ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศอินโดจีน |
เผยแพร่ |
แม้ในโลกยามนี้ที่ผู้หญิงทำได้สารพัดอย่าง กรณีของปิ่นอนงค์ เลอสะสิน แม่หญิงลาวก็ยังถือเป็นเรื่องนอกกรอบอย่างยิ่ง
ในปี 2016 ปิ่นอนงค์ในวัย 20 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบินสายการบินพาณิชย์สตรีคนแรกของประเทศ ทำงานอยู่กับลาว สกายเวย์ สายการบินภายในของลาว
เด็กหญิงจากหมู่บ้านหนองปิง เขตจันทะบุลี แขวงนครเวียงจันทน์ ที่ฝันอยากทำงานกับเครื่องบินตั้งแต่เด็ก ประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่ง
ปิ่นอนงค์เริ่มต้นไล่ตามความฝันในวัยเด็กของตนเองตั้งแต่อายุ 19 แรกสุดคิดแต่เพียงว่าให้ได้ทำงานอยู่ภายในสนามบิน ในท่าอากาศยาน เป็นพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินหรืออะไรๆ ทำนองนั้น
คนที่เปลี่ยนใจเธอคือครูฝึกเทคโนโลยีการบินจากองค์การหุ้นส่วนเพื่อเทคโนโลยีการสื่อสารและการบิน (พีเอซีที) องค์กรไม่แสวงกำไรเพื่อส่งเสริมสนับสนุนความชำนิชำนาญในการบินให้กับประเทศด้อยพัฒนา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเข้ามาร่วมก่อตั้งและฝึกอบรมนักบินในโรงเรียนการบินพลเรือนของลาว
ประโยคที่เธอจดจำได้แม่นยำก็คือ คำที่ครูฝึกพยายามอธิบายว่า “คุณจะเป็นนักบินก็ได้ ถ้าอยากเป็น แค่ต้องเรียนรู้เท่านั้น”
แต่การกระทำไม่ได้ง่ายเหมือนคำพูด ปิ่นอนงค์ยอมรับว่าเธอเผชิญเรื่องท้าทายมากมายระหว่างการเข้าคอร์สรับการฝึกเป็นนักบิน
โดยเฉพาะเรื่องที่ยากเย็นที่สุดคือการทำความเข้าใจกับศัพท์เทคนิคทางการบินและเครื่องยนต์
กระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่การเป็น 1 ใน 120 ผู้สมัคร ที่ทางโรงเรียนต้องคัดให้เหลือเพียง 20 คนให้ได้ ด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสมทั้งในเรื่องคุณวุฒิการศึกษา, การตรวจและการทดสอบสมรรถนะร่างกาย เรื่อยไปจนถึงความสามารถทางภาษา
หลังผ่านการคัดเลือกขั้นต้น ผู้เข้ารับการฝึกต้องผ่านกระบวนการทดสอบเป็นระยะ ทั้งเรื่องการคำนวณ ความสามารถในการบอกพิกัดตำแหน่ง ความจำ ความเข้าใจเรื่องทางเทคนิค สมาธิ และศัพท์เทคนิคทั้งหลาย
ปิ่นอนงค์ผ่านการทดสอบทั้งหมดกลายเป็นนักเรียนการบินที่ทำคะแนนสูงสุด 6 คนแรกใน 20 คนสุดท้าย
ต้องเรียนรู้เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องบินทั้งหมด ทั้งตัวเครื่อง เครื่องยนต์ ระบบ ต้องจำและเข้าใจทฤษฎีการบิน อุปกรณ์ที่ใช้ในการบิน การปฏิบัติการการบิน ปัจจัยมนุษย์ในการบิน ตลอดจนเรื่องการตัดสินใจของนักบิน
ต้องผ่านการทดสอบ ทั้งกับครูฝึก ฝึกการบินคู่ บินเดี่ยว การบินเดี่ยวเมื่อต้นปี 2016 คือบททดสอบสุดท้ายของเธอ ด้วยการขึ้นบินเครื่องเซสนา 172 เครื่องบิน 4 ที่นั่งเพียงลำพังเหนือท่าอากาศยานวัดไต
แล้วสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบินหญิงคนแรกของประเทศได้สำเร็จ
เธอบอกว่าที่ไม่ยอมแพ้เป็นเพราะความเข้มแข็งที่ได้รับจากครอบครัวและเพื่อนพ้อง ที่เปลี่ยนใจมาสนับสนุน ทั้งๆ ที่ตอนแรกบอกกับเธอตรงไปตรงมาว่า เป็นผู้หญิงทำไม่ได้หรอก
“แรกสุดคือพ่อกับแม่ ที่บอกว่าทำไม่ได้หรอก จนต้องกล่อมกันทุกคืน ถัดมาก็เป็นเพื่อนๆ ด้วยเหตุที่ว่าฉันเป็นแม่หญิง แถมยังตัวเล็ก ผอมๆ พวกเลยไม่เชื่อว่าจะบินเครื่องบินได้”
คำอธิบายของปิ่นอนงค์ต่อเพื่อนๆ ก็คือ การเป็นนักบินเป็นเรื่องของประสบการณ์ และไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดไว้ว่าต้องเป็นงานของผู้ชายเท่านั้น
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งหลังสุดเมื่อปีที่แล้ว ปิ่นอนงค์พูดถึงบทเรียนที่เธอได้รับจากการเป็นนักบินว่า ใครที่อยากเป็น ต้องมีสมาธิสูง ต้องจดจ่อ และต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาไม่รู้จบ
เธอยอมรับว่า ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกครั้ง ในทุกเรื่อง ดังนั้น บทเรียนสำคัญที่สุดไม่ใช่เฉพาะแต่การเป็นนักบิน แต่ในทุกๆ เรื่องก็คือ ต้องจำไว้ว่า ทุกอย่างสามารถนำมาใช้เป็นบทเรียนสำหรับวันพรุ่งนี้เสมอ
“ถึงจะล้มเหลวในวันนี้ บางทีความล้มเหลวก็คือบทเรียนที่ดีสำหรับให้คุณเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น”