รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว / ศ. ดุสิต”/กาลีย่ำภพ (ต่อ)

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว / ศ. ดุสิต”

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

กาลีย่ำภพ (ต่อ)

เรือนกาลกิณี

ในทางวิชาโหราศาสตร์ หมายถึงราศีที่ดาวเกษตรของราศีนั้นตกเป็นกาลกิณีตามทักษานั่นเอง ดาวใดเป็นกาลกิณีราศีที่ตนเป็นเกษตรก็เป็นกาลกิณีด้วย
แต่พิษของกาลกิณีจะครอบคลุมอยู่แต่เฉพาะในราศีนั้นเท่านั้น ไม่อาจกระจายไปที่อื่นได้
ดาวใดโคจรเข้าไปสถิตในราศีนั้นก็จะแปดเปื้อนกาลกิณีไปด้วย คือต้องพิษกาลกิณีนั่นเอง
คุณภาพของดาวก็จะเสียหายไปตามอิทธิพลของกาลกิณีนั้น
ดาวกาลกิณี (กาลี)
คือดาวที่ตกเป็นกาลกิณีทางทักษา ถ้าเป็นดาวในดวงเดิมโดยนับจากวันเกิดเจ้าชาตา ก็เรียกกาลกิณีเดิมที่จะสถิตอยู่ในราศีใดราศีหนึ่ง และจะออกฤทธิ์อยู่ที่ราศีนั้นแห่งเดียวเช่นกันกับเรือนกาลกิณี ราศีที่ดาวกาลีสถิตอยู่เป็นภพอะไร ความหมายของภพนั้นก็ต้องกาลกิณี
แต่เมื่อวางลัคนาจรสามัญทำให้มีการเปลี่ยนภพเกิดขึ้น ราศีที่เป็นภพของดาวกาลีนั้นก็จะเปลี่ยนไปด้วย
และดาวกาลีก็จะส่งพิษไปเคลือบกับความหมายของภพใหม่นั้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนภพ
กาลกิณีจร
หมายถึงกาลกิณีที่เกิดขึ้นจากการคำนวณอายุใหม่ตามอายุย่าง ซึ่งจะได้ทักษารอบใหม่และกาลกิณีตัวใหม่ไปตามกฎของทักษา ดาวที่ตกภูมิกาลกิณีจรนี้จึงถือเป็นกาลีจรด้วย
ในกรณีนี้ก็มีกาลกิณีสองแบบเช่นกัน คือแบบกาลกิณีประจำดวงจรนั้นๆ มีสถานะคงที่อยู่ในผังดวง
และมีอีกดวงหนึ่งที่เป็นดาวจร คือดาวที่โคจรอยู่ในท้องฟ้าขณะนั้น ซึ่งดาวนี้จะสามารถโคจรเคลื่อนที่ไปตามจักรราศีได้ ดังนั้น จึงเสมือนกับดาวนั้นนำ ‘กาลี’ ย่ำไปตามภพต่างๆ ได้เช่นกัน ผ่านภพพใดก็สามารถหว่านกาลีลงไปในภพนั้น ทำให้ภพนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในลักษณะต่างๆ ตามทิศทางของแต่ละภพนั้นเอง
ตรงนี้แหละครับที่เป็นชื่อของหัวข้อที่เรากำลังศึกษากันอยู่นี้

กาลีย่ำภพ

ผมจะย่ำไปทีละภพโดยจะแจงให้เห็นในแบบสังเขปว่า ถ้าดาวกาลีเข้าสถิตในภพนี้แล้วจะส่งโทษให้ดวงชาตาอย่างไรบ้าง มีแง่คิดอะไรอยู่ในนั้นไหม
ย่ำไปที่ภพแรกคือภพตนุก่อน ภพตนุนี้มีความหมายถึงตัว (เจ้าชาตา) เอง, ของส่วนตัว โทษที่จะได้รับจึงมักตกที่ตัวเจ้าชาตาเสียมากกว่า
และเพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของดาวที่เข้ามาผูกพันกับโทษของกาลีว่ามีโดยลักษณะใด ในภพนี้ผมจึงจะแจงให้ดูครบทั้ง ๘ ดาวเลยทีเดียว
แต่ทำแค่ภพเดียวให้เป็นตัวอย่างเท่านั้นนะครับ เพราะทำทุกภพไม่ไหว เหนื่อยเกินไปสำหรับคนแก่อย่างผมครับ
แต่มีตัวอย่างภพเดียวนี่ก็น่าจะเข้าใจกันได้แล้วละว่าจะปรับความหมายที่ได้นั้นไปทางใด เพราะเรารู้คุณสมบัติของดาวกันดีแล้วนี่ใช่ไหมครับ?
เอาละครับ เริ่มภพแรกกันได้แล้ว ดูให้ดีครับ

กาลีย่ำภพ
ภพตนุ

ถ้าดาว ๑ เป็นกาลี
อาจส่งโทษแก่เจ้าชาตาได้ดังนี้…
– เสื่อมเสียเกียรติ, ถูกใส่ร้ายป้ายสี, ถูกกลั่นแกล้ง, มีภัยจากความร้อน/ที่สูง, ไม่ได้รับการเลื่อนขั้นตามที่ต้องการ, ระวังสุขภาพตาขวา, จะแพ้ความ
ถ้าดาว ๒ เป็นกาลี…
– ถูกตำหนิทั้งที่ทำดี (โดยส่วนตัว), ต้องพิษภัยจากอาหาร, ทำสิ่งผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ, ของส่วนตัวหาย, สุขภาพตาซ้ายจะไม่ดี, จิตใจไม่ค่อยปกติ
ถ้าดาว ๓ เป็นกาลี…
– อุบัติเหตุ, ถูกของมีคม, ได้รับบาดเจ็บ, มีเลือดออก, สร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว, เดือดร้อนจากบุคคลในเครื่องแบบ, กล้าในสิ่งผิด, ถูกคุกคาม
ถ้าดาว ๔ เป็นกาลี…
– มีปากเสียงกับผู้อื่น, ทะเลาะกับเพื่อนโดยขาดเหตุผล, นัดใครไม่เป็นนัด,ทำเอกสารสัญญาผิดพลาด, การเจรจามีปัญหา, การคมนาคมขัดข้อง, ได้รับข่าวร้าย, เบื่อสังคม ฯลฯ
ถ้าดาว ๕ เป็นกาลี…
– ถูกผู้ใหญ่ตำหนิ, เบื่อหน่ายงาน, เซ็งชีวิต, ใช้หลักวิชาผิดพลาด, ถูก (ผี) หลอก, ความคืบหน้าถดถอย,ไม่อยากเข้าหาผู้ใหญ่,ได้รับอยุติธรรม, ต้องคดีความ, แพ้ความ, ทำดีไม่ได้ดี ฯลฯ
ถ้าดาว ๖ เป็นกาลี…
– หดหู่ในความรัก, ถูกค่อนในด้านความสวยงาม, ป่วยในขณะท่องเที่ยว, มีปัญหาการเงิน, ซึมเศร้า…
ถ้าดาว ๗ เป็นกาลี…
– โกรธเกลียดง่าย (ความอดทนต่ำลง), ไวต่ออารมณ์เศร้า, รู้สึกเหมือนชีวิตถูกบีบคั้น, เก็บตัวมากขึ้น (เบื่อสังคม), เข้าข้างตัวเองอย่างไม่เคยเป็น…
ถ้าราหู ๘ เป็นกาลี…(จรในภพตนุ)
– ติดอบายมุขง่าย, ชวนเพื่อนเฮฮามากเป็นพิเศษ, ใช้จ่ายมากขึ้น, อยากเที่ยวอยากสนุก, มีลาภแบบคาดไม่ถึง, มีทุกข์แบบไม่คาดคิด, ได้คู่…

ครบทั้ง ๘ ดาวแล้ว นี่เป็นเพียงสังเขปเท่านั้นนะครับ เพราะบรรยายละเอียดไม่ไหว ต้องคิดเอาปัจจัยของดาวของภพรวมถึงหน้าที่ของดาวกาลีแต่ละดวงด้วยว่า เขามีหน้าที่ในดวงนั้นๆ (จะแจงอีกทีตอนท้ายบท) นำเอาปัจจัยนั้นมาประยุกต์กันกับพิษของกาลีก็จะได้คำตอบที่ละเอียดขึ้น
แต่ผมขอสะกิดไว้ตรงนี้อีกทีว่า พิษสงของกาลกิณีที่บรรยายตามดาวให้ดูนั้นไม่ได้หมายความว่า เมื่อดาวเดินเข้าภพตนุนี่แล้วจะเกิดพิษเหล่านั้นทั้งหมดนะครับ
ผมแจงให้รู้เพียงว่านี่คือตัวอย่างพิษของกาลีเท่านั้น การเกิดขึ้นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของดวงแต่ละดวงที่ไม่เหมือนกัน อาจเกิดขึ้นเป็นบางอย่าง หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างแน่นอนก็คือ เราได้รู้ว่าเมื่อมีดาวกาลีโคจรเข้ามาในภพต่างๆ นั้น โอกาสที่ดวงดวงนั้นจะได้รับผลจากกาลีคืออะไรบ้าง ทำให้เรามีโอกาสที่จะป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นตามพิษนั้น
และอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ อย่าคิดว่าถ้ามีดาวกาลีเข้าภพแล้วจะต้อง เสีย อย่างแน่ๆ
ผมย้ำมาหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ มันเป็นเพียง ‘โอกาส’ ที่กาลีจะออกฤทธิ์ได้เท่านั้น อย่าไปทาย เสีย ทั้งหมดเพราะเรานั่นแหละจะ เสียหน้า ซะเองได้
ต่อไปก็เป็นการย่ำภพต่ออีกสิบเอ็ดภพเรียงกันไปตามจักรราศีนั่นแหละครับ

ภพต่อไปคือภพกดุมพะ
ดาวกาลีจรเข้า…ภพกดุมพะ
ระวังความเสียหายจาก “สิ่งที่จะได้มา” ในช่วงนี้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเงินทองรายได้หรือทรัพย์สินอย่างอื่นทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม เพราะ “สิ่งที่ได้มา” ในขณะที่ดาวกาลีจรมากระทบนั้นจะมีพิษของกาลีติดมาด้วย กาลีในภพนี้จะส่งพิษในรูปของ “ของขวัญ”, “ของฝาก” และ/หรือ “สินน้ำใจ” มากที่สุด (สินบนก็เรียก)
ดาวกาลีจรเข้า…ภพสหัชชะ
ส่งอิทธิพลในด้านการเดินทาง, การติดต่อ เป็นส่วนใหญ่ พิษกาลีจะทำให้การเดินทางหรือติดต่อไม่ราบรื่น รองลงไปก็คือด้านสังคมและข่าวสาร ดาวกาลีเข้าภพนี้จะบั่นทอนความสมานฉันท์ระหว่างเพื่อนฝูง ข่าวด่วนที่เข้ามามักจะเป็นข่าวร้าย การเดินทางที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องระวังให้มากที่สุดในยามที่กาลีจรเข้าภพนี้ของคุณ
ดาวกาลีจรเข้า…ภพพันธุ
ภพนี้เป็นภพที่มีความเสี่ยงในดวงชาตาสูงจึงต้องระวังให้มากเมื่อมีดาวกาลีจรเข้ามา เพราะเป็นภพที่บอกถึงความมั่นคงของชีวิตชาตานั้นเอง สิ่งที่ต้องระวังก็คือความเสี่ยงต่างๆ นั่นแหละ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เป็นความอัปรีย์จัญไรของชีวิตด้วยไม่ควรทำเป็นอันขาด เช่น ลักของในวัด-ตัดเศียรพระพุทธรูป-ฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น (ไม่ต้องพูดถึงโกงชาติโกงแผ่นดิน) หรือแม้แต่การด่าบุพการีหรือผู้มีพระคุณก็ต้องพิษกาลีนี้แล้ว ความมั่นคงของชีวิตจะเสื่อมลงทันทีที่กระทำ
เนื้อที่หมดอีกแล้วครับ ติดตามกันต่อตอนหน้านะครับ