วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร/ชืดชา บุญคุณ ความแค้น (128)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

ชืดชา บุญคุณ ความแค้น (128)

ในความเป็นความตายของกิมลุ้นฮวบอ้วงกลับพิสูจน์จิตใจของบรรดาศิษย์ ในความเป็นความตายของกิมลุ้นฮวบอ้วงกลับพิสูจน์จิตใจของเอี้ยก่วย
ราชบุตรฮั่วตู่เด่นชัดว่าต้องการเอาตัวรอด ปลีกหนีจากอาจารย์
ตาเอ่อปากลับแน่วแน่อยู่กับอาจารย์และความที่มันเข้าใจว่าเอี้ยก่วยเป็นตั้วซือเฮียกลับชาติมาเกิดจึงเดือดดาลเป็นการใหญ่
ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไร้น้ำใจต่อซือแป๋ถึงเพียงนี้
“ตั้วซือเฮีย ท่านละเว้นชีวิตผู้น้องรอจนเราช่วยเหลือซือแป๋กลับไปค่อยเดินทางมามอบตัว ยอมรับการจัดการจากซือเฮีย เมื่อถึงเวลานั้นจะฆ่าฟันหรือเชือดเฉือนผู้น้องไม่กล้าขมวดคิ้วนิ่วหน้า”
เอี้ยก่วยย่อมไม่เข้าใจภาษาทิเบต
กระนั้น เมื่อประจักษ์ว่าคนผู้นี้จงรักภักดีต่ออาจารย์สามารถเห็นชัดถนัดตา จึงรู้สึกยกย่องเป็นชายชาตรีอันเข้มแข็ง ขณะเดียวกัน พอเบือนหน้ามองเห็นเซียวเล้งนึ่งจับจ้องมองมายังมันด้วยความรักอันซาบซึ้ง พริบตานั้นสลัดลืมเลือนความคิดฆ่าคนล้างแค้นไปสิ้น
รู้สึกว่าบุญคุณความแค้นในโลกหล้าไม่นับเป็นอย่างไรได้ ยามนั้นขยับยกกระบี่หนัก เหล็กดำไร้คมขึ้นพลางกล่าว
“ท่านไปเถอะ”

ได้ยินดังนั้นตาเอ่อปาผุดลุกขึ้นยืนเพียงแต่เมื่อครู่ใช้กำลังรุนแรงเกินไปเป็นเหตุให้พลังเสื่อมสูญไม่อาจถือกระบองทองมั่น ร่วงลงสู่พื้นดังตัง
ตาเอ่อปาหมอบกราบกับพื้นคำนับต่อเอี้ยก่วย
ยามนี้กิมลุ้นฮวบอ้วงยังนั่งนิ่ง มิอาจขยับเคลื่อนไหว ตาเอ่อปาแบกร่างซือแป๋ขึ้นบนหลังก้าวยาวๆ ลงจากเขาไป
เป็นอันว่าเอี้ยก่วยใช้แขนเดียวโค่น 6 ยอดฝีมือฝ่ายมองโกลพ่ายแพ้ย่อยยับ
คงเหลือแต่เพียงเบ๊กวงจ้อเดินถึงเบื้องหน้าเอี้ยก่วยชูหัวแม่มือยกย่อง “เซียเฮียตี๋ น้องผู้เยาว์วัยเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ”
เห็นเอี้ยก่วยฝืนยิ้มกวาดมองนักพรตหลายร้อยรูป เบ๊กวงจ้อรีบกล่าว
“ยังมีนักพรตโสโครกอีกมากหลายไม่ได้ขับไล่ เราจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
เอี้ยก่วยครุ่นคิด “หากสู้กันตัวต่อตัวนักพรตเหล่านี้ไม่มีผู้ใดเป็นคู่มือของเรา แต่หากทั้งหมดฮือเข้ามาสถานการณ์จะคับขันอันตราย ไม่จำเป็นต้องให้เขาเสี่ยงชีวิตด้วย” ดังนั้น จึงร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
“ท่านรีบไปเถอะ ข้าพเจ้าคนเดียวยังจัดการได้”

เสร็จศึกกับกิมลุ้นฮวบอ้วงและ 6 ยอดฝีมือฝ่ายมองโกล เอี้ยก่วยส่งเบ๊กวงจ้ออำลาจากไปหวนนึกถึงการสัประยุทธ์อันเข้มข้นที่ผ่านมา
มองย้อนกลับไป “วิเคราะห์” อย่างทะลุปรุโปร่ง
พวกของกิมลุ้นฮวบอ้วงกีดกันกันเอง ทยอยลงมือพลางภาวนาให้ผู้อื่นเพลี่ยงพล้ำพลาง หวังจะได้ตักตวงผลประโยชน์ หากทั้ง 6 ฮือเข้ามาโดยพร้อมเพรียงก็ยากจะต้านทานรับได้ อย่าว่าแต่หักล้างกำลังภายในกับกิมลุ้นฮวบอ้วง
ความจริงพ่ายแพ้แน่นอน
ดีที่เซียวเล้งนึ่งแทงเข็มใส่มันจึงค่อยได้ชัยด้วยโชคช่วย เหล่านักพรตสำนักช้วนจินกลับร่วมแรงร่วมใจรับฟังคำสั่งจาก 5 บรรพชิต พลังฝีมือของเหล่านักพรตแม้สู้กิมลุ้นฮวบอ้วงไม่ได้ แต่เมื่อร่วมจิตร่วมใจจะประกอบขึ้นเป็นปราการกำแพง
อานุภาพกล้าแข็งกว่ากิมลุ้นฮวบอ้วงและพวกที่แยกย้ายกันลงมือ
กระนั้นในความคิดอันดื้อรั้นของมัน จะอย่างไรเราอยู่ร่วมกับโกวโกวแล้วจำเป็นต้องต่อสู้จนหมดเรี่ยวสิ้นแรงตกตายไปด้วยกันทั้ง 2 คนเถอะ

บทวิเคราะห์และอาการปลงตกของเอี้ยก่วยเช่นนี้สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัด 1 แยกยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีออก ขณะเดียวกัน 1 มีความเคียดแค้นชิงชังต่อนักพรตสำนักช้วนจินอย่างลึกซึ้ง
เท่ากับสืบทอดความเคียดแค้นชิงชังมาจากอาจารย์แห่งอาจารย์
ได้ยินคู่ชู่กีกล่าว “เจ้าฝึกปรือฝีมือถึงขั้นนี้ชนชาวเราไม่อาจเทียบเทียมได้ แต่สำนักเรามีหลายร้อยคนอยู่ที่นี่ เจ้าเข้าใจว่าสามารถทะลวงฝ่าออกจากวงล้อมหรือ”
เหมือนกับจะเปิดทางให้ “ถอย”
แต่ก็เป็นการถอยในลักษณะยอมจำนน นี่ย่อมขัดฝืนกับมโนธรรมสำนึกและความรู้สึกของเอี้ยก่วยอย่างยิ่ง
คนจำนวนไม่น้อยก็ปรารถนาใคร่รู้คำตอบจากเอี้ยก่วยเช่นเดียวกัน