อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ระหว่างทาง

ถ้าห้องพักผู้ป่วยหนักหรือ I.C.U เป็นพื้นที่ที่ไม่มีใครอยากเดินผ่านหรือเฉียดกรายไปใกล้ ค่าที่มันเต็มไปด้วยผู้คนที่หน้าตาหม่นหมอง

ห้องพักของเด็กอ่อนหลังคลอดก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุด ใบหน้ายิ้มแย้มของผู้เป็นพ่อหรือแม่และญาติ เป็นใบหน้าที่ให้ความสุขแก่ผู้พบเห็น

พื้นที่ไม่กว้างนักของโรงพยาบาลมีทั้งส่วนที่ให้ความน่าสะพรึงกลัวและน่าสะเทือนใจ

และในขณะเดียวกันพื้นที่เดียวกันนี้ก็ให้ความรู้สึกอิ่มเอิบและปีติด้วย

ระยะทางเพียงไม่กี่ชั้นแบ่งแยกสิ่งเหล่านี้ออกจากกัน ระยะทางเพียงไม่กี่ชั้นแบ่งแยกโลกทั้งสองนี้ออกจากกัน

การเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาอันเนื่องจากอาการเจ็บป่วยของญาติผู้ใหญ่ ทำให้ผมเริ่มสังเกตเห็นจักรวาลขนาดย่อมของโรงพยาบาล

ในยามเช้าแผนกตรวจตรา ทั้งหู ตา คอ จมูก โรคทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาตามนัดของแพทย์

ช่วงเวลาเช้าเป็นช่วงเวลาที่พลุกพล่านที่สุดของโรงพยาบาล หลังแผนกฉุกเฉินที่ทำการมาตลอดคืนเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ

ผู้ป่วยที่ได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้หลังการเฝ้ารอดูอาการมาตลอดคืนจะสวนทางกับผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่งเดินทางมาถึง

แพทย์เวรเปลี่ยนเวร อาจารย์หมอเดินทางเข้าห้องตรวจ พยาบาลที่รับจ้างเฝ้าไข้เป็นรายได้พิเศษแวะซื้อกาแฟเพื่อไปทำงานต่อ

ส่วนคนที่หมดแรงแวะซื้ออาหารเช้าซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เวลาเปิดห่อขึ้นกินเมื่อไหร่

โรงพยาบาลในยามเช้าไม่ต่างจากสถานีรถไฟหรือสนามบิน สายการบินที่รับผู้โดยสารจนเพียบแปล้เริ่มเดินทางจากไป

ในขณะที่ผู้โดยสารใหม่กำลังเดินทางลงจากเครื่องเพื่อมาสู่เป้าหมาย

มีคำกล่าวเสมอว่าโรงพยาบาลใหญ่ๆ นั้นมีทางเดินไม่ต่างจากเขาวงกต

ซึ่งคำกล่าวนั้นแทบไม่ใช่เรื่องเกินเลย ทุกพื้นที่ของโรงพยาบาลเป็นพื้นที่ที่มีค่า

ที่ใดก็ตามที่พอจะสร้างอาคารเพื่อเยียวยาและรองรับผู้ป่วยได้ ที่นั้นก็จะมีอาคารดังกล่าว

และที่ใดก็ตามที่มีซอกมุมพอจะบรรจุร้านค้าเล็กๆ เพื่อให้การกินและอยู่ของบุคลากรและผู้ป่วยสะดวกขึ้น ที่นั้นก็จะมีร้านค้าดังกล่าว

สภาพดังกล่าวทำให้ภูมิทัศน์ของส่วนต่างๆ ในโรงพยาบาลคล้ายคลึงกันไปหมด

จนสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชิน การพลัดหลงนั้นย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นเลย

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีธุระรีบเร่ง การพลัดหลงในโรงพยาบาลทำให้เห็นสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

มันเป็นการเดินทางระหว่างทางที่น่าสนใจ

โรงอาหารภายในโรงพยาบาลไม่เคยมีเพียงที่เดียว โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ในตัว

คุณพลาดโรงอาหารของตึกแรก และหันมาพบโรงอาหารของคณะแพทยศาสตร์

คุณพลาดโรงอาหารของคณะแพทยศาสตร์ก่อนจะหันมาเจอกับโรงอาหารของคณะพยาบาล

แม้ยามดึกที่ทุกโรงอาหารเลิกประจำการตามหน้าที่ของมันแล้ว ขอเพียงคุณออกมาพ้นประตูทางเข้าได้ คุณจะพบร้านอาหารข้างทางเปิดรอบริการคุณอย่างพร้อมเพรียง

พ้นจากสถานที่แล้ว ผู้คนในโรงพยาบาลเป็นส่วนที่น่าสนใจอย่างยิ่งยวดเพราะโรงพยาบาลไม่ได้มีเพียงแพทย์และผู้ป่วย หากแต่มีผู้คนที่มีชีวิตอันหลากหลาย

ในโรงอาหารของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมพบว่าพนักงานขายอาหารในร้านอาหารที่นั่นแทบทุกร้าน นอกจากผู้เป็นเจ้าของแล้วล้วนเป็นแรงงานที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านประเทศหนึ่งแทบทั้งสิ้น

ดังนั้น เมื่อโรงอาหารได้เวลาปิดดำเนินการ จาน ชาม ถูกทำความสะอาด ขยะถูกขจัดทิ้ง โต๊ะทุกตัวถูกเช็ดถูจนหมดจด พวกเขาจะนั่งพักผ่อนจับกลุ่มสนทนาด้วยภาษาแม่

บ้างก็เปิดคลิปรายการโทรทัศน์ของประเทศตน

เสียงบทสนทนาระคนกับเสียงมหรสพที่ว่าดังแว่วแทรกกับเสียงถอนหายใจของเครื่องปรับอากาศ

ภายในพื้นที่เล็กๆ นี้ ชุมชนที่มีชีวิตในแบบของมันเริ่มต้นทำงาน

เป็นดังพื้นที่เอกเทศที่แยกออกจากจักรวาลขนาดใหญ่

มีชีวิตเนิบช้า ดำเนินไปจนดวงไฟบอกเวลาย่ำเย็นสว่างขึ้น พวกเขาก็จะแยกย้ายกันไปเพื่อที่จะได้มาพบกันใหม่ มารวมตัวกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น

ใครอีกเล่าที่น่าสนใจ นักเรียนแพทย์เหล่านั้นไหม

ถ้าจะมีการประกวดบุคคลที่นอนได้น้อยมากถึงน้อยที่สุด พวกนักเรียนเเพทย์เหล่านั้นน่าจะอยู่ในกลุ่มชนะเลิศ

พวกเขาจะกลับจากการเรียนในยามเย็น กินอาหารในโรงอาหารใต้หอพัก ขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว และกลับลงมาอ่านหนังสือที่ใต้หอพักอีกครั้งหนึ่ง

การอ่านหนังสือนั้นจะกินเวลาถึงเช้า ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและลงมากินอาหารเช้าที่โรงอาหารก่อนจะเข้าสู่ชั้นเรียน

หลายครั้งผมอดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขาอดทนเช่นนั้นได้อย่างไร

แต่คืนหนึ่งที่ผมต้องนั่งเฝ้าอาการของญาติ การได้เดินหลีกลงมานั่งเงียบที่ใต้หอพักนักศึกษาแพทย์ที่มีพร้อมทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็นจากตู้จำหน่ายดูจะเป็นทางออกที่ดี

ผมเอาแก้วกาแฟร้อนออกจากตู้ นั่งลงที่โต๊ะยาวตัวหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามเป็นหนุ่มนักศึกษาที่พลิกหนังสือเล่มหนาในมืออย่างตั้งใจ

ขนาดหนังสือในมือของเขามโหฬารกว่าหนังสือในมือของผมอย่างเทียบกันไม่ได้

ผมจิบกาแฟ อ่านหนังสือไปสองสามหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา เด็กหนุ่มคนนั้นดูจะดื่มด่ำกับตำราของเขาอย่างไม่แยแสผู้ใด

เขาพลิกหน้าแล้วหน้าเล่าของมัน สลับกับการจดบางอย่างลงในสมุดข้างกาย

หนึ่งชั่วโมงผ่าน ผมอ่านนวนิยายในมือได้ไม่เพียงกี่สิบหน้า แต่เด็กหนุ่มคนนั้นดูจะจัดการข้อมูลในตำราเล่มนั้นได้เกินกว่าครึ่ง

และอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ปิดหนังสือเล่มนั้นลง

ผมลุกไปกดกาแฟอีกแก้วจากตู้พร้อมกับคิดว่าเพื่อนร่วมการอ่านของผมในคืนนี้คงใกล้จะจากไปแล้ว

แต่ผิดคาด เขาลุกขึ้นออกกำลังกายด้วยการบิดตัวไปมา ก่อนจะเปิดกระเป๋าที่วางอยู่บนม้านั่ง หยิบตำราอีกเล่มออกจากกระเป๋าแล้วกระทำเช่นเดิม

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็เดินทางไปถึงครึ่งเล่มของตำรานั้น ในขณะที่ผมต้องลุกออกจากโต๊ะเพราะได้เวลาที่จะต้องกลับไปยังห้องพักของผู้ป่วย

ผมไปถึงห้องพัก กางที่นอนแบบชั่วคราวออกข้างเตียงผู้ป่วยและหลับลงในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

ผมสะดุ้งตื่น เมื่อมีเสียงของพยาบาลที่แจ้งว่าได้เวลาเช้าแล้ว และอีกไม่นานนักแพทย์เวรจะเริ่มออกตรวจผู้ป่วย ผมเก็บที่นอน ตรงไปทำความสะอาดหน้าตาและฟัน ก่อนจะตัดสินใจลงไปที่ใต้ถุนหอพักเพื่อพึ่งพากาแฟร้อนอีกแก้วจากตู้ขายกาแฟที่นั่น

ผมหยอดเหรียญลงในตู้ รอจนกาแฟเต็มแก้ว และเมื่อผมนำกาแฟออกจากตู้และนั่งลงที่โต๊ะตัวเดิม

ผมก็ได้เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง ในครานี้เขาอยู่ในชุดนักศึกษา มีเสื้อกาวน์วางอยู่บนโต๊ะ สายตาของเขากำลังจัดการกับหน้าหนังสือที่กำลังพลิกไปมาอย่างขะมักเขม้น เขาจิบกาแฟในถ้วยแบบเดียวกับผม แต่ท่าทีของเขาไม่ใช่การจิบกาแฟเพื่อความเพลิดเพลิน หากแต่คล้ายดังการเติมพลังงานบางอย่างเข้าไปในตัว

เขาจัดการหนังสือเล่มนั้นจนเสร็จก่อนที่เสียงเพลงชาติจะดังขึ้นไม่กี่นาที ก่อนจะรวบข้าวของส่วนตัวทั้งหมดแล้วเดินหายลับไปทางตึกเรียน

ผมพยายามคำนวณว่าเด็กหนุ่มคนนั้นอาจหลับลงในเวลาเดียวกับที่ผมกลับไปที่ห้องพักของผู้ป่วย

แต่ดูจากปริมาณหนังสือที่เขาหอบใส่กระเป๋าไป แสดงว่าเขาใช้เวลาจัดการกับมันตลอดคืนเป็นแน่

และถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็จัดการมันโดยไม่มีสภาพอิดโรยใดๆ ปรากฏให้เห็นเลย

มันเหมือนกับการเคี้ยวอาหารมื้อหนึ่ง เพียงแต่เป็นอาหารมื้อที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารชั้นดีเท่านั้นเอง

ขั้วตรงข้ามกับนักศึกษาแพทย์ที่ดูจะเป็นกลุ่มคนที่เอาจริงเอาจังกับชีวิตอย่างถึงที่สุดเห็นจะได้แก่เหล่าพลเปล หรือพนักงานเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มากด้วยรอยยิ้ม เต็มไปด้วยมุขตลก อาจเป็นเพราะหน้าที่ด้วยก็เป็นได้

ในระหว่างที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วย พลเปลแต่ละคนจะมีคำพูดที่ทำให้ผู้ป่วยขบขันหรือสบายใจ

สำหรับผู้ป่วยที่นั่งรถเข็น เขาจะบรรเทาอาการกังวลต่อรองเท้าของผู้ป่วยบางคนที่ถูกถอดทิ้งไว้ขณะจะเข้าห้องตรวจว่า

“เดี๋ยวผมเฝ้าให้ครับคุณป้า ไม่มีหายแน่ อาจมีคนหยิบผิด แต่ถ้าแบบนั้นคุณป้าก็ได้คู่ใหม่ ใส่กลับบ้านพร้อมกับหายป่วยเลย” หรือสำหรับผู้ป่วยที่นอนบนเตียงเคลื่อนที่ เขาอาจให้กำลังใจด้วยถ้อยคำที่ว่า “หลับไปก่อนเลยครับคุณตา ต้องไปเจาะเลือดแล้วไปอีกหลายตึก หลับไปเลยครับ เดินทางด้วยรถคันนี้ ถึงที่หมายสบายผิดกันแน่ๆ ครับ”

ผมเคยใช้เวลากับพวกพลเปลในคืนหนึ่งที่โรงพยาบาลหนึ่ง พวกเขาจะยึดทางเข้าอาคารผู้ป่วยนอกเป็นที่ประจำการ

ในเวลากลางวันจะมีวิทยุส่วนตัวคอยเรียกขานพวกเขา แต่ในเวลากลางคืนทุกคนจะรวมตัวกันอยู่หน้าทางเข้า โทรทัศน์เครื่องเล็กจะถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาสนใจ

บางคนอาจผลัดกันเล่าเรื่องขบขันจำนวนมากที่ต่างคนต่างประสบ ในคืนนั้นเรื่องราวแปลกๆ ที่พบเจอ คนหนึ่งเล่าถึงประสบการณ์การทำงานเป็นพลเปลที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดที่ครั้งหนึ่งเขาต้องเข็นผู้ป่วยขึ้นเนินทางเข้าโรงพยาบาลแล้วพบว่าล้อเปลหลุดไปหนึ่งล้อ

และปรากฏว่าผู้ป่วยเพศชายลงจากรถมาช่วยเข็นให้ผ่านอาการทุลักทุเลนั้นไปได้

เสียงหัวเราะจำนวนมากดังขึ้นหลังเรื่องเล่านั้นจบลง

พลเปลอีกคนเล่าถึงเรื่องราวที่เก็บสะสมเงินทิปจำนวนมากจากผู้ป่วยใส่ไว้ในกล่องยาที่บ้านแล้วเอาแผงยาจำนวนมากคลุมไว้ ก่อนจะกลับบ้านมาพบในวันหนึ่งว่าภรรยาเอากล่องยานั้นรวมใส่ถังสังฆทานถวายพระไปเสียแล้วเมื่อบ่าย ผมยิ้มหัวไปกับพวกเขา กับเรื่องเล่าจำนวนมากเหล่านั้น จนเสียงไซเรนดังขึ้น รถพยาบาลเข้าจอดและแล้วทุกคนก็เข้าสู่การปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง

โลกของโรงพยาบาล จักรวาลของโรงพยาบาล เป็นเสมือนฉากจำลองชีวิตที่น่าทึ่ง ห้องดับจิตที่อยู่อีกฟากของโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ทุกคนไม่อยากเดินผ่านในยามค่ำ ในขณะที่เสียงร้องของทารกน้อยจากห้องคลอดกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากพากันไปแออัดหน้ากระจก

การเดินทางอยู่ในโรงพยาบาลเป็นแบบจำลองจากการเกิดถึงการตายอันน่าทึ่ง

ในยี่สิบสี่ชั่วโมงของโลกข้างนอกโรงพยาบาลนั้นอาจจะแสนสั้น

แต่ที่นี่ ที่ในโรงพยาบาล เวลาแต่ละนาทีดำเนินไปอย่างเนิบช้า และหลายครั้งมันทำให้เราได้เห็นบทเรียนจำนวนมากที่เราไม่อาจเห็นได้จากที่อื่นเลย