ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 พฤษภาคม 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์
ANATOMY OF A FALL
‘โครงกระดูกในตู้’
กำกับการแสดง
แสดงนำ
Justine Triet
Sandra H?ller
Swann Arlaud
Milo Machado-Graner
Samuel Theis
ความหมายของ “กายวิภาคแห่งการร่วงหล่น” จากชื่อหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นทวินัย
นัยตรงตัว คือการวิเคราะห์การร่วงหล่นทางกายภาพในคดีการเสียชีวิตของบุคคลในครอบครัว ซึ่งตกจากที่สูงลงสู่พื้นเบื้องล่างจนถึงแก่ชีวิต
ส่วนนัยแฝงที่น่าจะมีน้ำหนักและกินใจมากกว่า คือการปอกเปลือกความล่มสลายในชีวิตครอบครัวของคู่แต่งงานที่ล้มเหลวด้วยเหตุปัจจัยนานัปการ
โครงกระดูกในตู้-ตามสำนวนซึ่งหมายถึงเรื่องน่าอับอายอดสูที่ถูกปกปิดซ่อนเร้นไว้จากสายตาคนนอก-ถูกขุดคุ้ยออกมาเปิดโปงตีแผ่ประจานต่อหน้าสาธารณชน…รวมทั้งลูกชายวัยสิบเอ็ดซึ่งไม่เคยรับรู้ถึงความบาดหมางอันร้าวลึกระหว่างพ่อกับแม่มาก่อน…ในการดำเนินคดีฆาตกรรมตามข้อกล่าวหาของอัยการ
ตั้งแต่วัยสี่ขวบ แดเนียลถูกรถชนจนมองเห็นได้เพียงเลือนราง ในอุบัติเหตุที่แซมวล (แซมวล เตอีส) พ่อของเขา โทษตัวเองว่าเป็นความผิด
หนังเปิดเรื่องที่ชาเล่ต์หลังใหญ่บนภูเขาในชนบทอันหนาวเย็นและอ้างว้างในฝรั่งเศส
แดเนียล (ไมโล มาชาโด-เกรเนอร์) ลูกชายวัยสิบเอ็ดซึ่งพิการทางสายตา กำลังอาบน้ำในหมาชื่อสนูป ขณะที่แซนดรา (แซนดรา ฮัลเลอร์) ผู้เป็นแม่ กำลังให้สัมภาษณ์อย่างรื่นรมย์กับนักศึกษาสาวเรื่องความสำเร็จในฐานะนักเขียน
ระหว่างนั้น เสียงดนตรีกระหึ่มดังสนั่นลงมาจากห้องใต้หลังคา ซึ่งแซมวล สามีของแซนดรา ทำงานอยู่คนเดียว
…ด้วยเจตนาเหมือนจะไล่แขก…
ไม่นานแขกผู้มาสัมภาษณ์และเจ้าบ้านฝ่ายหญิงผู้ให้สัมภาษณ์ก็ทนแข่งกับเสียงดนตรีสนั่นนั้นไม่ไหว และลาจากกันโดยสัญญาจะพบกันใหม่ในเมือง
นักศึกษาสาวขึ้นรถขับลงจากเขาไป
เราเห็นภาพกว้างของบ้านบนภูเขาทั้งหลัง ซึ่งมีแซนดรายืนอยู่บนระเบียงชั้นสองโบกมือลา
ไม่นาน แดเนียลก็จูงสนูปออกจากบ้านไปเดินเล่นในป่า ลัดเลาะไปตามไหล่เขาและข้ามสะพานกลับมาบ้านโดยมีสนูปเดินนำหน้า
แดเนียลให้การในภายหลังว่าเขาชอบออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกเวลาพ่อกับแม่มีปากมีเสียงกัน
เมื่อกลับมาถึงชาเล่ต์ สนูปวิ่งนำหน้าไปที่ร่างของแซมวลซึ่งนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่พื้นหน้าบ้านที่มีหิมะปกคลุม แดเนียลร้องเรียกแม่ซึ่งโผล่ออกมาดูเสียงอันตระหนกตกใจของลูกชายอย่างงงๆ
จากนั้นแซนดราก็โทรศัพท์เรียกหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมา และบอกว่าเธอไม่ได้แตะต้องร่างของผู้ตายเลยเพราะเกรงจะไปยุ่งเกี่ยวกับหลักฐาน
ตำรวจเข้ามาสอบสวน แต่ก็ไม่สามารถสรุปรูปคดีและสาเหตุการตายได้อย่างชัดเจนแน่นอน
เนื่องจากชาเล่ต์หลังนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คนและไม่มีร่องรอยของ “มือที่สาม” หรือบุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับรูปคดี การร่วงลงมาจากที่สูงจนถึงแก่ชีวิตจึงมีความเป็นไปได้อยู่สามทาง
คือ อุบัติเหตุ อัตวินิบาตกรรม และฆาตกรรม
รอยเลือดที่กระเซ็นอยู่บนเพิงเบื้องล่างที่รองรับการตกก่อนจะกระดอนถึงพื้น ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างแน่ชัด และการสอบปากคำส่อพิรุธบางอย่างซึ่งนำไปสู่การส่งเรื่องให้อัยการฟ้องดำเนินคดีด้วยข้อหาฆาตกรรม
วินเซนต์ (สวอนน์ อาร์โลด์) ทนายความซึ่งเป็นเพื่อนแซนดราและเคยหลงรักเธอมาก่อน เข้ามาเป็นตัวแทนว่าความแก้ต่างให้แซนดรา
แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ courtroom drama แบบทั่วไป ไม่ใช่หรือหนังสืบสวนคลี่คลายคดีฆาตกรรมอย่างที่เห็นๆ กันโดยปกติ
นี่เป็นการศึกษาแคแร็กเตอร์อันละเอียดประณีตและลึกล้ำ
คําให้การของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงทัศนะเสี้ยวเดียวของภาพรวมทั้งหมด และอาจเป็นมุมมองที่บิดเบือนจากวิจารณญาณที่เป็นอัตวิสัยเสียด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์ที่ “ฟังความข้างเดียว” และเชื่อมั่นในตนเองว่ามีสถิติในการบำบัดคนไข้โดยไม่มีใครเคยฆ่าตัวตายสักรายเดียว
หรือตำรวจที่หาเหตุผลสารพันมารองรับทฤษฎีที่ตัวเองปักใจเชื่อ
หรือสื่อมวลชนที่มีความโน้มเอียงไปทางนำเสนอข่าวเรื่องนักเขียนฆ่าสามี ซึ่งน่าเร้าใจมากกว่าข่าวเรื่องครูฆ่าตัวตาย
หนังตั้งประเด็นของเส้นอันเลือนรางระหว่างความจริงกับนิยาย (หรือเรื่องที่แต่งขึ้น)
“นิยายอิงชีวิตจริง” หรือว่า “ชีวิตจริงอิงนิยาย” กันแน่?
และแคแร็กเตอร์ของตัวละครในเรื่องซึ่งเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จและนักเขียนที่ล้มเหลว ซึ่งนำเศษเสี้ยวของประสบการณ์ในชีวิตไปเขียนเป็นนิยาย ทำให้เส้นแบ่งระหว่างความจริงกับเรื่องสมมตินั้นเลือนรางและแยกได้ยาก
หนังไม่มีตอนจบที่ชัดเจนตายตัวแบบคำตอบสุดท้ายที่เฉลยให้รู้เหมือนปมที่ขมวดไว้อย่างเรียบร้อย แต่เป็นตอนจบแบบปลายเปิด ซึ่งหมายความว่าคนดูจะต้องเลือกตีความเอาเอง
ไม่มีข้อสรุปที่บ่งชี้ชัดเจน
ซึ่งนี่เป็นเสน่ห์หรือจุดแข็งของหนังมากกว่าจะเป็นจุดอ่อนหรือข้อบกพร่อง
แทบจะไม่ต้องพูดเลยว่าแซนดรา ฮัลเลอร์ สมควรได้รับคำยกย่องขนาดไหนกับบทบาทการแสดงในเรื่องนี้ เรียกได้ว่าละเอียดลออจนบดขยี้ถึงทุกซอกทุกมุมของแคแร็กเตอร์ทีเดียว
ตัวลูกชายที่เล่นโดยไมโล มาชาโด-เกรเนอร์ ก็เป็นกุญแจสำคัญต่อความเข้าใจในความหมายที่หนังต้องการสื่อความ
ต้องขอคารวะจัสตีน ทรีเอ็ต ผู้เป็นทั้งผู้กำกับฯ และผู้ร่วมเขียนบท ซึ่งสร้างสรรค์งานภาพยนตร์ดราม่าที่ละเอียดประณีตแบบเก็บได้ทุกเม็ดเลยทีเดียว
เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยค่ะ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022