ดินแดนโบฮีเมีย หรือสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน ถือเป็นดินแดนที่มีชื่อเสียงด้านภูมิปัญญาการเป่าแก้วมายาวนานกว่า 800 ปี โดดเด่นทั้งด้านคุณภาพ ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีเสน่ห์ที่ชวนหลงใหล นิยมนำมาประดับตกแต่งในปราสาทของราชวงศ์ต่าง ๆ ในทุกยุคสมัย

หนึ่งในแบรนด์ประติมากรรมเครื่องแก้วชั้นนำจากสาธารณรัฐเช็กคือ ลาสวิต (LASVIT) ก่อตั้งโดย ลีออง ยากิมิก (Leon Jakimic) ในปี 2007เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาดั้งเดิมในการผลิตศิลปะเครื่องแก้วจากดินแดนโบฮีเมีย ผสมผสานกับทักษะช่างฝีมือ (craftsmanship) ความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ จิตวิญญาณ และนวัตกรรมสมัยใหม่

ลาสวิต ถือเป็นต้นตำรับการสร้างสรรค์ประติมากรรมจากแสงไฟที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล (bespoke lighting sculptures) และศิลปะจัดวาง (art installations) โดยผลิตจากแก้วหลากหลายประเภท ผลงานของลาสวิตเน้นความประณีต ความงดงาม และงานฝีมือ กลั่นกรองจากจินตนาการ การร้อยเรื่องราว และความถูกต้องแม่นยำโดยกลาสเมกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญ

นอกจากช่างฝีมือของตัวเองแล้ว ลาสวิตได้ร่วมมือกับดีไซเนอร์และศิลปินชื่อดังมากมายเพื่อผลิตคอลเล็กชั่นพิเศษ อาทิ เนนโด (Nendo) พี่น้องคัมปานา (Campana Brothers) รอสส์ เลิฟโกรฟ (Ross Lovegrove) แดเนียล ลิเบสกินด์(Daniel Libeskind) มาร์เตน บาส์ (Maarten Baas)หรือศิลปินในตำนานของเช็กอย่างเรเน่ รูบิเช็ก (Rene Roubicek) และโบเร็ก ซีเป็ก (Borek Sipek)และยังสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่ให้มีโอกาสแสดงฝีมือแจ้งเกิดด้วย

ผลงานของลาสวิตเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมทั่วโลก ได้รับการเชื้อเชิญจากรัฐบาลอิตาลีให้ร่วมบูรณะแชนเดอเลียร์โบฮีเมียนดั้งเดิมในห้องโถงนโปเลียน (Napoleonic Hall) ณ ปราสาทปาลาซโซ แซร์เบลโลนิ (PalazzoSerbelloni) เมืองมิลาน ซึ่งลาสวิตเป็นหนึ่งในบริษัทต่างชาติเพียงไม่กี่บริษัทที่ได้รับการต้อนรับให้เข้าร่วมในการบูรณะประติมากรรมสำคัญในครั้งนี้

ผลงานของลาสวิตที่ถูกกล่าวขานอย่างมากในปัจจุบัน ได้แก่ ประติมากรรมแสงไฟแบบไดนามิก ซึ่งเปิดตัวในปี 2014 เป็นแชนเดอเลียร์ที่ตอบสนองตามจังหวะดนตรีและการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ยืนอยู่ด้านล่าง

ลาสวิตมีบทบาทอย่างมากในการสร้างถ้วยรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก นั่นคือ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ (Tour de France) และมูบาดาล่า เวิลด์ เทนนิส แชมเปี้ยนชิป (Mubadala World Tennis Championship) ซึ่งถ้วยรางวัลจากลาสวิตถูกมอบให้แก่นักกีฬาชื่อดังมากมาย

นอกจากนั้นผลงานของลาสวิตถูกนำไปประดับตกแต่งในหลากหลายสถานที่ชั้นนำ เช่น บริเวณล็อบบี้ของสกายเรซิเดนซ์ แมนฮัตตัน ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา, โรงแรมเพนนินซูล่า ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ในเมืองไทย ก่อนหน้านี้สยามดิสคัฟเวอรี่ได้นำแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่ดีไซน์พิเศษจากลาสวิตมาประดับสร้างความหรูหรา และเร็ว ๆ นี้แสนสิริจะนำผลงานของลาสวิตมาตกแต่งในโครงการ The Monumentทองหล่อ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะสำหรับคนที่สนใจงานศิลปะ คงจะดีหากมีการเปิดให้คนที่ไม่ใช่ลูกค้าโครงการได้มีโอกาสเข้าไปชมสักครั้ง