ยานยนต์ สุดสัปดาห์ /สันติ จิรพรพนิต/เทียบฟอร์ม ‘ซับคอมแพ็กต์’ เอสยูวี ‘โตโยต้า ซี-เอชอาร์’ VS ‘ซูบารุ เอ็กซ์วี’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์  สันติ จิรพรพนิต  [email protected]

 

เทียบฟอร์ม ‘ซับคอมแพ็กต์’ เอสยูวี

‘โตโยต้า ซี-เอชอาร์’ VS ‘ซูบารุ เอ็กซ์วี’

ตลาดรถคอมแพ็กต์เอสยูวี หรือรถตรวจการณ์อเนกประสงค์ขนาดเล็กในเมืองไทยนั้นถือว่ามาแรงมาก และแรงจัดทีเดียว หลังจาก “ฮอนด้า เอชอาร์-วี” เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย จนมียอดขายถล่มทลาย ทำให้อีกหลายค่ายส่งรถประเภทเดียวกันเข้ามาจำนวนมาก

เกือบทั้งหมดทำยอดขายได้น่าพอใจอย่างมาก

ในปี 2561 มีรถในกลุ่มนี้ 2 รุ่นที่เข้ามาทำตลาด หนึ่งคือ “โตโยต้า ซี-เอชอาร์” และอีกรุ่น “ซูบารุ เอ็กซ์วี”

“ยานยนต์ สุดสัปดาห์” จึงถือโอกาสนำรถทั้ง 2 รุ่นมาเรียบบเทียบให้เห็นการใช้งานและอ็อปชั่นต่างๆ ส่วนในรุ่นอื่นๆ ของค่ายอื่นๆ นั้น เนื่องจากเปิดตัวมาพักใหญ่แล้ว จึงขอละไว้ในที่นี้

แม้ดูชื่อชั้นของแบรนด์รถ 2 รุ่นที่ผมนำมาเปรียบเทียบจะค่อนข้างแตกต่างกัน เพราะโตโยต้านั้นได้ชื่อว่าเป็น “ขาใหญ่” ทั้งเมืองไทยและระดับโลก ขณะที่ “ซูบารุ” ในเมืองไทยถือว่ามีแฟนานุแฟนเฉพาะกลุ่ม ส่วนในระดับโลกแม้ยอดขายโดยรวมจะเทียบชั้นโตโยต้าไม่ได้ แต่ชื่อเสียงก็ไม่ธรรมดา ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นขาลุยที่ได้รับความนิยมไม่แพ้รถยุโรปชั้นดี

อย่างไรก็ตาม ซูบารุในช่วงหลังๆ มียอดขายโตแบบก้าวกระโดด ภายใต้การดูแลของบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่เร่งสปีดขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีกหลายแห่ง

รวมไปถึงบริษัทแม่เข้ามาช่วยเหลือจนทำราคาได้ต่ำกว่าสมัยก่อนค่อนข้างมาก

 

ประเดิมกันที่ “ซี-เอชอาร์” รถเอสยูวีขนาดเล็กที่คนไทยรอคอยมานานตั้งแต่มีข่าวว่าโตโยต้า พัฒนาจากรถต้นแบบโดยปรับเปลี่ยนโฉมไม่มากนัก ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเมื่อนำมาแสดงตัวในเมืองไทย เพราะดูโฉบเฉี่ยวและล้ำเหลือเกิน

บอกก่อนว่าซี-เอชอาร์ มีเครื่องยนต์ 2 แบบคือเบนซิน 1.8 ลิตร และ 1.8 ลิตรไฮบริด

ออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมโครงสร้างมาตรฐานยานยนต์ใหม่ Toyota New Global Architecture (TNGA) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพชร ที่เจียระไนรูปทรงเหลี่ยมมุมจากเอกลักษณ์ของเพชรที่โดดเด่นสะดุดตาเส้นสายที่คมกริบรอบตัว ขับเน้นให้ดูล้ำสมัย

ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ LED และ Halogen (รุ่น 1.8 ลิตร) ปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน แบบ Light Guiding

มือจับเปิดประตูเบาะนั่งหลังอยู่ติดกับขอบกระจกบน ดูเท่ แต่ใช้งานจริงไม่ค่อยคุ้นมือ เพราะมีลักษณะเฉพาะคือง้างออกด้านเดียว เสาอากาศแบบครีบฉลาม ไฟท้าย LED รมดำ สปอยเลอร์หลัง ติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มองเห็นชัดเจนแต่ไกล

ตกแต่งภายในด้วยสีทูโทน พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง สมาร์ตโฟน เรียกดูข้อมูลต่างๆ รวมถึงแป้นควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่หลังพวงมาลัย หัวเกียร์ขนาดใหญ่หุ้มหนัง และวัสดุมันวาว จับถนัดมือ

มาตรวัดขนาดใหญ่ทรงสปอร์ต ติดตั้งหน้าจอขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็น รวมถึงการทำงานของระบบไฮบริด ว่ากำลังชาร์จ ใช้พลังงานจากมอเตอร์ หรือจากเครื่องยนต์ เป็นหน้าจอสีทำให้อ่านง่ายสบายตา

หน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ เชื่อมต่อผ่าน USB HDMI Micro SD Card หรือจะเป็นระบบบลูทูธ

 

ขนาดตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,795 x 4,360 x 1,565 ม.ม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 154 ม.ม.

ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว 1,798 ซีซี ทำงานคู่กับอัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 175 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที

ช่วงล่างด้านหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone) พร้อมเหล็กกันโคลง

ความปลอดภัยมีครบทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC และอื่นๆ

มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ราคา 979,000-1,039,000 และเครื่องยนต์ 1.8 ไฮบริด 1,069,000-1,159,000 บาท

 

ซูบารุ เอ็กซ์วี เป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 พัฒนาขึ้นภายใต้ “Subaru Global Platform” เป็นโฉมเดียวกัน มีคุณภาพเหมือนกันทั่วโลก

กระจังหน้ารูปทรงเหลี่ยมแบบเรขาคณิตมีลวดลายแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เส้นสายบนฝากระโปรงดุดัน ตกแต่งด้วยแถบสีดำบริเวณชายกันชน และชายข้างตัวรถที่ลากยาวผ่านซุ้มล้อไปถึงไฟเบรกในกันชนหลัง

ไฟหน้าโคมสีดำ ระบบส่องสว่างแบบโปรเจ็กเตอร์พร้อมหลอด LED สามารถควบคุมให้ลำแสงไฟหน้าเคลื่อนไปตามทิศทางของรถที่หักเลี้ยว ยังช่วยเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในที่มืด เสริมด้วยไฟตัดหมอกที่กันชนหน้า เพิ่มอารมณ์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น

ไฟท้ายรูปทรงทันสมัยแต่แฝงความแกร่งด้วยเหลี่ยมมุมอันแปลกตาเช่นเดียวกับกันชนหลัง เพิ่มความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และเสาอากาศแบบครีบฉลาม

เสริมขอบบังโคลน หรือโอเวอร์เฟนเดอร์ พร้อมติดตั้งราวแร็กหลังคา

ล้อแมกซ์ลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว สีดำ สีทูโทน

ภายในออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์สไตล์สปอร์ต ใช้โทนสีดำตกแต่งด้วยสีเงินบริเวณคอนโซลเกียร์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน พร้อมแพดเดิลชิฟต์ หรือแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย

หน้าจอแสดงผลมัลติฟังก์ชั่นแบบใหม่ และหน้าจอแสดงผลร่วม แสดงข้อมูลสำคัญสำหรับการใช้งานต่างๆ

ความบันเทิงมีเครื่องเล่นดีวีดี เอ็มพี 3 เชื่อมต่อสะดวกด้วยพอร์ต USB AUX HDMI BLUETOOTH NFC พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ DUAL-ZONE

 

มิติตัวถังยาว 4,465 ม.ม. เพิ่มขึ้น 15 ม.ม. กว้าง 1,800 ม.ม. เพิ่มขึ้น 20 ม.ม. ความสูง 1,615 ม.ม. ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 220 ม.ม.

เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ (BOXER) สูบนอน ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที

เกียร์ Lineartronic พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ (auto-step shift control) และโหมดควบคุมความเร็วด้วยตนเอง 7 สปีด เพิ่มช่วงของอัตราทดเกียร์ให้กว้างขึ้นทำให้อัตราเร่งดีขึ้น

ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) มาพร้อมกับระบบ X-MODE ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนภูมิประเทศโหดๆ ได้ดีขึ้น

ติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ที่ด้านหน้า ด้านข้างเบาะ กระจกประตูทั้ง 4 บานและบริเวณหัวเข่า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับการหมุนของรถยนต์ มีใช้เซ็นเซอร์ตรวจสอบตำแหน่งพวงมาลัย เมื่อเกิดแรงเหวี่ยง ระบบนี้จะสั่งการเบรกไปยังล้อหน้าที่อยู่ด้านในโค้งและกระจายแรงบิดสำหรับล้อที่อยู่ด้านนอกโค้งโดยอัตโนมัติ ควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้งง่ายยิ่งขึ้น

มี 2 รุ่นย่อย 2.0i ราคา 945,000 บาท (ราคา Option Pack 289,221 บาท)

และ 2.0i-P อยู่ที่ 999,000 บาท (ราคา Option Pack 289,221 บาท)