จรัญ พงษ์จีน : ลางร้ายรับ “ขาลง” รัฐบาล คสช.

ช่วงนี้ รัฐบาลทหารของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ถูกประเมินว่า อยู่ในสถานการณ์ “ขาลง” อะไรต่อมิอะไรดูพิลึกกึกกือ ไม่เป็นมงคลไปหมด

นับหนึ่งจากจุดสตาร์ต ตั้งแต่ “นายตำรวจ” ไปส่งเอกสารที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล และด้วยอารามของความรีบร้อน ดันถอยรถชนกระถาง “อ่างดอกบัวสี” ใบเขื่องที่วางเรียงรายอยู่หน้าสนามหญ้า 10 ใบ แตกกระจัดกระจายไป 1 ใบ

ซึ่ง “อ่างบัว” ดังกล่าวนั้น มิใช่ขี้ๆ ทาง “บิ๊กตู่” เป็นผู้ถอนขนหน้าแข้ง สั่งซื้อมาเองกับมือ และว่ากันว่า มิใช่เพื่อประดับเพิ่มความสวยความงามอย่างเดียว จุดประสงค์หลักเพื่อปรับภูมิทัศน์ แก้ “ฮวงจุ้ย” เสริมสิริมงคล อะไรมากกว่าประมาณนั้น “เจ้าของอ่าง” จึงห่วงดุจไข่ในหิน เดินมาตรวจดูประจำ

ด้วยประการดังกล่าว การที่เครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ “อ่างบัว” ถูกรถถอยชนแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี มีพวก “จิตตก” นำมาแปล ตีความนัยไปกันใหญ่ว่า ทำเนียบมี “ลางร้าย” เลยเร่งแก้อาถรรพ์กันเป็นการใหญ่

“แก้เคล็ด” โดยนำ “โคมเต็งลั้ง” หรือ “โคมตรุษจีน” มาห้อยประดับ เลย “แดงแปร๊ด” ผิดหูผิดตาไปทั้งทำเนียบ

“โคมเต็งลั้ง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนจีน ว่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข ความเจริญ ร่ำๆ รวยๆ และยังหมายถือ “แสงสว่างโชติช่วงชัชวาล”

พออุ่นใจกับ “อ่างบัว” ที่แก้เคล็ด เรียกขวัญโดย “โคมตรุษจีน” ไปได้พักใหญ่ ยังไม่ทันไร ก็เจอกับเรื่องตลกร้ายซ้ำสอง เมื่อมี “มือดี” ซึ่งน่าจะเป็น “คนใน” แอบนำธูป 36 ดอกไปปักที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า

มีการควานหามือปักธูปกันจ้าละหวั่นพัลเก ด้วยความหวาดระแวง หวั่นๆ ว่าจะมีฝ่ายตรงข้ามแอบมาทำ “คุณไสย” หลังจากแก้เคล็ดกับโคมตรุษจีนสำเร็จไปแล้วในยกแรก เพื่อสาปแช่งโชคชะตาให้ย่ำแย่หนักกว่าที่เป็นอยู่

ยังไม่หมด มีประเด็นดราม่า เกี่ยวกับ “คุณไสย” เกิดขึ้นในวันเดียวกันต่อเนื่องอีกเรื่อง “กระถางต้นข่อย” ที่อยู่บริเวณด้านหน้าตึกนารีสโมสร อันเป็นศูนย์แถลงข่าวของทำเนียบรัฐบาล ร้อยวันพันปีไม่เห็นเป็นอะไร จู่ๆ แตกชำรุดอีก 1 กระถาง จากที่มีอยู่ 10 ใบ

และยิ่งไปกันใหญ่ กับ “รัฐบาล 4.0” ไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็มี “อีกา 2 ตัว” บินไล่ตามและรุมจิกตี “นกพิราบ” โฉบมาตั้งแต่บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ผ่านสวนหย่อม ที่ตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ จนมาถึงด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จึงหมดแรงข้าวต้ม “อีกา” รุมกินโต๊ะ จน “นกพิราบ” ไส้ทะลัก

บรรดาปากหอยปากปู นำไปวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นการใหญ่ ว่าเป็น “ลางร้าย” มีเหตุเภทภัยมาอย่างต่อเนื่อง เห็นมั้ยจาก “อ่างบัว-ธูป 36 ดอก-กระถางต้นข่อย-นกพิราบไส้แตก”

คนที่เชื่อ มีความงมงาย นิยม “คุณไสย” ด้วยกันเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิปลอบขวัญ แก้เคล็ดให้กับคนที่เชื่อ และมีรสนิยมเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพได้ แต่เรื่องพรรค์นี้ คนไม่เชื่อ “ก็อย่าลบหลู่”

 

นานาจิตตัง เรื่อง “ไสยศาสตร์” นั่งอธิษฐานขอให้หลวงปู่ช่วยลูกช้างผ่านไปด้วยดีเถิด ตามไปดู ประเด็นการบ้านการเมือง…ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งรูเบ้อเร่อ ไม่รู้รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง จวนจะ 4 ปีเข้าให้แล้ว

จนปานนี้แล้ว ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าจับต้องได้กันเมื่อไหร่ แม้ว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญสมบูรณ์แล้วเสร็จ มีการประกาศใช้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน

แต่ยังมีสิทธิ์ตกม้าตายได้อยู่ ดังที่ทราบยังติดติ่ง “กฎหมายลูก 2 ฉบับ”

ประกอบด้วย “ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.” กับ “พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.” ที่ล่าสุด “ยักษ์ลักมาลิงพาไป” ข้ามเขาวงกต แปลงกายไปเป็น “เขมร” ต้องตั้ง “กรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย” ขึ้นมาพิจารณาอีกยก

3 ฝ่ายที่ว่าประกอบด้วย สนช. 5 คน คณะกรรมการการเลือกตั้ง 1 คน กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญอีก 5 คน รวมเป็น 11 คน

“ฝ่าย 3” มีระยะเวลาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่าง “กฎหมายลูก” 2 ฉบับ ตามข้อทักท้วง ภายในกรอบเวลา 15 วัน ก่อนจะส่งให้ สนช. อีกครั้ง ภายในวันที่ 1 มีนาคม

จากนั้น ทาง สนช. จะนำเข้าโหวตเป็นยกสุดท้าย ในวันที่ 8 มีนาคม เพื่อพิจารณาลงมติ ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น

เกิดรายการหวาดระแวงกันมากว่า “มือที่มองไม่เห็น” จะส่งซิกให้ “สนช.” รุมคว่ำกฎหมายลูกฉบับหนึ่งฉบับใด ทุกอย่างก็ “จบข่าว” ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่

แม้ว่าเสี่ยงที่จะคว่ำร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับให้จมกระเบื้องได้ สนช. “ต้องมีเสียง” ไม่เห็นชอบ “สูงถึง 2 ใน 3 จากจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ หรือเท่ากับ 166 เสียงขึ้นไป

แต่ดังที่บอกแล้วว่า แม้ดูเหมือนเสียงมากขนาดนี้ โอกาสเกิดขึ้นได้ยาก เป็นไปไม่ได้ แต่อย่าลืมเป็นอันขาด เคยมีหนังตัวอย่างให้ดูชมกันมาแล้วมิใช่หรือ กับกรณีที่ “ร่างฉบับเรือแป๊ะ” ของ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” ถูกล้มกระดาน

มติก็ต้องใช้เสียงข้างมาก แต่ “สปท.” ส่วนใหญ่ ก็พร้อมอกพร้อมใจกันฮาราคีรีตัวเอง ดังที่ทราบ

ดังนั้น 2 ใน 3 ที่จะยกมือ “ไม่เห็นชอบ” คว่ำกฎหมายลูก 2 ฉบับ จึงไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ว่า “ใครสั่งกดปุ่ม”

แม้ว่า ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรี จะการันตีเสียงดังฟังชัดว่า “ยืนยันจะไม่ล้ม ใครจะเรียกร้องอะไรต่างๆ น่าจะยุติได้แล้ว หากกลัวจะล้มกฎหมายอะไร ยืนยันว่าไม่ล้ม ถ้าไม่มีเหตุผลโดยสมควร มันล้มไม่ได้อยู่แล้ว”

จริงอยู่ “บิ๊กตู่” จะพูดยังไงก็ได้ เพราะเรื่องของกฎหมายลูก 2 ฉบับที่ยังหลงเหลืออยู่ ขั้นตอนสุดท้าย คนที่ให้คำตอบคือ “สนช.” ไม่ใช่รัฐบาล

คนที่จะคว่ำกระดาน เพื่อยืดโรดแม็ปการเลือกตั้งออกไปให้ไกล และนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือ “สนช.เสียงข้างมาก”

ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่า หากศึกเลือกตั้งระเบิดเถิดเทิงขึ้นตามโรดแม็ป ไม่ว่าจะปลายปี 2561 หรือต้นปี 2562 ทำท่าจะแพ้หมดรูป

คนเป็นแชมป์เมื่อรู้ว่าชกแล้วแพ้ แล้วจะชกให้เมื่อยตุ้มทำไม