จาก “คดีบอส” สู่ “คดีบ่อน” ถึงเวลา “ผู้มีอำนาจ” และ “ผบ.ตร.ใหม่” ต้องจริงจังกล้าเสียสละ-ปฏิรูปตำรวจเสียที!

“บ่อนการพนันมันเกิดได้ เพราะ 1.คนไทยยังชอบเล่นการพนัน 2.ผู้มีอำนาจยังอยากได้ผลประโยชน์อันมหาศาลจากบ่อนการพนัน และ 3.ในเมื่อตำรวจยังตกอยู่ในวังวนที่ต้องวิ่งเต้นโยกย้าย เมื่อผู้มีอำนาจร้องขอ ถ้าท่านไม่ยอมท่านก็อยู่ไม่ได้ นี่คือคำตอบตรงๆ ก็ต้องพยายามที่จะหลบเลี่ยงและป้องกันตัวเท่าที่จะทำได้”

คือมุมมองจาก พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร รองนายกสมาคมตำรวจ ที่มองถึงปัญหาบ่อนการพนันและมีเหตุยิงกันที่ทำให้องค์กรตำรวจถูกตั้งคำถามต่างๆ มากมาย

บ่อนพนันสำคัญที่ผู้มีอำนาจ?

พล.ต.อ.ชัยยงมองว่า ปัญหาบ่อนไม่มีวันหมดไป ถ้าประชาชนเองชอบเล่น ผู้มีอำนาจยังอยากได้ผลประโยชน์ และตำรวจยังไม่เป็นหลัก ยังต้องมีการวิ่งเต้นโยกย้ายไปหาผู้มีอำนาจทั้งด้านการเงินและการเมือง ก็จะถูกขอ แล้วมันก็จะมีบ่อนแล้วลักลอบกันเปิด

เวลาจะตอบคำถาม ก็จะอ้อมแอ้มพูดไม่ออก

นี่คือความจริงของสังคม

ยิ่งกรณีที่สังคมจับตากรณีการยิงกันแล้วมีปรากฏการณ์เรื่องถอดวงจรปิด ตอบได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน ที่จะทำได้อย่างนี้มันจะต้องเป็นผู้ใกล้ชิดคนที่มีอำนาจ ซึ่งตราบใดที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ ไม่ว่าจะด้านไหน ยังไม่ยึดหลักคุณธรรม ยังอยากได้ผลประโยชน์ในทางที่ผิด ตำรวจยังอยากได้สิ่งเหล่านี้ ยังต้องยอม มันก็ยังจะต้องเกิดเรื่องเหล่านี้จนกระทั่งสังคม “หมดความเชื่อมั่น”

ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจว่าจะมองเห็นและจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ ก็ต้องช่วยกันคิด หากเรามีตำรวจที่ไม่รักษาความถูกต้องในสังคม ดำเนินการทุกอย่างเสมอภาค ตำรวจไม่สามารถเข้าไปยืนอยู่ที่จุดนั้นได้ หรือแม้กระทั่งสังคมไม่มีความเชื่อมั่น อัยการหรือผู้พิพากษาด้วย

ระบบยุติธรรมทั้งหมดไม่ได้รับความเชื่อมั่น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก

ย้อนมองคดีบอส-ถึงเวลาปฏิรูปตำรวจจริงจัง?

ตํารวจถือเป็นต้นทางแห่งกระบวนการยุติธรรม ถ้าตำรวจสามารถทำสำนวนการสอบสวนได้อย่างรอบคอบรัดกุม จากต้นทางขึ้นไปยังอัยการหรือปลายทางผู้พิพากษาก็จะพิจารณาได้ง่าย

เหมือนกับการสร้างบ้าน ตำรวจต้องเป็นคนสร้างและวางรากฐานของงานสอบสวน คือต้องมีโครงสร้างบ้านที่แข็งแรง แล้วจะทำให้การต่อเติมเสาหรือฝาบ้านมันทำง่าย

เมื่อเรามองมาที่คดีบอส ถ้าเราพูดกันแล้วเราจะเห็นเลยว่าพนักงานสอบสวนสามารถที่จะแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมได้โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายสืบสวน เช่น การไปหาพยานก่อนที่รถยนต์ของบอสจะมาถึงที่เกิดเหตุ หรือการหาพยานหลักฐานว่าบอสมาจากสถานบริการแห่งไหนหรือไม่ ก็ส่งไปเป็นพยานเพิ่ม รวมทั้งพยานที่เกิดเหตุที่เห็นรถของนายดาบวิเชียรก่อนเกิดเหตุว่ามายังไง สิ่งเหล่านี้ก็จะนำมาประกอบการวิเคราะห์ในสำนวนได้แล้วว่าเป็นอย่างไร

ฉะนั้น เรื่องทั้งหมดนี้ที่ต้องเน้นย้ำคือเรื่อง “การปฏิรูปงานสอบสวน” เราพูดกันมาทุกยุคว่าตำรวจต้องปฏิรูป นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 หลังการปฏิวัติรัฐประหาร ประเด็นสำคัญที่ คสช.ต้องการจะทำคือ “การปฏิรูปตำรวจ”

ปรากฏว่าเวลาล่วงเลยผ่านมา 6 ปีกว่า มีคณะกรรมการ 6 คณะ คณะสุดท้ายคือท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ ได้ยกร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญาและ พ.ร.บ.ตำรวจขึ้นมาใหม่ ผมได้อ่านก็พยายามมาวิเคราะห์ดูว่าจะทำอะไรได้หรือไม่

อย่างในคดีบอส จาก 2 พ.ร.บ.นี้ เช่น มีการแยกพนักงานสอบสวนออกมาเป็นแท่ง เพิ่มตำแหน่งให้เติบโตไปถึงระดับผู้บังคับการ-ผู้บัญชาการ โดยมีการเพิ่มตำแหน่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน เพื่อมีเป้าหมายคงต้องการป้องกันการแทรกแซง การทำสำนวนของพนักงานสอบสวน

รวมทั้ง พ.ร.บ.การสอบสวนก็เปิดช่องให้อัยการเข้ามาร่วมสอบสวนได้ เข้ามาให้คำแนะนำ ตำรวจจะทำตามหรือไม่ก็ได้ ถ้าไม่ทำตามขอให้มีเหตุผล

มองไปที่การสร้างสายงานแบบนี้ทำให้พนักงานสอบสวนออกห่างจากฝ่ายปราบปราม-สายสืบสวน จะทำให้งานสอบสวนของตำรวจไม่ครบถ้วน

เช่นคดีบอสเพราะไม่มีสายสืบไปหาพยานให้กับพนักงานสอบสวน

ฉะนั้น การปฏิรูปตามกฎหมายฉบับนี้เรื่องการสอบสวน มันไม่เป็นผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีอัยการเข้ามาร่วมสอบสวน ขนาดลำพังแค่เป็นเรื่องของการตรวจสอบและถ่วงดุลยังเกิดปัญหาแบบคดีบอส

แล้วถ้าปฏิรูปไปแบบนี้ให้มาร่วมการสอบสวนไปตั้งแต่ต้น มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องไปคาดเดาเอา

ส่วนตำแหน่งที่จะเกิดขึ้นจำนวนมาก ผมถามว่าใครได้ประโยชน์? 1.จะมีนายพลเพิ่มเป็นร้อยคน 2.ผู้มีอำนาจและได้แต่งตั้งตำรวจขึ้นเป็นนายพลอีกเป็นร้อยๆ คน ผมมองแล้วว่าประชาชนไม่ได้อะไรจากการปฏิรูปการสอบสวนจากกฎหมายทั้งสองฉบับนี้

ประชาชนอยู่ไหน ในสมการปฏิรูปตำรวจ?

ผลของการ “ปฏิรูปตำรวจ” เมื่อเราพูดถึงร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนั้นที่กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินการ คำถามที่ง่ายที่สุดคือ เราต้องถามว่าประชาชนต้องการอะไรจากตำรวจ ผมคิดว่าประชาชนต้องการให้ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าที่เขาตื่นมา บ้านเขาไม่ถูกงัด

ต่อมาเขาไปทำงานได้โดยที่รถไม่ต้องติดมากนัก กลางวันสามารถออกไปกินข้าวรถไม่โดนงัด

ตกเย็นกลับบ้านหลับนอนมีความสุขไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนร้ายเข้ามา

ในสังคมที่เขาอยู่ไม่มีบ่อนการพนัน ไม่มีสิ่งอบายมุขผิดกฎหมาย ไม่มีนักเลงมาละลานลูกหลานเขาหรือตัวเขา

ผมคิดว่าแค่นี้ประชาชนมีความสุข และชื่นชมตำรวจไปแล้วมากกว่า 80%

แต่ถามว่ากฎหมายฉบับนี้ ทำแบบนี้ได้หรือไม่ มันก็ต้องย้อนกลับไปว่าความสุขของประชาชนที่ผมกล่าว ตั้งแต่เช้าจรดค่ำของประชาชนมันจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

บอกได้เลยว่ามันเกิดจากโรงพัก 1,483 โรงพัก ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้ง บช.น. / ตำรวจภูธรภาค 1-9 ถ้าเรามีผู้กำกับหรือตำรวจที่อยู่โรงพักทั้งหมด เข้าไปดูแลประชาชน ไม่ต้องไปวิ่งเต้นหาใคร เขาได้ทำงานให้ประชาชน รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน โดยมีผู้บังคับการ 87 คนทั่วประเทศ+นครบาล ไปกำกับดูแลจริงจัง แค่นี้ประชาชนก็ได้ประโยชน์

แต่ถามว่าทำไมภาพแบบนี้ยังไม่เกิดขึ้น

เพราะผู้บังคับบัญชา 3 ระดับ 1.ผู้บัญชาการโดยตรง 2.ก.ตร. และ 3.ผบ.ตร. ถ้า 3 ส่วนนี้เป็นหลักก็จะได้ตำรวจทำงานให้ประชาชน

แต่ ผบช.บางส่วนก็ยังวิ่งเต้นให้ได้อยู่ในพื้นที่ที่ดี เกรดเอ ไม่มีใครอยากเป็น ผบช.ประจำ-จเร ทำให้การสรรหาผู้กำกับจะได้คนแบบไหนเข้ามาเป็น ก็ไปคิดดู

ผบ.ตร.คนใหม่ควรมีคุณสมบัติอย่างไร

ต้องกล้าสู้กับความเป็นจริง ถึงแม้ว่าเวลานี้ยังไม่ได้มีการปฏิรูปตำรวจ แต่ท่านต้องออกมาสู้กับความเป็นจริง และชี้แจงให้ได้ว่าปัญหาที่แท้จริงของตำรวจนั้นคืออะไร จะต้องชี้แจงกับผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่าจะต้องทำอะไร

นอกจากนี้ ต้องรู้งานตำรวจทุกด้าน โดยเฉพาะงานป้องกันปราบปรามและงานสอบสวนจะต้องเข้าใจ หากมีความกล้าหาญ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ก็จะสามารถพาสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินไปได้

ส่วนผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองต้องกล้าทำ ท่านเสียสละอำนาจที่มีอยู่ได้หรือไม่ การปฏิรูปตำรวจไม่ใช่ให้ตำรวจเข้าไปหาท่าน แต่ต้องทำเพื่อให้ตำรวจเข้าไปหาประชาชน ท่านทำได้หรือไม่ ถ้าตราบใดที่ผู้มีอำนาจยังทำแบบนี้ไม่ได้ การปฏิรูปบ้านเมืองและการปฏิรูปตำรวจมันไปไม่ได้

ผมเองก็ยังมีความหวังอยู่ หลังท่านนายกฯ เข้ามาคุม การแต่งตั้งตำรวจ กับ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ก็ต้องชมเชยว่าเสียงเรื่องของการซื้อ-ขายตำแหน่ง การวิ่งเต้นมันน้อยลง ตำรวจมีขวัญกำลังใจมากขึ้น

ขอขอบคุณท่านนายกฯ และ ผบ.ตร. ก็สร้างสิ่งที่ดีได้

ผมก็ยังอยากจะฝากความหวังไว้ว่า ผบ.ตร.คนต่อไปและท่านนายกฯ ต้องตั้งใจปฏิรูปตำรวจเพื่อให้เป็นตำรวจของประชาชน

เพราะในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ท่านนายกฯ มาคุมตำรวจเอง การแต่งตั้งโยกย้ายก็ดีขึ้น

แต่ถ้าทำอีกนิดหนึ่งให้ตำรวจได้เป็นตัวของตัวเอง ให้ตำรวจสามารถดูแลประชาชนได้ เข้าไปหาประชาชน แล้วเจริญหน้าที่การงาน ไม่ใช่เข้าบ้านผู้มีอำนาจ นี่ไม่ใช่เรื่องยาก

ผมขอฝากความหวังไว้กับท่านนายกฯ และ ผบ.ตร.คนใหม่ด้วย

ชมคลิป