อภิญญ ตะวันออก : ไก กึมสง และการสังหารหมู่ครั้งสุดท้าย ที่พนมเปญโพสต์

มันเป็นตลกร้ายที่ฉันแน่ใจว่า ไก กึมสง จะต้องจดจำมันได้เหมือนสมัยที่เขายังทำงานเป็นแค่เด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร และวันหนึ่งเขาถูกชักชวนไปทำงานเป็นนักข่าว โดยที่เขานั้นไม่เคยคิดหรือจินตนาการมาก่อนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาได้

แต่เมื่อสิบปีก่อนนี้เองที่เขาถูกทาบทามไปร่วมงานกับเดอะโพสต์ (The Phnom Penh Post) หนังสือพิมพ์ที่เป็นเหมือนพี่น้องของเดอะแคมโบเดียเดลี่ที่เขาสังกัดและเป็นเหมือนสำนักตักศิลาที่เขาตักตวงความรู้มาร่วมสิบปี

ตอนที่ไมเคิล เฮยส์ ยอมขายกิจการของตนให้บิล ก็อก นักลงทุนออสซี่ อืมห์ มันช่างเป็นดีลที่วิเศษมาก เพราะเขาเองก็เหมือนได้ร่วมทีมแห่งการก่อตั้งครั้งที่ 2 ของเดอะโพสต์ในฐานะทีมกองบรรณาธิการข่าวและกลายเป็นหนึ่งในผู้มีวิสัยทัศน์การข่าวคนสำคัญของวงการไร่ส้มแขฺมร์ที่แสนจะขาดแคลนบุคลากรแบบหมาล่าเนื้อที่ยอมตายในสนามข่าวท่ามกลางกลยุทธ์ใหม่ในการตลาด

แต่มากกว่านั้น คือการเผชิญหน้าทางการเมืองแบบเขมร

ที่บางครั้งก็ยากเกินอธิบาย

เรื่องมันก็เป็นอย่างนั้น

 

ย้อนไป 20 ปีก่อนตรงร้านอาหารใกล้เยื้องวัดบัวตุมวไต ที่ไก กึมสง ใช้อาศัยทำงานและเป็นที่ซุกหัวนอน และใช้เวลากลางวันไปทำงานที่สำนักงานเดอะแคมโบเดียเดลี่บริเวณถนนหลังพระราชวัง

เมื่อร้านอาหารไทยย้ายฐานจากพิษรัฐประหาร ไก กึมสง ซึ่งเป็นแค่นักข่าวฝึกงานที่เดอะเดลี่จนเคี่ยวกรำประสบการณ์ จนชื่อของเขาถูกเลื่อนตำแหน่งมาเป็นนักข่าวอาวุโสที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปอื่นได้ เนื่องจากเดอะเดลี่นั้นมีฐานะสถาบันหนังสือพิมพ์แบบองค์กรเอกชน

แต่เมื่อดีลเดอะโพสต์ เขาเป็นคนแรกที่ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นบรรณาธิการข่าวฉบับภาษาอังกฤษร่วมกับต่างชาติเป็นครั้งแรก และนับเป็นการสิ้นสุดวิถีเก่าที่มักจะปกป้องนักข่าวท้องถิ่นไว้กับบายไลน์ลำดับที่ 2 รองจากนักข่าวต่างชาติ นัยว่าเป็นกรอบป้องกันภัยคุกคามจากระบอบการเมืองของประเทศนี้

แต่วันหนึ่งเมื่อวิถีการลงทุนสมัยเดินทางมาถึงวงการข่าวกัมพูชา ไก กึมสง ก็ปลดล็อกมันได้ และเขาน่าจะเป็นคนแรกๆ ของกัมพูชาที่ทำงานเชิงบริหารหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษรายวัน ที่ทำยอดขายสูงสุดของประเทศ

ช่างเป็นเครดิตอันงดงามและผ่านกาลเวลาแห่งการเรียนร่วมปี จากพนักงานเดินโต๊ะที่ไม่เคยนึกฝันจะผลักดันชีวิตตัวเองไปทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่เขาไม่เคยผ่านการร่ำเรียนเขียนอ่านมาก่อน

 

มันทำให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่คนตัวเล็กๆ 2-3 คน

แรกเลยคือ “พจนานุกรมเคลื่อนที่” ผู้ที่มีร่างกายแคะเกร็นจากความพิการ แต่ด้วยทักษะทางภาษาทำให้เขาเป็นเลิศในวงการนักข่าวท้องถิ่น จนได้ฉายาที่น่าจดจำ

แต่ในที่สุดเขาก็อพยพไปตั้งรกรากที่ออสเตรเลีย ทิ้งไก กึมสง ที่เพิ่งจะเริ่มต้นอะโลน แต่พนมเปญเวลานั้น ก็ช่างเป็นอะไรที่รื่นรมย์ สำหรับคนตัวเล็กๆ อย่างเรา เมื่อย้อนเวลากลับไป

ช่างเป็นช่วงเวลางดงามในความขลาดเขลาวัยเยาว์ของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีโอกาสเติบโตและเรียนรู้ในต่อมา เมื่อย้อนกลับไปอีกครั้ง การหวนรำลึกถึงความเดียงสาในแบบนั้น ช่างเป็นความสุขสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ขณะนี้

โดยเฉพาะไก กึมสง ณ ตรงที่เขาเคยยืนอยู่ ณ อดีต กาลใดที่เขาอาจเผลอไผลไปว่า ตนเองนั้นกำลังนำพาภารกิจสำคัญแห่งการเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่บิล ค็อก มอบหมายหน้าที่นี้ ตั้งแต่เขาเจรจาของซื้อหัวฉบับ “พนมเปญโพสต์” มาจากไมเคิล เฮยส์ ผู้ก่อตั้งเมื่อ 10 ปีก่อน

พนมเปญโพสต์ขณะนั้นจึงเต็มไปด้วยภารกิจแห่งความอหังการของพวกคนหนุ่ม

ความรู้สึกแบบนั้นเองที่มนุษย์คนหนึ่งจะรู้สึกได้ ในยามที่เขาได้กลายเป็นนักข่าวที่ประเทศกัมพูชา

มันเป็นสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วที่นั่น และนี่คือความท้าทายในประสบการณ์ที่ไก กึมสง ได้ลิ้มลองตลอด 10 ปีแห่งการเป็นนักข่าวและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์

อาชีพที่แสนจะหนักหน่วงไปด้วยอุปสรรคเปราะบาง อย่างที่ไม่มีใครนึกเขาจะผ่านความกดดันนานามากมาย

โดยเฉพาะในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา เดอะโพสต์รายวันฉบับภาษาแขฺมร์ ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้หนุ่มสาวเขมรจำนวนมาก

ในทางตลาด มันยังเป็นรายได้สำคัญที่สามารถทำกำไรในระยะแรก ก่อนจะพบว่า พวกเขาถูกโดดเดี่ยวทางธุรกิจในเวลาต่อมา แม้กระนั้น เพียงจะหยัดยืนต่อไปให้ได้ แต่ในที่สุด ความจริงบางอย่างก่อนฤดูเลือกตั้งเพียง 2 เดือนก็สร้างความตกตะลึงและบีบคั้นจิตใจชาวเดอะโพสต์ทั้งหมด เมื่อพบว่า

บัดนี้ พวกเขากลายเป็นเหยื่อของระบอบการเมืองไปแล้ว

 

ประสาอะไรกับหน้าที่ที่มีความหมายอย่างมากต่อสังคมกัมพูชาในวันนี้ของไก กึมสง

ก็ขนาดฉันซึ่งในอดีตเคยทำรายการสดออนแอร์ทางทีวีซึ่งรายการบันเทิงแท้ๆ ก็ยังไม่วายถูกนายกรัฐมนตรีกัมพูชาบริภาษเป็นประจำเกือบทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ คำบริภาษส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ท่าเต้นรำอันเร้าใจของพวกหนุ่มสาวชาวแดนเซอร์ ซึ่งว่ากันว่า พวกเขามักจะทำอะไรให้เป็นที่น่าประหลาดใจในการแสดงอยู่เสมอ พอๆ กับที่มันถูกนำไปเป็นข่าว และสมเด็จก็มักจะเอาไปเป็นวิวาทะอันเผ็ดร้อนอยู่เสมอ

แต่สำหรับไก กึมสง แล้ว หมอคงไม่แค่ถูกบริภาษจากนายกฯ เฉพาะบ่ายแก่ๆ วันเสาร์เท่านั้น แต่มันยังรวมถึงเกือบทุกๆ วันที่เดอะโพสต์แขฺมร์พิมพ์เผยแพร่ความอัปยศของรัฐบาล จนกลายเป็นกระแสที่สร้างความประหลาดใจในมวลชน

บ้างก็ว่า ทำไม บ.ก.ไก กึมสง ถึงกล้ามาก?

ลำพังเฉพาะหัวข่าวมากมายในกัมพูชา ก็มีให้พาดหัวเล่นไปวันๆ

แต่ไฉนเขาจึงเลือกที่จะตีพิมพ์กรณีสมเด็จฮุน เซน ซื้อยอดวิวเฟชบุ๊กนับล้านวิวจากคนออนไลน์ที่ไม่มีตัวตนทั้งในอินเดีย จีน ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ

รวมทั้งกรณีเปิดโปงความมั่งคั่งร่ำรวยของสมาชิกตระกูลฮุนฯ นั่นก็ด้วย

ในเรื่องแบบนั้นเอง ที่ทำให้เช้าวันถัดมา บ.ก.ไก กึมสง กลับต้องเป็นคนตอบข่าวเสียเอง ซึ่ง บ.ก. คนตัวเล็กก็มักตอบแบบสั้นๆ ว่า

“มันก็แค่ปอตะเมียน/ข่าว และผมก็แค่ตีพิมพ์ไปตามความจริง”

 

และนั่นคือมูลผลบางประการที่สะสมเรื่อยมา จนถึง 8 พฤษภาคม 2018 อันเป็นวันสุดท้ายที่ไก กึมสง สิ้นสุดชีวิตการเป็นบรรณาธิการบริหารและทุกตำแหน่งของหนังสือพิมพ์เดอะโพสต์

กล่าวกันว่า ตอนที่ศิวะกุมาร์ กานาปาตี-เจ้าของเดอะโพสต์คนใหม่ชาวมาเลเซียที่ “ไล่เขาออก” ในเช้าวันนั้น

ภาพแห่งความโกลาหลครั้งแรกๆ ในแวดวงสื่อเขมรก็บังเกิดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนตลอด 26 ปีแห่งการถือกำเนิดสื่อเขมรยุคใหม่ โดยเฉพาะกรณีของไก กึมสง นั้น มันคือข่าวร้าย ที่ทำให้สมาชิกในเดอะโพสต์ ที่ต่างร่วมงานมาเป็นเวลายาวนานจนเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน

ดังนั้น เมื่อไก กึมสง ต้องเก็บข้าวของออกจากสำนักงานโดยทันทีภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ทีมบรรณาธิการข่าว สต๊าฟ ต่างพากันร่ำไห้ราวกับเกิดการสังหารหมู่

 

นับเป็นการเผยให้เห็นระบบการเล่นแร่แปรธาตุของธุรกิจสื่อสมัยใหม่ ซึ่งมันได้คืบคลานมาถึงกัมพูชาแล้ว โดยเฉพาะกรณีเจรจาลับที่ทำให้บิล ก็อก ยอมขายเดอะโพสต์ เพียงเพื่อจะตอบคำถามว่า เขาไม่อาจทำให้สื่อที่เขาเพียรซื้อมาครอบครองอย่างภาคภูมิใจนี้ กลายเป็นธุรกิจที่ทำผลกำไรได้อีกต่อไป

ช่างเป็น “ดีล” ที่เกิดขึ้นจากระบอบประชาธิปไตยตามกลไกทุนนิยม อันเป็นลักษณะอันพิสดารและคาดไม่ถึงด้วยประการทั้งปวง

โดยเฉพาะการที่มันไม่ได้ถูกบ่อนทำลายจากการแทรกแซงโดยคนของรัฐ แต่เป็นลักษณะอันแยบยล

นั่นคือ การเข้าเทกกิจการอย่างเบ็ดเสร็จชนิดที่สร้างความตกตะลึงแก่ทุกฝ่าย

แม้แต่ไมเคิล เฮยส์ ผู้ตัดสินใจขายกิจการสำคัญนี้แก่มือที่สองอย่างบิล ก็อก

โดยที่ไม่คาดฝันว่าจะมีมือที่สามคือกลุ่มทุนมาเลเซีย ซึ่งพวกไร้จินตนาการบางฝ่าย เชื่อว่าเป็นตัวแทนนอมินีของสมเด็จฮุน เซน

ไม่มีใครทราบว่าก็อกได้เงินจากการดีลนี้ไปจำนวนเท่าใด?

และแล้ว วันคืนที่ผู้คนจดจำเขาในฐานะเจ้าของเดอะโพสต์บอกเล่าถึงความมุ่งมั่นและปรัชญาในการทำงานหนังสือพิมพ์นี้

แต่เพียง 10 ปีถัดมา ทั้งหมดได้จมหายและกลายเป็นอื่นไปอย่างฉับพลัน

และนับเป็นการสิ้นสุดลงของสื่อที่ถือกำเนิดขึ้นจากผลพวงสนธิสัญญากรุงปารีส ว่าด้วยตัวแทนในภาคส่วนของการทำให้ประเทศกัมพูชากลับมาเป็นประชาธิปไตย

อาจกล่าวได้ว่า “พนมเปญโพสต์” น่าจะเป็นองค์กร (สื่อ) ลำดับสุดท้ายที่ถูกทำลายอุดมการณ์ที่ให้ไว้เป็นข้อตกลงเมื่อ 26 ปีก่อน ก่อนที่ยูเอ็นในนามอันแท็กจะมอบเงินก้อนแรกมาให้ในการลงทุน (1992)

และมันคือสัญญาณที่เผยให้เห็นว่า สื่ออิสระชิ้นสุดท้าย-หนึ่งในผลผลิตที่เกิดจากข้อตกลงปารีสและผลพวงความพยายามที่นานาชาติร่วมกันผลักดันตามครรลองประชาธิปไตย ได้เดินมาถึงจุดอวสาน

อีกครั้งที่เดิมพันการเมืองอันสูงมากนี้ ได้สะสมให้ฮุน เซน มีทักษะขั้นสูง ต่อการทำให้องค์กรตรงสอบฝ่ายต่างๆ ค่อยล้มหายและกลายเป็นอื่น อย่างคล้ายกับเป็นเรื่องปกติ ตามวิถีทุนนิยมสมัยใหม่ โดยเฉพาะกรณีพนมเปญโพสต์

อันที่จริง การสังหารไก กึมสง หาใช่เพื่อสนองความเกลียดชังส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน แต่ประการใด หากแต่ตรงกันข้าม ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อความอยู่รอดในระบอบฮุน เซน ที่กำลังเผชิญหน้ากับอันตรายบนปากเหวแห่งความพินาศ โดยเฉพาะกรณีพิสดารของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยการใด ทางเดียวที่จะทำให้ตนพ้นภัยนั่นก็คือ “การทุบทำลายทุกส่วนองค์กรที่เป็นปฏิปักษ์” ในเวลาเดียวกัน พรรคประชาชนกัมพูชา/ซีพีพี ก็จักต้องได้มาซึ่งชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง จากนั้น ก็จัดตั้งรัฐบาลอย่างเบ็ดเสร็จขึ้นอีกครั้ง

โดยอย่าให้พลั้งพลาด

มิฉะนั้นแล้ว ก็จงยอมรับเถิดว่า ในไม่ช้า จะมีชะตากรรมเยี่ยงแบบนักโทษเขมรแดง