ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
มติชนสุดสัปดาห์ สัปดาห์นี้
ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง ไปคุยกับสุเทพ เทือกสุบรรณ
น่าสังเกตว่า แม้ปี่กลองการเมืองจะดังกระหึ่ม
แต่ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ ในวัย 74 ปี ที่ตอนนี้ทุ่มเทอยู่กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ไม่อยากคุยเรื่องการเมืองนัก
โดยย้ำว่า ยังรักษาคำพูด จะไม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง และไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่เล่นการเมือง
แต่ก็มีความเห็นทางการเมือง
ความเห็นที่มีใจเต็มเปี่ยมให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“ต้องบอกตรงๆ ว่าผมชอบเขา
…ชอบเพราะเขาซื่อสัตย์สุจริต
เขาจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
เขาเป็นนายกฯ มาเจ็ดแปดปี ไม่เคยมีชื่อเสียงเสียหายเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น บ้านเขาไม่รับแขก ไม่เปิดประตูหลังบ้าน อย่างนี้ผมว่าเขาดี…”
“ผมให้ (คะแนน) 99% หรือ 100 เลยก็ได้ เพราะผมเปรียบเทียบกับคนอื่น ถ้ามาเป็นนายกฯ ผมกลัวว่าจะพาความยุ่งยากความวุ่นวายมาให้ประเทศ…เพราะฉะนั้น ผมอาจจะเป็นพวกอนุรักษ์ และเห็นว่าคนเดิมอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ใช้ได้อยู่”
แจ่มชัดท่าทีของนายสุเทพ ให้เครดิต พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ “คนดี”
ซึ่งหากพิจารณาผ่านคอลัมน์ “กาลเปลี่ยนแปลง” ของ “ประจักษ์ ก้องกีรติ”
ในเรื่อง “วาทกรรมคนดีในการเมืองไทย”
ท่าทีนายสุเทพ ย่อมไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก
อาจารย์ประจักษ์ชี้ว่า การเมืองไทยร่วมสมัย วิกฤตการเมืองตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมานั้น
วาทกรรมคนดีถูกปลุกและผลิตซ้ำขึ้นมาอย่างคึกคัก
โดยเฉพาะกับการขับเคลื่อนของ กปปส. หรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่ได้ชูวาทกรรมการต่อสู้แบบสงครามระหว่างพลังฝ่ายธรรมะกับอธรรมเป็นหลัก
นายสุเทพประกาศแนวคิดเรื่อง “รัฏฐาธิปัตย์” ว่าตนเองจะสถาปนาอำนาจรัฐขึ้นมาและจัดตั้งรัฐบาลของ “คนดี” โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง
เน้นย้ำว่ากำลังต่อสู้เพื่อสร้างการเมืองที่คนดีได้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง
และป้องกันไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคนชั่วได้มีอำนาจ
แม้วันนี้ นายสุเทพจะวางบทบาทตนเองในฐานะ “คนนอก”
กระนั้น น่าสังเกตว่า วาทกรรมคนดีและการเลือกคนดีให้ปกครองบ้านเมืองไม่ได้ไปไหน
ยังปรากฏตัวอีกครั้งในเวทีหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ด้วยเพราะองค์ประกอบของบุคลากรและพลังทางการเมืองสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีอดีตแกนนำ กปปส. เข้ามามีบทบาทในฐานะแกนกลางและขุมกำลังหลักของพรรคจำนวนมาก
คำปราศรัยเชิดชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็น “คนดี” จึงยังถูกนำมาใช้เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งปี 2566
โดยมีความเชื่อ และคาดหวังว่าการสร้างภาพลักษณ์ “คนดี”
น่าจะเป็นจุดขายที่ช่วยตรึงและดึงคะแนนเสียงให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ได้
แต่กระนั้น อาจารย์ประจักษ์ก็มีข้อสังเกตที่ชวนให้คิด
นั่นคือ บริบทการเมือง พ.ศ.2566 แตกต่างจาก พ.ศ.2557 ไปอย่างมาก
จึงไม่แน่ใจว่า วาทกรรมคนดียังเป็นจุดขายทางการเมืองที่มีพลังหรือไม่
ยิ่งกว่านั้น นอกจากจะมีคำถามเรื่องขายได้แล้ว
คำปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ชูเรื่องคนดีขึ้นมาเกื้อหนุนหนุน พล.อ.ประยุทธ์
ในตอนนี้กลับกลายเป็นปัญหาเสียเอง
ปัญหาที่ถูกร้องเรียนให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง เข้ามาตรวจสอบ
ดังนั้น การชูความดีที่เป็นนามธรรมเป็นยุทธวิธีทางการเมือง
จึงไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
จนสามารถเอาชนะคู่แข่งจากพรรคอื่นๆ ได้
จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่
แน่นอนผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าจะเป็นคำตอบ •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022