รวมข่าวเศรษฐกิจ : แบงก์ประสานเสียงไม่ควบรวม / ซีอีโอชี้เลื่อนเลือกตั้งอาจฉุด ศก. / ห่วงศักยภาพแข่งขันค้าส่งฮวบ

แฟ้มข่าว

แบงก์ประสานเสียงไม่ควบรวม

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารยังไม่มีแผนจะควบรวมกับธนาคารพาณิชย์อื่น แต่มองว่าเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐมีมาตรการออกมาและให้สิทธิประโยชน์ภาษีในการควบรวม โดยธนาคารแต่ละแห่งต้องดูความเหมาะสม ความพร้อม และความจำเป็น เพราะแต่ละแห่งมีจุดแข็งและพื้นฐานแตกต่างกัน ทั้งนี้ การควบรวมธนาคารให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจะเป็นผลดี ทำให้ฐานลูกค้าขยายและมีความหลากหลาย แต่อาจทับซ้อนเรื่องสาขา

ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารยังไม่มีมุมมองจะควบรวมกับธนาคารอื่นเช่นกัน เพราะยังแข่งขันได้ และยังมุ่งลงทุนเทคโนโลยีโดยเฉพาะช่องทางโมบายแบงกิ้ง เช่นเดียวกับนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารยังไม่มีแนวคิดควบรวมกิจการ เพราะยังแข่งขันได้

ซีอีโอชี้เลื่อนเลือกตั้งอาจฉุด ศก.

น.ส.สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 พบว่า ซีอีโอส่วนใหญ่ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจครึ่งแรกปี 2561 ปรับตัวดีขึ้น และจีดีพีขยายตัว 3-4% สอดคล้องกับประมาณการธนาคารโลกและองค์กรในประเทศ มีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคท่องเที่ยว และเห็นว่านโยบายการคลังและการใช้จ่ายของภาครัฐ เป็นปัจจัยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงคือความผันผวนของค่าเงิน การปรับค่าแรงขั้นต่ำที่กระทบต้นทุนผู้ประกอบการ และปัจจัยการเมือง แม้กรอบการเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่ยังมีอุปสรรคอาจต้องเลื่อนออกไป เช่น การปรับปรุงกฎหมาย

ธปท.ลุยประมูลพันธบัตร

น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. เริ่มปรับเพิ่มวงเงินประมูลพันธบัตร ธปท. ระยะ 3 เดือน และ 6 เดือน ในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยกำหนดวงเงินประมูลจะคำนึงถึงภาวะตลาด สภาพคล่อง และความต้องการลงทุนพันธบัตรของนักลงทุนในประเทศ รวมทั้งปริมาณพันธบัตรระยะสั้นของภาครัฐโดยรวม สำหรับการปรับเพิ่มวงเงินพันธบัตร ธปท. ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณหรือสะท้อนมุมมองนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดย ธปท. ยังติดตามภาวะอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่อาจเอื้อให้เกิดการเก็งกำไรค่าเงินบาท รวมทั้งพร้อมทบทวนมาตรการดูแลที่มีอยู่ หากสถานการณ์เปลี่ยนไปและมีความจำเป็น โดยตั้งแต่เดือนเมษายนปีก่อน ธปท. ได้ทยอยปรับลดการออกพันธบัตร ธปท. ระยะสั้น เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท

ช.การช่างชิงบิ๊กโปรเจ็กต์

น.ส.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐานและในธุรกิจก่อสร้าง แบ่งเป็น โครงการระบบขนส่งมวลชน 63% โครงการรถไฟทางคู่ 11% โครงการด้านพลังงาน 20% โครงการก่อสร้างถนนและทางด่วน 4% และงานอื่นๆ 2% ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือมูลค่า 72,000 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการที่กำลังดำเนินการมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ และบริษัทพร้อมเข้าประมูลทุกโครงการสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ แต่ต้องศึกษารายละเอียดในเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ก่อน มองว่าการแข่งขันปีนี้จะคล้ายกับปีก่อน อาจมีบางโครงการแข่งขันรุนแรง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ เนื่องจากทางรัฐบาลแบ่งย่อยสัญญาเป็นสัญญาขนาดเล็ก ซึ่งปี 2561 คาดว่าจะมีงานที่ผลักดันโดยภาครัฐทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่รวมมูลค่าประมูลกว่า 4 แสนล้านบาท

ห่วงศักยภาพแข่งขันค้าส่งฮวบ

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความสามารถในการแข่งขันเอสเอ็มอีไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 48.2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2560 ที่อยู่ 47.9 เนื่องจากเศรษฐกิจภาพรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่อยู่ในลักษณะกระจุกตัวและตัวเลขยังต่ำกว่าระดับกลางที่ระดับ 50 โดยดัชนีภาคบริการถือว่าดีที่สุด ที่น่าเป็นห่วงคือภาคการค้า และพบว่าธุรกิจค้าส่งกำลังมีปัญหา เนื่องจากเป็นยุคของค้าปลีกที่เข้าถึงออนไลน์ ส่วนภาพรวมสถานการณ์แข่งขันธุรกิจเอสเอ็มอีไตรมาส 2/2561 ปรับตัวดีขึ้น มาอยู่ที่ 49.2 แต่กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว) มีศักยภาพการแข่งขันแนวโน้มลดลงอย่างมาก สวนทางกับธุรกิจหลายประเภท และหลายรายมีแนวโน้มเลิกกิจการ เพราะได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของธุรกิจออนไลน์ ปัจจุบันเริ่มมีร้านค้าปลีกรายย่อยและห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ต่างหันมาทำกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์ จำหน่ายโดยตรงถึงผู้บริโภคไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ธุรกิจค้าส่งแบบดั้งเดิม ถ้าปรับตัวไม่ได้จะแข่งขันได้ลำบากขึ้น

ยื่นเอฟเอเอปลดล็อกการบินไทย

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับ กพท. ว่า กพท. จะส่งหนังสือไปยังสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ให้เข้ามาตรวจสอบการแก้ไขปัญหาด้านการบินของไทย เพื่อเลื่อนจาก Category 2 หรือระดับ 2 ซึ่งไม่สามารถบินเข้าสหรัฐอเมริกาได้ ให้ไปอยู่ที่ Category 1 หรือระดับ 1 เพื่อให้บินเข้าสหรัฐได้ตามปกติ โดยตั้งเป้าหมายจะปลดล็อกให้ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยเบื้องต้น กพท. จะส่งอีเมลไปยังเอฟเอเอก่อน หลังจากนั้นจะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการตามไปในภายหลัง ซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงวันที่ 30 เมษายน 2561 ว่าทำไปถึงไหนแล้ว รวมถึงรายละเอียดการตรวจมาตรฐานนักบิน

ซึ่งที่ผ่านมามีนักบินของสายการบินต่างๆ ที่ผ่านการตรวจคุณสมบัติจาก กพท. ให้เป็นผู้ตรวจนักบิน 33 คน และเจ้าหน้าที่ของ กพท. อีก 9 คน เข้าทำการตรวจมาตรฐานนักบินที่มีอยู่ 5,000 คนแล้ว โดยจนถึงขณะนี้สามารถตรวจได้เกิน 1,000 คน