม่ได้เติบโตจากสายคอมแมนด์ เพราะเป็นฝ่ายอำนวยการ และเติบโตมาในสายยุทธการ แต่ก็เป็นฟันเฟืองอันสำคัญของ คสช.มาตลอด เพราะเป็นมือทำงาน ที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร เชื่อมือและเชื่อใจ

จึงทำให้คาดกันว่า พล.อ.ณัฐพลอาจจะได้ลุ้นข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ แทนบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ที่จะเกษียณกันยายน 2563

นั่นย่อมหมายถึง การตัดหน้าบิ๊กชู พล.อ.ชูชาติ บัวขาว เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 20 ที่เพิ่งถูกส่งจากรอง เสธ.ทบ. ไปเป็น รอง เสธ.ทหาร ที่ บก.กองทัพไทย เพื่อจ่อคิวขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อ เพราะมีอายุราชการถึงกันยายน 2564 และถือเป็นมือดีของสายยุทธการ ทบ. ที่ถูกส่งออกไปเติบโตที่ทัพไทย

เช่นเดียวกับที่ความหวังของทหารม้า และเตรียมทหาร 21 ก็ดับวูบลง เพราะบิ๊กแก้ว พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รอง เสธ.ทหาร ก็เกษียณราชการกันยายน 2566 พร้อมกับ พล.ท.ณรงค์พันธุ์

อีกทั้ง พล.ท.เฉลิมพล นั้นรู้ดีอยู่แล้วว่า อนาคตตนเองจะเป็นอย่างไร จึงไม่ได้คาดหวังใดๆ แต่ทำงานสนับสนุนทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.ท.ณรงค์พันธุ์อย่างเต็มที่มาตลอด

เส้นทางของนายทหารม้าอย่าง พล.ท.เฉลิมพล จึงอาจจะต้องแยกกันโต ในท้ายที่สุด อาจได้ขยับไปจบท้าย ที่ตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ในอนาคตก็เป็นได้ เพื่อให้นายทหารสายเป๊ะได้ไปอยู่ใน บก.กองทัพไทย

 

ในขณะที่ใน บก.กองทัพไทยก็มีนายทหารหลายคนกำลังเติบโตเพื่อที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด และเป็น ตท.21 หลายคนเช่นเดียวกันด้วย

ทั้งบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. ที่เข้าไลน์เตรียมขึ้นรอง ผบ.ทหารสูงสุด หรือบิ๊กกวาง พล.ท.สัณฑัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ รอง ผบ.นทพ. บิ๊กโจ้ พล.ท.ณฐตพล บุญงาม เจ้ากรมข่าวทหาร และบิ๊กโป๊ป พล.ท.ชัชชัย ภัทรนาวิก ผบ.ศตก.

แต่อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน และไม่อาจมีใครหยั่งรู้ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ และอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

โดยเฉพาะ พล.ท.เฉลิมพล ถือเป็นนายทหารที่ได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องฝีมือความสามารถ เพราะเป็นทหารม้านักรบที่เติบโตทั้งในสายยุทธการ ทบ. และเคยเป็น ผบ.พล.ม.2 รอ.

และเป็นนายทหารที่มีอัธยาศัยไมตรี เป็นที่รักใคร่ของทั้งพี่และน้อง รวมทั้งผองเพื่อนด้วย เพราะเป็นคนไม่เคยทิ้งเพื่อน

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.อภิรัชต์จะไว้วางใจมอบหมายงานสำคัญๆ โดยเฉพาะในสายการข่าวและยุทธการ

 

ที่สำคัญคือ ให้ดูแลสโมสรฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด ด้วยการแต่งตั้งให้เป็นรองประธานสโมสร ที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็นประธานโดยตำแหน่ง เนื่องจาก พล.ท.เฉลิมพลเป็นอดีตนักฟุตบอลโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อย จปร.

โดย เสธ.โต๊ะ พล.ต.ชาญณรงค์ ยี่โต๊ะ เพื่อน ตท.21 ที่เป็นนักฟุตบอล มาเป็นผู้จัดการทีม และมีการปรับกระบวนใหม่ ทั้งนักเตะและโค้ชคนใหม่จากอาร์เจนตินา

งานนี้ พล.อ.อภิรัชต์ตั้งเป้าว่า จะดันทีมสุภาพบุรุษวงจักร อาร์มี่ ยูไนเต็ด ให้ขึ้นมาเป็นระดับท็อปไฟว์ของตาราง จากเดิมที่เป็นอันดับ 8 โดยจะอัดฉีดเต็มที่ จากสปอนเซอร์ที่มีอยู่ราว 100 ล้าน

พล.อ.อภิรัชต์ให้ความสำคัญถึงขั้นจะไปเล่นฟุตบอลแมตช์เปิดตัวทีมผู้บริหารอาร์มี่ ยูไนเต็ดชุดใหม่ ในเร็วๆ นี้ เพื่อโชว์สเต็ป จากที่เคยเล่นกองกลาง และเป็นผู้รักษาประตู หรืออาจเรียกได้ว่า “เล่นได้ทุกตำแหน่ง”

ทั้งนี้ ในยุค Smart Man Smart Army ของบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี เป็น ผบ.ทบ. นั้น จะเล่นฟุตบอลที่สนามหญ้าหน้า บก.ทบ. ส่วน พล.อ.อภิรัชต์จะไปเล่นที่สนามกีฬา ทบ.

“การเป็นทหารจะต้องรักษาสุขภาพร่างกาย ทหารสมัยนี้จะลงพุงไม่ได้ และต้องยิงปืนแม่น ต้องเล่นกีฬา ทหารเป็นวิชาชีพเรา” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็นนายทหารที่มีความเป๊ะและสง่างาม แบบที่เรียกว่า หัวจรดเท้า หรือทุกกระเบียดนิ้ว แบบที่เรียกว่า เป็นนายทหารต้นแบบของทหารทั้งกองทัพบกด้วยตนเอง

   จนเป็นที่มาของ “Smart Soldiers Strong Army นักรบที่สง่างาม นำพากองทัพเข้มแข็ง” กลางสถานการณ์การเมือง ที่ทวีความร้อนระอุ…