ถึงเวลา…ภารกิจบอลไทย กู้ศักดิ์ศรีทวงแชมป์ซีเกมส์

จับสลากออกมาเรียบร้อยแล้วสำหรับทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี ชุดแบกภารกิจ “เพื่อชาติ” กอบกู้ศักดิ์ศรีวงการลูกหนังเมืองไทยด้วยการไป “ทวงแชมป์” ฟุตบอลชาย กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 “พนมเปญเกมส์” ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566

ทีม “ช้างศึก” ดีกรีรองแชมป์เก่า ถูกจับสลากมาอยู่สายบี ร่วมกับเวียดนาม (แชมป์เก่า), มาเลเซีย, สิงคโปร์, ลาว ส่วนสายเอ ประกอบด้วย กัมพูชา (เจ้าภาพ), อินโดนีเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และติมอร์ เลสเต

ฟุตบอลชาย จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2566 ไปจนถึงวัน 16 พฤษภาคม 2566 โปรแกรมฟาดแข้งของทีมชาติไทย เริ่มจากนัดแรก วันที่ 30 เมษายน 2566 ทีมชาติไทย พบ สิงคโปร์ เวลา 16.00 น.

วันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย เวลา 16.00 น.

วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ทีมชาติไทย พบ ลาว เวลา 16.00 น.

วันที่ 11 พฤษภาคม ทีมชาติไทย พบ เวียดนาม เวลา 19.00 น.

 

ซีเกมส์คราวที่แล้ว “ช้างศึก” ไปแพ้เวียดนามที่กรุงฮานอย ในรอบชิงชนะเลิศ 0-1 ทำให้การทำภารกิจของทีมชุดนั้น “ล้มเหลว” โดยปริยายเพราะเป้าหมายของทีมฟุตบอลไทยในระดับอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์ หรือชุดใหญ่อย่างชิงแชมป์อาเซียนแล้ว เป้าหมายจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “แชมป์” สถานเดียว

เราพลาดแชมป์ 2 หนหลังติดต่อกันในซีเกมส์ แต่ก่อนหน้านั้น เราคว้ามา 3 ครั้งติดตั้งแต่ปี 2013 ที่เมียนมา, 2015 ที่สิงคโปร์ และ 2017 ที่มาเลเซีย

ตั้งแต่สมัยเป็นกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 เมื่อปี 1959 จนเปลี่ยนมาเป็นซีเกมส์ จนถึงปัจจุบัน บอลไทยครองเจ้าลูกหนังในภูมิภาคนี้มาโดยตลอด กวาดแชมป์ไปทั้งหมด 15 แชมป์ ส่วน “รองแชมป์” ขอไม่พูดถึงเพราะในระดับอาเซียน การเป็นรองแชมป์ถือว่าไม่น่าจดจำใดๆ

ดังนั้น การไปซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ถือเป็นงานหนัก กดดันของทั้งตัวนักเตะ ทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ที่นำโดย “โค้ชหระ” อิสระ ศรีทะโร รวมไปถึง “บิ๊กหยิม” ยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติไทยชุดนี้ ที่ต้องแบกรับไว้บนบ่า

ซีเกมส์ อย่างที่ทราบการไปคว้าแชมป์ถือว่าเสมอตัวกลับเมืองไทย แต่หากพลาดขึ้นมา โดนด่ากันเละทั้งบ้านทั้งเมือง อีกแง่หนึ่งมันเดิมพันอะไรหลายๆ อย่าง สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างเช่นกัน ดังนั้น ถึงเวลาที่ทีมฟุตบอลไทยชุดนี้ต้องเน้นกันเต็มที่กับผลงาน

โครงสร้างทีมชุดนี้ แกนหลักจะใช้นักเตะชุด “โดฮา คัพ” ที่เราไปลองทีมกันมาและสร้างผลงานได้ดีพอสมควร นำโดย ถิรวุฑ สรวลสรรค์ (เกษตรศาสตร์ เอฟซี), อิรฟาน ดอเลาะ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), โจนาธาร เข็มดี (ราชบุรี เอฟซี), ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (การท่าเรือ เอฟซี), ทรงชัย ทองฉ่ำ (ชลบุรี เอฟซี), ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ (ชลบุรี เอฟซี), ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว (ชลบุรี เอฟซี), บุคฆอรี เหล็มดี (คัสตอม ยูไนเต็ด), เศรษฐสิทธิ์ สุวรรณเศรษฐ์ (ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด), ลีออน พิชญ เจมส์ (หนองบัว พิชญ เอฟซี), ศิริมงคล รัตนภูมิ (โอเอช ลูเวิน), ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท (เมืองทอง ยูไนเต็ด), อนันต์ ยอดสังวาลย์ (ลำพูน วอริเออร์) และวิลเลียม ไวเดอร์เฌอ ดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวีเดน

เห็นได้ชัดว่า ฟุตบอลชายซีเกมส์ 2023 “เจ้าภาพ” กัมพูชา ทำแสบไว้ตั้งแต่การจับสลากแบ่งสาย เพราะจากมาตรฐานสากล ทีมวาง 1 และ 2 จะถูกแยกไว้คนละสายกัน โดยครั้งนี้แน่นอนว่า เวียดนาม เป็นวาง 1 เพราะเป็นแชมป์เก่า ส่วนไทย ดีกรีรองแชมป์เป็นทีมวาง 2

แต่ทั้งคู่โดนพิษ ข้าจะเอา ข้าจะจัดแบบนี้ ใครจะทำไม” จับเอาทั้งเวียดนามและไทย มารวมอยู่กลุ่มเดียวกันในสายบี แล้วให้ตัวเองไปอยู่กลุ่มเอ ในฐานะเจ้าภาพ ร่วมกับอินโดนีเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และติมอร์ เลสเต

เอาตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมนะ กัมพูชาเขาเกรงกลัวมาตรฐานและศักดิ์ศรีของทั้งเวียดนามและไทย จึงเลือกแบบนี้เพราะคิดว่าดีที่สุดสำหรับทีมตัวเอง แต่ข้อเท็จจริงตามชื่อชั้นและมาตรฐานฟุตบอลคือ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะเข้ารอบตัดเชือก ส่วนกัมพูชา, เมียนมา และติมอร์ เลสเต จะกระเด็นตกรอบ

เว้นเสียแต่ว่า ท่านเปาจะแสดงอิทธิฤทธิ์ “นกหวีดหวาน” ช่วยเจ้าภาพได้จุดโทษแบบงงๆ สักนัด หรือ 2 นัด

 

ข้ามมาที่กลุ่มของเรากันบ้าง เมื่อวิเคราะห์จากสายแข่งของทีมฟุตบอล “ช้างศึก” ชุดซีเกมส์ 2023 นัดแรก เปิดหัวพบกับสิงคโปร์ ถ้าเราไม่ประมาท ตื่นสนาม และเป็นนัดแรกของทัวร์นาเมนต์แล้วนั้น เราเหนือกว่าสิงคโปร์แน่นอน และน่าจะกระทุ้ง 2-3 ตุงด้วยซ้ำ

นัดที่สอง “ช้างศึก” จะพบกับ “เสือเหลือง” มาเลเซีย นัดนี้แหละสำคัญ และเป็นงานโคตรหินของทีมชาติไทย โอกาสจบเจ๊าแบบยิงกันน้อยๆ ค่อนข้างสูง

นัดที่สาม “ช้างศึก” จะพบกับ ลาว บอกเลยว่า นัดนี้คือ นัดที่ง่ายที่สุดของทีมชาติไทยก็ว่าได้ แม้จะพักผู้เล่นแกนหลัก ก็ยังจะเก็บ 3 แต้มแบบสบายๆ และน่าจะกระทุ้งคู่แข่งได้ 4 เม็ดอย่างน้อย

นัดที่สี่ “ช้างศึก” จะเจอกับคู่ปรับตัวฉกาจ “ดาวทอง” เวียดนาม บอกเลยว่า นี่คือเกมมหาโหดวัดใจของทีมช้างศึก ถ้าใจไม่นิ่งพอ โอกาสไร้แต้มในนัดนี้มีสูง เกมน่าจะออกมาสูสีสุดๆ วัดกันที่ความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย

จบรอบแบ่งกลุ่ม เชื่อว่า เวียดนามจะเข้ารอบตัดเชือกเป็นที่ 1 ของกลุ่มบี และไทยเป็นที่ 2 ของกลุ่มบี ในวันที่ 13 พฤษภาคม แล้วทั้งคู่จะไปเจอกันอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 16 พฤษภาคม เป็นการรีแมตช์รอบชิงที่เวียดนาม

ใกล้ถึงเวลารวมพลังกัน จับมือกันอีกครั้ง เพื่อร้องเพลงชาติไทยให้ดังกึกก้องในสนามมรดก เตโช พนมเปญ สังเวียนฟาดแข้งนัดสุดท้ายบอลซีเกมส์

เกิดเป็นไทย ไม่เชียร์ไทย ได้ยังไง ถึงเวลารวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย

เดอะ โชว์ มัส โก ออน… •

 

เขย่าสนาม | เงาปีศาจ