แมลงวันในไร่ส้ม/’เทพเทือก’ รีเทิร์น ไม่หวั่น’ตระบัดสัตย์’ ดันตั้งพรรคอีกรอบ

แมลงวันในไร่ส้ม

 

‘เทพเทือก’ รีเทิร์น

ไม่หวั่น’ตระบัดสัตย์’

ดันตั้งพรรคอีกรอบ

 

เป็นข่าวเกรียวกราว เมื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทยประชุมเปิดตัวพรรคเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาที่ศาลาดนตรีสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต
พรรคนี้มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตแกนนำ กปปส. เป็นผู้สนับสนุน แต่จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในพรรคและทางการเมือง เนื่องจากเคยประกาศไว้ในช่วงการชุมนุมของ กปปส. ว่าจะวางมือทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมเปิดตัวพรรค มีการระบุว่า นายสุเทพจะรับตำแหน่งประธานคณะทำงานรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมเป็นเจ้าของพรรค
ระหว่างการประชุม ยังมีการเชิญนายสุเทพขึ้นกล่าวต่อบรรดาสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค
นายสุเทพลุกขึ้นกล่าว โดยมีน้ำตาไหลพรากว่า กำลังนึกถึงคนที่เสียชีวิต นึกถึงพี่น้องประชาชนที่เสียขาตัวเองเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ใฝ่ฝันจะเห็นประเทศเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่ผ่านมามีข่าวดูถูกเราว่าจะมีน้ำยาสักเท่าไรสร้างพรรคการเมืองแข่งกับพรรคที่ยิ่งใหญ่อยู่มาก่อน ถูกวิจารณ์ว่าเป็นพรรค กปปส. บ้าง พรรคลุงกำนันบ้าง หลายคนให้สัมภาษณ์ปรามาสว่าพรรคแบบนี้ไม่มีทางเกิดหรือโตขึ้นได้
ตนใช้เวลาครุ่นคิด คุยกับผู้คนมา 4 ปี ฟังความคิด ศึกษาการตัดสินใจ คนที่ได้พบเห็นพูดตรงกันว่า วันนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะรวมพลังประชาชนมาทำการเมืองเพื่อประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศและแผ่นดิน
“ผมพูดคุยซักถามจนรู้ว่าคนเหล่านี้ตั้งใจจริง หลายคนไม่คิดว่าจะเข้ามาการเมือง เช่น ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นข้าราชการปากหนัก ไม่ชอบนักการเมือง แต่ก็เดินเข้ามาหาผม ถามว่าจริงหรือเปล่าที่มีคนอยากตั้งพรรคเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง สุดท้ายท่านก็มาร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง
ผมระวังตัวมากตั้งแต่ตัดสินใจลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อร่วมต่อสู้กับประชาชน และประกาศว่าจะไม่เป็น ส.ส. ไม่อยากรับตำแหน่งทางการเมือง แต่เมื่อพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์อยากตั้งพรรคเพื่อประชาชน ผมรู้เลยว่าต้องเข้ามาร่วม
แม้ผมรู้ว่าตัวเองจะเป็นจุดด้อยจุดอ่อนของพรรคนี้ ให้คนนำมาโจมตีว่าผมตระบัดสัตย์ ผมขอประกาศเลยว่าจะไม่อยู่เบื้องหลัง แต่ผมจะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน
และผมไม่สนใจคำวิจารณ์เหล่านั้น ผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ขออาสาเป็นขี้ข้า เป็นผู้รับใช้ประชาชน ผมจะเอาประสบการณ์นักการเมืองกว่า 40 ปีมาร่วมตั้งพรรคของประชาชนให้เกิดขึ้นให้ได้
ทันทีที่ได้รับอนุญาตจาก คสช.ให้รณรงค์ต่างๆ ได้ ผมจะเดินไปทุกจังหวัดทั่วประเทศด้วยตนเอง จะลงทุน 5 หมื่นบาท ใช้รองเท้าคู่เดิมที่เคยเดินขบวน แล้วจะใช้รองเท้าคู่นี้เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนมาร่วมเป็นสมาชิกพรรค จะไม่ใช่พรรคที่เกิดขึ้นได้เพราะกำนันสุเทพ แต่กำนันสุเทพจะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคที่รักชาติ รักแผ่นดินไทย
เมื่อถามว่า ยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพลดดีกรีคำตอบที่เคยยืนยันสนับสนุนมาตลอด โดยกล่าวว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ใช่คนที่อยากจะพูดอะไรก็ได้แล้ว การพูดหรือการตัดสินใจต้องเป็นของพรรค

หลังจากวาทะของนายสุเทพที่ศาลาดนตรีสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต เช้าวันรุ่งขึ้นสื่อต่างๆ เสนอข่าวกันเกรียวกราว โดยพาดหัวในประเด็นที่นายสุเทพบอกว่าไม่สนใจเสียงโจมตีว่าตระบัดสัตย์
นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช. กล่าวว่ายินดีกับนายสุเทพในการเปิดตัวพรรคของตัวเองอย่างเป็นทางการ
แม้ในอดีตที่ผ่านมานายสุเทพเคยไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งและมีการนำมวลชนไปขัดขวางการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ระยะเวลาผ่านมากว่า 4 ปี นายสุเทพคงตาสว่างขึ้น เพราะการปฏิรูปที่นายสุเทพเคยวาดฝันไว้ก็ยังไม่มีความชัดเจน
ส่วนที่นายสุเทพเคยระบุไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว แต่วันนี้นายสุเทพกลับมาเปิดตัวพรรคการเมืองของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งที่นายสุเทพเคยกล่าวอ้างไว้ ก็เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อนำไปสู่อะไรบางอย่างเท่านั้นเอง
และวันนี้กลับมากลืนน้ำลายตัวเอง จึงเป็นคำตอบได้ดีว่า ท้ายที่สุดแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศและวิกฤตต่างๆ ของบ้านเมือง ที่นายสุเทพถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขึ้น วิถีทางประชาธิปไตยหรือการเลือกตั้ง คือสิ่งที่ดีที่สุด
“แม้นายสุเทพจะรู้ตัวช้าไปสักนิดและในอดีตเคยหลงผิดไป ก็ขอให้เป็นบทเรียน แต่สิ่งที่ผมกังวลคือ วันนั้นเชิญชวนคนมาปูทางให้เกิดการยึดอำนาจ วันนี้จะเชิญชวนคนให้มาปูทางสืบทอดอำนาจอีก ทั้งที่ 4 ปีที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าล้มเหลว” นายก่อแก้วกล่าว

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ก่อตั้งพรรคเกรียน กล่าวผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนายสุเทพร้องไห้ว่า รู้สึกเหมือนเป็นการจัดฉาก ผู้ที่มาร่วมงานนั่งเป็นระเบียบเรียบร้อย ต่างจากพรรคอนาคตใหม่ที่จัดแถลงกันในยิมเนเซียม บรรยากาศต่างกันโดยสิ้นเชิง
นายสุเทพออกมาร้องไห้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครั้งแรกเป็นการร้องไห้บนเวทีการหาเสียงปี 2554 โดยพูดถึงเหตุการณ์การสูญเสียในปี 2553 ที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ครั้งที่ 2 ร้องไห้เมื่อปี 2557 ก็ได้ร้องไห้อีกครั้งบนเวที โดยมองว่า นายสุเทพคิดว่าการออกมาทำการเมืองในครั้งนี้จะมีคนวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก
“ผมคิดว่าเป็นการอัดอั้นตันใจของนายสุเทพจริงๆ ไม่ใช่การจัดฉาก แต่รู้ตัวเองว่าในอนาคตจะโดนด่าอีก ซึ่งการโดนด่าของนายสุเทพในครั้งนี้จะโดนด่าแบบเละเทะ โดยจะแตกต่างจากการโดนด่าในครั้งยังอยู่ กปปส. อย่างแน่นอน ส่วนตัวผมคิดว่านายสุเทพอาจไม่ได้อยากตั้งพรรค เพียงแต่ตอนนี้เป็นภาวะจำเป็นที่ต้องตั้ง จะสังเกตได้ว่าคนทั่วไปที่จัดตั้งพรรคจะดูสดใส ซึ่งแตกต่างจากนายสุเทพ ที่หน้าตาดูหมอง อาจเป็นเพราะเขารู้ตัวว่าคิดผิดแต่อยากจะแก้เกมให้ทุเลา หรือหาทางออกไปได้ และผมคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำนายสุเทพร้องไห้ในครั้งนี้” นายสมบัติระบุ
นั่นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยสังเขปต่อการตัดสินใจของนายสุเทพ
เชื่อผลเลือกตั้งในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ หรือเมษายน 2562 จะช่วยตอบคำถามว่า การหลั่งน้ำตาของนายสุเทพ เกิดจากอะไรกันแน่