ดูดดดดดด…

“การดูด คือ ครรลองประชาธิปไตย”

เป็นวาทะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะ “ปฏิรูปการเมือง”

ว่ากันว่า ถ้า “ริป แวน วิงเคิล” ยังลืมตาอยู่ตอนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

ก่อนจะนอนหลับไปจากนั้นอีก 2-3 เดือนต่อมา

วันนี้ถ้าเขาตื่นขึ้นและได้ยินวาทะประชาธิปไตยแบบ คสช.

“ริป แวน วิงเคิล” คงตกใจ

นึกไม่ถึงว่าคนที่พูดประโยคนี้ คือคนเดียวกับที่เคยบอกว่าจะปฏิรูปการเมืองหลังการยึดอำนาจ

เขาคงสงสัยว่าทำไม “อำนาจ” จึงทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

ที่สำคัญ คนที่สงสัย ไม่ได้มี “ริป แวน วิงเคิล” เพียงคนเดียว

คนไทยส่วนใหญ่ก็งงเหมือนกัน

ประติมากรรมของ “การดูด” ในยุคนี้ น่ากลัวกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา

ในอดีตสมัยพรรคความหวังใหม่และพรรคไทยรักไทย “ดูด”

ทั้ง 2 พรรคใช้ “ปัญหา” เป็น “หลอดดูด”

นายเสนาะ เทียนทอง และกลุ่มวังน้ำเย็น มีปัญหากับพรรคชาติไทย

“ความหวังใหม่” ก็ดูดเข้ามา

“ป๋าเหนาะ” มีปัญหากับพรรคความหวังใหม่

“ไทยรักไทย” ก็ดูดเข้ามา

ส่วนเรื่องผลประโยชน์หรือการต่อรองเรื่องตำแหน่งการเมืองก็มีอยู่บ้าง

แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก

ไม่เหมือนกรณีการดูดในยุค พล.อ.ประยุทธ์

ที่นอกจากไม่ได้ใช้ “ปัญหา” เป็น “หลอดดูด” แล้ว

แต่ยังใช้ “อำนาจ” เด็ดขาดในมือและพลังสีเขียวกดดันให้กลุ่มการเมืองต่างๆ เข้ามาร่วมในกระบวนการสืบทอดอำนาจ

การเสนอผลประโยชน์และการต่อรองตำแหน่งการเมือง

รวมทั้งการตกเขียวให้ตำแหน่งล่วงหน้าในรัฐบาลชุดนี้

ครบเครื่องเรื่อง “การดูด” ยุค 4.0

แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ การยอมใช้เรื่อง “ความยุติธรรม” เป็น “หลอดดูด”

กรณีของ “กำนันเป๊าะ” และกลุ่มพลังชล ชัดเจนอย่างยิ่ง

นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของ “การดูด” ครั้งนี้

สหายท่านหนึ่งวิเคราะห์ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เชื่อว่า “การดูด คือ ครรลองประชาธิปไตย” จริง

แนวคิดนี้ถือว่าสวนทางกับกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

เพราะ “การดูด” ต้องใช้ “หลอด”

ในขณะที่กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกที่แรงมากในวันนี้คือ การรณรงค์ให้คนเลิกใช้ “หลอด”

เนื่องจาก “หลอดพลาสติก” เป็น “ขยะ” ที่พบมากเป็นอันดับ 2 บริเวณริมชายหาด

“การดูด” จึงเป็นหนึ่งในกระบวนการสร้าง “ขยะ”

“ขยะพลาสติก” ว่าน่ากลัวแล้ว

“ขยะประชาธิปไตย” น่ากลัวกว่า