หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๖)

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๖)

 

ในนิยาย SF มีคอนเซ็ปต์หนึ่งที่น่าสนใจ คือปี Singularity มันคือปีแรกที่มนุษย์จะสามารถถูกสแกนสมองอย่างละเอียด และ Uploaded ลงไปในเครื่องจักรได้ ทำให้เขามีชีวิตเป็นนิรันดร หากแต่การสแกนนี้ หมายถึงเจ้าตัวต้องเสียชีวิต แรกเริ่มจึงมีแต่คนแก่ คนเจ็บป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามอยู่ดี ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่นี้ เป็นสิ่งมีชีวิตจริงหรือ หรือมันเป็นเครื่องจักร หรือเป็นสิ่งใหม่ ใม่ใช่ทั้งมนุษย์ไม่ใช่ทั้งเครื่องจักรอีกต่อไป

นี้เป็นคำถามที่ลึกซึ้งและยากมาก และน่าสนใจ เพราะมันมีสิทธิเกิดขึ้นจริงได้ ด้วยเพราะเทคโนโลยีของมนุษย์พัฒนาขึ้นทุกวัน และ AI ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย จนถึงขีดที่มนุษย์จะควบคุมพวกมันไม่ได้

ฝ่ายที่สนับสนุนคอนเซ็ปต์นี้ เรียกสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ว่า The Immortal หรือพรหม

ฝ่ายที่คัดค้าน เรียกมันว่า The Dead หรืออสุภ

ฝ่ายที่สนับสนุน ก็บอกว่าสิ่งใหม่นี้ดีเหลือเกิน นำพามนุษย์ไปสู่อิสรภาพใหม่ที่ไร้ขอบเขต

ฝ่ายที่คัดค้าน ไม่เห็นด้วยแต่แรก เพราะพวกเขาเชื่อว่า ทุกชีวิตควรต้องตาย เราเกิดมาแล้ว ควรอยู่ยังไง และตายยังไง นี้คือความหมายของชีวิต การที่ชีวิตเป็นอมตะ มันทำลายความหมายของชีวิตไปหมดสิ้น

 

แต่สิ่งดีสิ่งหนึ่งที่ The Immortal ได้ทำขึ้น คือมนุษย์จะไปไหน เป็นอย่างไร อันนี้มนุษย์ตัดสินใจเอง เลือกเอง แต่บัดนี้โลกได้ย้อนกลับคืน กลายเป็นดวงดาวของสิ่งมีชีวิตอื่น หมายถึงพืชและสัตว์อื่นได้ย้อนกลับมาครอบคลุมโลก เพราะเครื่องจักรพวกนี้ กินพลังงานเล็กน้อย และกินเนื้อที่ไม่มากนัก มนุษย์นับล้านล้าน อัดกันอยู่ในเครื่องจักร เท่า Data Centre นับพันนับหมื่น

พรหมนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่ ที่รักสงบอย่างยากจะหาสิ่งอื่นใดมาเทียบเคียงได้

ต่างกับมนุษย์สามมิติ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องจบชีวิตลงด้วยการทำสงครามอย่างแน่นอน หรือไม่ก็เสพกินจนโลกนี้ล่มสลาย

 

Singularity Year ยังไม่เกิดขึ้น มันเป็นเพียงนวนิยาย แต่มีนวนิยาย SF หลายเรื่อง ที่กาลต่อมา ก็กลายเป็นเรื่องจริง มนุษย์เดินทางออกอวกาศใน SF ก่อนจะมีการเดินทางจริง หรือมนุษย์สร้างคอมพิวเตอร์ใน SF ก่อนจะมีคอมพิวเตอร์เครื่องแรก สิ่งมากมายเกิดขึ้นในจินตนาการก่อน แต่แน่ละ ยังมีสิ่งมากมายที่มีอยู่เพียงในจินตนาการเท่านั้น ยังไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริงได้ เช่น ยานเวลา

ความน่ากลัวของชีวิตปัจจุบัน คือเราทุกชีวิต ต้องแหวกว่ายอยู่ในอินเตอร์เน็ต หากเราปฏิเสธมัน ก็เหมือนเรากำลังฆ่าตัวตาย กลายเป็นชีวิตเผ่าพันธุ์ดึกดำบรรพ์ เราจึงต้องแหวกว่ายอยู่ในนั้น เหมือนปลาเป็นต้องว่ายน้ำได้ มีแต่ปลาตายที่ลอยล่องไปกับสายน้ำ

แต่ทันทีที่เราแหวกว่ายอยู่ในอินเตอร์เน็ต ก็เกิดปัญหามากมาย

เราแบ่งค่าย แบ่งขั้ว ลึกล้ำกว่าเดิม

มีบางพรรคบอกว่า จะข้ามการแบ่งขั้ว นี้คือการโกหก เพราะมันทำไม่ได้จริง ขั้วของโลกเรามีแต่จะลึกล้ำกว่าเดิม ยิ่งห่างไกลกัน ยกเว้นแต่ว่าคุณจะสามารถหยุดอินเตอร์เน็ต แต่คุณหยุดมันไม่ได้หรอก

การแบ่งขั้วนี้ล้ำลึกกว่าเดิม เพราะฝ่ายเสรีนิยมมีมิติมากขึ้น แต่ฝ่ายอนุรักษ์ก็มีมิติมากขึ้นด้วย มันเป็นเงาของกันและกัน เรียกว่ายิ่งสุดกู่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

 

มีข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวที่ขัดแย้งกันเป็นตรงข้าม ออกมาในเวลาเดียวกัน ออกมาทุกวัน บางทีเฉือนกันแค่วินาที มีสักกี่คนที่แยกแยะออก และมีหลายข่าวที่ไม่มีทางใดที่เราจะรู้ได้เลยว่าจริงหรือเท็จ คนมีสติปัญญาสูงสุด คือคนที่นิ่งพอจะหยุดคิด หยุดเชื่อ และเฝ้าสังเกต การคลึ่คลายของเหตุการณ์ ต้องรอศาลฎีกาออกมาตัดสิน

เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย เหมือนอาหารอันโอชะ สำหรับคนที่มีรสนิยมทางนี้ และเสพได้ตลอดชีวิต

คนตายแล้วฟื้นคืนชีวิต และกระโดดโลดเต้นกับบทบาทใหม่

คนสวยที่สุด ก็กลายเป็นน่าเกลียดในพริบตา

จะมีสักกี่คน ที่มีสตินิ่งเพียงพอจะจำแนกแยกแยะทฤษฎีสมคบคิด ออกจากความจริง

มีวันล้างโลกปลอมมากมายเกิดขึ้น ก่อนที่จะมาถึงวันล้างโลกจริง

 

ความน่ากลัวของ Singularity Year ไม่ได้อยู่ที่คนแก่ คนป่วยไข้ เข้าไปในเครื่องจักรเหล่านั้น หากแต่อยู่ที่ว่า อย่างช้าๆ มันจะชักจูงคนหนุ่มสาว และเด็กๆ ให้เข้าไปด้วย และทิ้งโลกแห่งความจริงนี้เสีย เหมือนคนกินยาบ้า

วันหนึ่งโลกนี้แทบจะไม่เหลือผู้คน

เพราะชีวิตมนุษย์ได้ถูกดูดกลืน หายไปในเครื่องจักรเกือบหมดแล้ว

Personal Computer ค่อยๆ ดับทีละเครื่อง

ประชากรจะค่อยๆ ลดจำนวนลง จนเหลือศูนย์

บ้านเมืองจะค่อยๆ กลายเป็นป่าเขา

เครื่องจักรจะสร้างอาณาจักรของพวกมันเองมาแทนที่

ไม่ใช่ Personal Computer ที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวัน หากแต่เป็นอาณาจักรของเครื่องจักรที่ใหญ่โต ซับซ้อน หลากมิติ และเป็นอะไรที่เราไม่รู้จัก

 

น่าประหลาด วันนี้ฉันอ่านหนังสือต่อไปนี้ ในฉบับภาษาอังกฤษได้อย่างเพลิดเพลิน แม้จะรู้เรื่องหมดแล้ว ไม่มีอะไรคาดไม่ถึงเลย

ไซอิ๋ว

สามก๊ก

ซ้องกั๋ง

ความฝันในหอแดง

ดอกเหมยในเจกันทอง

มันคือนวนิยาย ที่ถือเป็นวรรณกรรมคลาสสิคของจีนห้าเล่ม

ถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันไม่เบื่อหน่าย มันซ้ำซาก เก่าแก่เหลือเกิน ฉันเคยอ่านมาแล้วหลายครั้ง ทำไมครั้งนี้จึงยังเพลิดเพลิน วางไม่ลงอยู่อีก มีน้ำเนื้อตรงไหนนะ

แล้วอยู่ๆ ฉันก็รู้ตัว ว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนวันที่ฉันดูภาพเมืองไทยในอดีต แต่ละภาพ จะมีมนต์สะกด ชวนให้หลงใหล

ที่แปลกคือ มันต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ภาษาไทย ฉันไม่รู้ เพราะไม่เคยลอง แต่ภาษาจีน กลับไม่ได้ เวลาอ่านภาษาจีน ภาพที่เห็นมันชัดเกินไป น่าเบื่อ หากแต่เวลาอ่านภาษาอังกฤษ มันมีความพร่ามัวบางอย่าง เหมือนมองภาพอดีต และตรงนี้เอง ที่กลายเป็นเสน่ห์

ประเด็นนี้ล้ำลึกเหลือเกิน

 

ฉันอ่านนิยาย SF เรื่องหนึ่ง ซึ่งบรรยายถึงวันเกิดเจ็ดวัน ของตัวละครหญิงตัวหนึ่ง มันเป็นวันเกิดของเธอ ในวันที่เธออายุ

๗ ขวบ

๔๙ ปี

๓๔๓ ปี

๒,๔๐๑ ปี

๑๖,๘๐๗ ปี

๑๑๗,๖๔๙ ปี

๘๒๓,๕๔๓ ปี

การที่เธอมีอายุยืนขนาดนี้ เพราะจิตสำนึกของเธอได้ถูกถ่ายลงไปในเครื่องจักร ในปี Singularity และเข้าไปหลอมรวมกับจิตสำนึกของมนุษย์อีกนับล้านล้านดวงจิต ก่อกำเนิดเป็น Matrioshka’s Brain ซึ่งเป็นสมองยักษ์ ซึ่งมีความสามารถในการคำนวณอย่างมหาศาล สมองนี้อาศัยพลังงานจากดาวฤกษ์โดยตรง โดยอาศัยเครื่องจักรขนาดยักษ์อีกชิ้นหนึ่ง เรียกว่า Dyson Sphere เครื่องจักรนี้มีขนาดใหญ่ ขนาดว่าสามารถครอบคลุมได้ทั้งดวงอาทิตย์

เป็นธรรมดาอยู่เอง ที่พอเธออายุสามร้อยกว่าปี มันก็เป็นจินตนาการของนิยาย SF ซึ่งสมองของฉันก็ไม่อาจรับรู้ได้ ไม่รู้ความหมาย ไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงไหม และมีอยู่ไปทำไม แต่มันก็ไม่ได้ว่างเปล่า และมิได้หมายความว่า ฉันจะชอบวันที่เธออายุ ๗ ขวบ หรือ ๔๙ ปีมากกว่า ฉันมิได้อ่อนไหวอย่างนั้น ดวงจิตของฉันแข็งกร้าวกว่านั้น แต่ทว่าก็มิได้แข็งกร้าวเพียงพอ

ฉันพบตัวเองอยู่กึ่งกลางนิยายคลาสสิคห้าเล่มนั้น กับนิยาย SF เหล่านั้น ล่องลอยไปมา เหมือนแมลงมีปีก

 

Singularity Year ยังมาไม่ถึง แต่ทว่า มีสิ่งมากมายมาถึงแล้ว มันเป็นความยอกย้อนของสิ่งรอบตัว สิ่งประเมินไม่ได้

ความเศร้าของสงครามโลกได้เข้ามาถึง สิ่งที่คิดให้ตาย ก็ไม่น่าเกิด ไม่น่าเป็น หากแต่ในความเป็นจริง มันจะเกิด มันจะเป็น นี่มันอะไรกันหนอ ทำไมชีวิตช่างว่างเปล่า ไร้สาระขนาดนี้

ฉันเดินเล่นริมลำคลอง มองดูท้องฟ้าสีบานเย็น วัดวาอาราม และมัสยิด ทุกอย่างกลมกลืน และละมุนตามาก แต่ทว่า ความรู้สึกหนึ่งบอกฉันว่า ฉันจะได้เห็นภาพแบบนี้อีกไม่นาน

ชีวิตเกิดมาแล้วก็ตาย ท่ามกลางความฝันและความเจ็บปวด ปัญหาคือ อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต สิ่งใดกันแน่ ที่เป็นผีกระสือ คอยหลอกหลอน

สำหรับเสรีประชาธิปไตย มันคืออดีต สำหรับกลุ่มอนุรักษ มันน่าจะเป็นอนาคต ที่เป็นผีกระสือ คอยมาหลอกมาหลอน