โตเร็วผิดปกติ ?

เมื่อประมาณ 3 หรือ 4 เดือนก่อนหน้านี้ ผมได้รับเมล์จากผู้อ่านใช้ชื่อย่อ NJ

“ผมมีข้อสงสัยกรณีสื่อประโคมข่าวการทำงานต่างๆ ของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล อย่างมากจนผิดสังเกต (และน่ารำคาญ)

ผมสงสัยว่า โดยตำแหน่งหน้าที่และอำนาจตาม ป.วิ.อาญา นั้น การที่นายตำรวจรายนี้ขยันออกแถลงข่าวจับกุมสารพัดเรื่องไปนั้น ชัดเจนว่ามีหลายกรณีไม่ใช่อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงไม่น่าจะมีอำนาจจับกุม สอบสวนและทำสำนวนได้ โดยที่อีกด้านหนึ่งของเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความหย่อนยานและขาดระเบียบในการบริหารองค์กร ที่ปล่อยให้มีนายตำรวจคนหนึ่งทำตัวข้ามหน้าข้ามตาและก้าวล่วงเขตอำนาจสอบสวนตำรวจอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้เสมอ…”

ผมไม่ได้ตอบเมล์ข้างต้นตามที่เคยถือปฏิบัติ ด้วยเหตุผลบางประการ

ผมไม่รู้ถึงความจริงในบทบาทและรายละเอียดในการทำงานของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือที่บรรดาสื่อเรียกว่า บิ๊กโจ๊ก

ผมไม่ค่อยจะไว้ใจในข่าวจากสารพัดสื่อทั้งหลาย เพราะบางสื่อก็ชอบที่จะ “เต้าข่าว” บางสื่อก็ถนัดในเรื่อง “ข่าวเสี้ยม” และเกือบทุกสื่อรักที่จะใส่สีตีไข่

อนึ่ง เมล์ที่มีมาถึงผมครั้งนี้มีน้ำเสียง “บ่น” หรือวิพากษ์วิจารณ์ มากกว่าจะ “ถาม” หรือคาดคั้นจะเอาคำตอบ ผมจึงไม่ควรตอบให้กระเทือนใจกันโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล มีประวัติดีเด่นมาแต่เด็กด้วยความเป็นนักกีฬา เรียนดี มารยาทและความประพฤติเรียบร้อย เมื่อเข้าเรียนเตรียมทหาร (รุ่น 31) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รุ่น 47) ก็เป็นนักเทนนิสชนะเลิศกีฬาเหล่า และเป็นนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติ

เรื่องผลงานจากหน้าที่นายตำรวจมีมากมาย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น ผกก. (สภ.หาดใหญ่) คนแรกของรุ่น และหลังจากนั้นก็ได้ชื่อ “ดาวรุ่งพุ่งแรง” ของยุทธจักรสีกากี จนติดยศ พล.ต.ต. ในปี 2558 (คงจะคนแรกของรุ่นเช่นกัน) เมื่ออายุยังไม่เต็ม 45 ปี

ภาพที่ทำให้ถูกครหาก็คือเขาเป็นนายตำรวจที่ “โตเร็วเกินไปจนผิดปกติ” แม้ผมเองจะไม่เห็นด้วยกับระบบ “ที่แสดงให้เห็นถึงความหย่อนยานและขาดระเบียบในการบริหาร” และ “ข้ามหน้าข้ามตา ก้าวล่วงเขตอำนาจสอบสวนตำรวจอื่นๆ” (ตามเมล์) แต่ผมก็ไม่ควรตำหนิคนที่ลุยทำงานหนักและเป็นผลดีต่อประชาชนอย่าง “บิ๊กโจ๊ก”

คนที่ควรจะถูกตำหนิคือคนที่ใช้บิ๊กโจ๊กเป็นแล้วตอบแทนอย่าง “ผิดปกติเกินไป” ต่างหาก

อนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับในยุคที่ผมเริ่มรับราชการ เป็นว่าที่ ร.ต.ต.จนเกษียณอายุ ผมพบกับเหตุ “ข้ามหน้าข้ามตา” โดยไม่มีผลงานของนายตำรวจ (และข้าราชการกรมกองอื่น) มากมาย ซึ่งนับเป็นการบริหารราชการที่ความเลวระยำยิ่งกว่ายุคนี้หลายพันเท่า

อีกเหตุผลที่ทำให้ผมไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์บิ๊กโจ๊ก เพราะเขามาจากสถาบันเดียวกับผม (นรต.สามพราน) เป็นคนจังหวัดเดียวกับผม (สงขลา) พ่อของเขาเป็นตำรวจสงขลาก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ต.อรรถพล สูยะโพธิ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา มาด้วยกัน

ถ้าผมชื่นชมบทบาทของบิ๊กโจ๊ก ผมก็หนีไม้พ้นที่จะถูกหาว่าลำเอียง

ในวันเวลาที่ผมเริ่มเป็นว่าที่ ร.ต.ต.นั้นก็มีเรื่องราวเล่าขานกันอื้ออึงของการ “โตเร็วเกินไปจนผิดปกติ” มากมายในวงการตำรวจ

มีกระทั่งข่าวนายพลหนุ่ม “โตเร็วผิดปกติ” คนหนึ่งโตเร็วเพราะเมียสวย และบังเอิญมีเจ้านายที่ให้คุณให้โทษได้เป็นโรคจิตหรือวิปริต เล่ากันว่าพอเจ้านายมาที่บ้านก็เพียงแต่เลี่ยงหลบออกไปทางหลังบ้าน ปล่อยให้เมียคนสวยรอรับและปรนนิบัติตามที่เจ้านายต้องการ

แต่ประวัติชิ้นหนึ่งในกูเกิลเล่าว่า นายพลหนุ่มพาเมียไปส่งถึงบ้านเจ้านายแล้วจิบไวน์รอ

อย่างไรก็ตาม สื่อโดยทั่วไปไม่กล่าวถึงเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด เพราะสื่อยุคนั้นได้รับการ “เลี้ยงดูและดูแล” อย่างดีจากนายพลใจกว้าง

ในยุคไล่เลี่ยกัน ก็มีนายตำรวจโตเร็วอย่างผิดปกติอีกนายหนึ่ง ทั้งที่มีข้อครหาเป็นข่าวลืออื้อฉาวเรื่องใบสุทธิมัธยม 8 ปลอมกับปริญญาห้องแถว (ก.พ.ไม่รับรอง) จากอเมริกา รายนี้บังเอิญมีเจ้านายไม่เกรงใจใคร เอา 2 ขั้นที่ควรจะให้คนทำงานมาประเคนให้ จึงมีข่าวซุบซิบกันทั่วไปว่า เพื่อตอบแทนผลงานการเป็น “สปอนเซอร์” ส่งเสียลูกเจ้านายไปเรียนต่อต่างประเทศ

เจ้านายรายนี้ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากระดับ “รอง” ในการประชุมพิจารณาความดีความชอบประจำปีทุกปี แต่คนโตเร็วก็โตเร็วไม่หยุดยั้ง ทั้งที่ไม่มีผลงานให้องค์กรเลย

ทั้ง 2 เรื่องที่ผมเล่าข้างต้น เป็นคนละกรณีกับบิ๊กโจ๊กอย่างเป็นตรงกันข้ามในเรื่องผลงานและความยอมรับจากเพื่อนในองค์กร

จากเมล์ที่ผมอ้างแต่เริ่มต้น จะเห็นได้ว่า นอกจากจะวิพากษ์วิจารณ์การ “ข้ามหน้าข้ามตา” แล้ว บางประโยคยังเป็นห่วงถึง “อำนาจการสอบสวน” ตามกฎหมายด้วย สตช.ก็คงตระหนักดีว่าตรงจุดนี้จะเป็นจุดอ่อนหรือช่องโหว่ให้ทนายจำเลยใช้ต่อสู้ในชั้นพิจารณาของอัยการและศาลได้

ดังนั้น จึงมีคำสั่ง ผบ.ตร. แต่งตั้ง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็น “รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ” ซึ่งจะทำให้บิ๊กโจ๊กสามารถ “ลุย” จับกุมและสอบสวนได้ 13 ด้าน… เริ่มต้นด้วย 1.การกู้ยืมเงินโดยไม่เป็นธรรม 2.ชาวต่างชาติผิดกฎหมาย … ฯลฯ ไปจนถึงข้อสุดท้าย 13.อื่นๆ (อาชญากรรมทั่วไป)

เป็นคำสั่งที่ “เอาเปรียบ” ฝ่ายตรงข้าม แนวเดียวกับกฎหมายที่ออกมาโดย คสช.นั่นแหละ

ไม่ต้องเป็นห่วงบิ๊กโจ๊กหรอกครับ เว้นแต่ว่าต่อไปจะมี “รัฐบาลชุดใหม่” มาแทนรัฐบาล คสช. แล้วรัฐบาลชุดใหม่ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาที่รัฐบาล คสช.ทำไว้ ต้องใช้วิธีเดิมที่ทำมาทุกรัฐบาลที่ผ่านมา

แขวน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นที่ปรึกษาที่ไหนสักแห่ง…เป็นที่น่าเสียดาย