33 ปี ชีวิตสีกากี (9) | เสี้ยววินาทีความเป็นความตาย กระโดดน้ำช่วยเรือพ่อ-แม่-พี่สาวล่ม

เสี้ยววินาทีความเป็นความตาย
กระโดดน้ำช่วยเรือพ่อ-แม่-พี่สาวล่ม

หนังสือแบบเรียนสมัยผมนั้น ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง สามารถใช้ของเก่าได้ เป็นการช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีฐานะทางบ้านไม่ดีได้มากจริงๆ

ผมขอพูดถึงป้า พี่สาวของพ่อผมและเป็นผู้หญิงคนเดียวในหมู่พี่น้องของพ่อ ที่มีลูกชายคนที่เก่งมากๆ

ป้าจะมาเยี่ยมพ่อผมเป็นประจำ และห่วงใยพ่อผมซึ่งเป็นน้องชายคนสุดท้อง รวมทั้งหลานๆ ก็คือผมด้วย

ป้าจะพูดดี ชี้ชวนให้หลานๆ ทุกคนกตัญญู รักพ่อแม่ ช่วยพ่อแม่ทำงาน ขยันเรียนและให้เป็นคนซื่อสัตย์

เมื่อผมเป็นตำรวจแล้ว ไปเยี่ยมป้าทุกครั้ง ก็ยังเตือนผมให้ทำงานอย่างซื่อสัตย์ เพื่อชื่อเสียงของครอบครัว พูดเหมือนกับพ่อผมทุกอย่าง

ป้าผมจะรู้ลึกซึ้งเรื่องหนังสือจีนมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ

แต่ป้าเป็นคนหัวดี และเป็นคนสนใจใฝ่หาความรู้ แค่ไปดูไปฟังเขาแล้วมาฝึกฝนตนเอง ก็สามารถอ่านหนังสือจีนได้เป็นเล่มๆ ภายหลังยังเอาหนังสือเหล่านั้นมาให้พ่อผมอ่านอีกด้วย

ณ เวลานั้น หนังสือเรียน ไม่ได้เชิญชวนให้ผมรักการอ่านเลย แต่ผมกลับสนใจหนังสือที่ผมยอมเอาค่าอาหารที่พ่อให้ไปโรงเรียนไปซื้อหนังสือนี้ที่ออกเป็นรายเดือน

คือ หนังสือเด็กก้าวหน้า ซึ่งจะมีเรื่องที่ผมสนใจอ่านมากมาย เป็นความรู้รอบตัว

ผมจะเฝ้ารอเมื่อถึงเวลาจะเดินไปตลาดแล้วซื้อกลับมาอ่านที่บ้าน

จนเมื่อโตขึ้นมาอีกสักหน่อย ก็ติดตามอ่านหนังสือชัยพฤกษ์ สำหรับเด็กอย่างผม ยอมเสียเวลาอ่านจนหมดเล่ม

ต่อมา ยังมี ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ ชัยพฤกษ์การ์ตูณ อีกด้วย เป็นของไทยวัฒนาพานิช

และผมอยากได้รับรางวัลเป็นหนังสือต่างๆ จึงลงแรงตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ที่หนังสือจะมีคำถามทุกฉบับให้เด็กที่สนใจตอบ

ซึ่งผมมักจะตอบถูกและได้รับรางวัลเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาเรียน

รวมทั้งผมยังวาดรูปหรือต่อเติมภาพ ส่งไปแข่งขันด้วย และได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลบ่อยๆ

กิจกรรมเหล่านี้จะฉุดความสนใจการเรียนของผมจนเกือบหมด

 

ช่วงที่ผมใกล้จะจบจากชั้น ป.7 โรงเรียนเทศบาลบ้านตลาดกระทุ่มแบน

มีอยู่วันหนึ่ง หลังเลิกเรียน ผมเพิ่งจะเดินผ่านสะพานเริงบุญ มาถึงร้านค้าที่ผมมักจะแวะซื้อขนมบ่อยๆ ในทันทีทันใดนั้น ผมเหลือบไปเห็นเสียงเรือหางยาวลำใหญ่ที่รับส่งคนโดยสารวิ่งอย่างเร็วในคลองภาษีเจริญ จนเกิดคลื่นสูงมากเมื่อเรือวิ่งแหวกสายน้ำไป เป็นเวลาเดียวกันกับเรือที่ติดเครื่องหางยาววิ่งไปทางเดียวกัน คือ มุ่งหน้าจะกลับไปทางบ้านผม

ปรากฏว่าเรือลำนั้นบรรทุกของมาหนักเกือบเต็มลำเรือ และมีลักษณะกำลังจะตกท้องคลื่นที่เรือหางยาวโดยสารลำนั้นทิ้งเอาไว้ และเรือกำลังจะล่ม น้ำกำลังซัดใส่เรือ

ผมจำได้ นั่นเป็นเรือของบ้านผม และมีพ่อผมเป็นคนขับ มีแม่กับพี่สาวคนโตนั่งมาด้วย เพิ่งกลับมาจากไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ตลาดกระทุ่มแบน เพื่อจะเอาไปทำขนมขายช่วงเทศกาลตรุษจีน

ผมเห็นดังนั้น ด้วยสัญชาตญาณของผม ผมตัดสินใจทิ้งกระเป๋านักเรียน แล้วกระโดดลงไปในคลองทันที เพื่อไปช่วยพ่อแม่ และพี่สาวของผม

เป็นเหตุการณ์ที่สุดระทึกครั้งหนึ่งในชีวิตผม ที่ผมมีความห่วงใยต่อครอบครัวผม โดยผมไม่นึกถึงสิ่งใดทั้งนั้น ทำอย่างไรที่จะให้พ่อแม่พี่สาวปลอดภัย แม้ผมจะเป็นเด็กนักเรียนแค่ชั้นประถมปลายเอง

และที่สุดเหตุการณ์เรือล่มจมน้ำครั้งนั้น ก็ผ่านไปอย่างทุลักทุเล ข้าวของบางส่วนเสียหาย เอากลับคืนมาไม่ได้ เช่น น้ำตาลทรายที่ซื้อใส่กระสอบมา แต่พวกเครื่องเรือน ตู้เสื้อผ้า ยังนำกลับมาใช้ได้

และทุกคนไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพียงแต่เปียกน้ำกันหมด

เหตุการณ์ครั้งนี้ ผมจะเลือนไปบ้างเกี่ยวกับวันเวลา แต่จดจำช่วงวิกฤตที่ผมตัดสินใจโดดลงไปช่วยทันทีทันใดโดยใช้เวลาคิดแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

พี่สาวผมเล่าว่า แม่ชอบพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนี้บ่อยๆ

 

มุ่งหน้าสู่โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม

เมื่อการสอบภาคปลายของชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 เสร็จสิ้น เพื่อนๆ ในห้องส่วนมากจะเตรียมไปสอบเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม ชานเมืองกรุงเทพฯ และมีเพื่อนบางคนไปเรียนที่อื่น บางคนก็ไม่ได้เรียนต่อ

เพื่อนผมหลายคนหลังจากแยกกันแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ก็ไม่เคยเจอหรือได้รับข่าวคราวอะไรเลย

ผมได้ไปสอบเข้าเรียนชั้น ม.ศ.1 ได้เข้าเรียนห้อง ก. คุณครูประจำชั้นชื่อ คุณครูอรทัย จันทร์แจ่ม มีเพื่อนร่วมชั้นจากโรงเรียนเดิมมาเรียนด้วยกันอีกกลุ่มใหญ่ และเรียนด้วยกันมานานหลายปี เช่น อนุรักษ์ สุรางคพาณิชย์ กัญญา ดรุณอาภรณ์ ประพนธ์ ศักดาสุคนธ์ กำธร ตันธนวิกรัย วิโรจน์ ปริศนาวาณิชย์ ไพศาล ชวนชื่น

ส่วนเพื่อนใหม่มีหลายคน ทั้งที่อยู่ที่หนองแขม และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น เดช แสงศิริ จรินทร์ แถวเที่ยง รวิวรรณ นาควัชระ สมศักดิ์ มณฑาทิพย์ จักรกฤช เล็กท่าไม้

เพื่อนหลายคนในกลุ่มนี้ เมื่อผมไปเป็นตำรวจ จนเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรที่จังหวัดทางภาคใต้นานหลายปีแล้ว ยังตามไปเยี่ยมผมถึงโรงพักที่ผมทำงาน

เมื่อเขียนถึงชื่อเพื่อนๆ ในอดีต ทำให้คิดถึงเพื่อนเก่าๆ ว่าเวลานี้พวกเขาทำอะไรกันอยู่นะ อยากไปเยี่ยมไปเจอ

การเดินทางจากบ้านผมไปโรงเรียนวัดมัธยมวัดหนองแขม ต้องนั่งเรือหางยาวไปเรียน

โดยเรือหางยาวจะวิ่งไปตามลำคลองภาษีเจริญ ไกลกว่า 10 กิโลเมตร เรือหางยาวนี้จะวิ่งประมาณกว่า 30 นาที เส้นทางโดยใช้เรือในสมัยนั้นจะสะดวกกว่าทางรถยนต์หรือทางบก

ผมต้องเดินจากบ้านประมาณ 06.30 น. ซึ่งทุกเช้าแม่จะเปิดวิทยุ ฟังรายการคุยโขมง หกโมงเช้า จัดโดย ดุ่ย ณ บางน้อย หรืออำนาจ สอนอิ่มสาตร์ มีข่าวให้ฟังทุกประเภท ทั้งข่าวการเมือง ข่าวต่างประเทศ ข่าวชาวบ้าน ข่าวกีฬา

ผมชอบฟังข่าวกีฬา และอยากรู้ผลการแข่งขันใครแพ้ ใครชนะ ทั้งฟุตบอล หรือชกมวย

แต่กว่าข่าวจะมา ก็ได้เวลาที่ต้องออกจากบ้าน เพราะต้องรีบไปลงเรือหางยาว บางทีฟังข่าวไม่ทันจบ ก็ต้องรีบออกจากบ้าน

ผมต้องเดินไปข้ามคลอง ซึ่งสะพานข้ามคลองอยู่หน้าร้านขายกาแฟตรงกลางคลอง ข้ามสะพานแล้วต้องเดินไปตามร่องสวน เพื่อไปนั่งเรือหางยาวที่จะวิ่งผ่านไปตามคลองภาษีเจริญหรือคลองใหญ่

และท่าเรือที่ผมไปคอยเรือหางยาวเป็นท่าเรือของบ้านที่มีเรือโดยสารหางยาวและมีอาชีพวิ่งรับจ้างเรือโดยสารหางยาวด้วย ผมต้องเดินออกมาจากบ้านแต่เช้าให้ทันเรือโดยสารลำนี้

และที่ท่าเรือแห่งนี้ก็จะมีญาติกันนั่งเรือไปเรียนที่หนองแขมด้วยกันหลายคน มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง

ค่าโดยสารจะจ่ายเป็นรายเดือน ประมาณ 30 บาทต่อเดือนต่อคน แล้วค่าโดยสารก็ขึ้นไปเรื่อยในแต่ละปี

เรือโดยสารหางยาวจะมีหลายลำที่วิ่งรับส่งเด็กนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดหนองแขม โดยจะวิ่งรับนักเรียนจากตลาดกระทุ่มแบน แล้วรับระหว่างทาง จนเต็มลำ และไปส่งที่ท่าเรือที่ตลาดหนองแขม

ถ้ามีนักเรียนนั่งมาเต็มที่นั่ง เรือโดยสารลำนี้จะไม่จอดแวะรับ ก็ต้องรอเรือโดยสารลำต่อไป

แต่ในช่วงตอนเช้าผมไม่ต้องคอยเรือ เพราะโชคดีที่ท่าเรือที่ไปคอยเจ้าของท่าเรือก็เป็นเจ้าของเรือหางยาวรับโดยสารเองจึงสะดวก รับนักเรียนจากที่บ้านตัวเองได้หลายคน แล้วไปรับระหว่างทางจนเต็มลำ อาจจะเสียเวลาที่ต้องจอดแวะ แต่คนขับเรือหางยาวมีความชำนาญ ก็ทำให้การเดินทางไม่เสียเวลามาก

ตอนขากลับหลังจากเลิกเรียน เด็กนักเรียนจะเดินผ่านตลาดสดหนองแขมมาที่ท่าเรือ เพื่อลง เรือโดยสารหางยาวซึ่งจอดติดกันเป็นแพจำนวนเกือบ 10 ลำเพื่อรอรับนักเรียนกลับไปตลาดกระทุ่มแบน

พอนักเรียนนั่งเต็มลำ เรือโดยสารก็ออกวิ่งไป แล้วนักเรียนก็นั่งลำใหม่จนเต็ม เป็นแบบนี้ ถ้ายังไม่เต็มลำ เรือจะยังไม่ออก

ดังนั้น หลังเลิกเรียน นักเรียนที่มาจากกระทุ่มแบน จะมัวโอ้เอ้ ชักช้าเสียเวลา หรือแวะที่ไหนไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะตกเรือ ไม่มีเรือกลับบ้าน

 

เทศกาลงานประจำปี ของวัดหนองแขม มีการแข่งขันตะกร้อลอดห่วง ที่ล้อมวงเล่นตะกร้อ

ผมชอบดูนักตะกร้อ ใช้ท่าพับเพียบเตะลูกตะกร้อจนเข้าห่วงจะได้คะแนนสูงสุด แต่ดูได้นิดเดียวต้องรีบไปลงเรือกลับบ้าน

ระหว่างทางที่นั่งในเรือ นักเรียนพวกที่ขยันเรียนจะเอาหนังสือเรียนออกมาอ่านทบทวน หรือเตรียมตัวสอบ

ตัวผมเองมีบ้างที่หยิบหนังสือออกมาอ่าน แต่ไม่ทุกครั้ง เวลานั่งเรือเราต้องระวังด้วย เรือจะวิ่งแหวกไปในน้ำ ในขณะเดียวกันด้วยความเร็วของเรือมันทำให้เกิดน้ำบานกระจายออกจากใต้ท้องเรือตรงหัวเรือ

เรือหางยาวเมื่อวิ่งด้วยความเร็วจะทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ แม้เรือจะวิ่งผ่านไปแล้ว เรือลำเล็กๆ เจอคลื่นขนาดนี้อาจล่มได้

ถ้ามีลมที่พัดแรงๆ จะพัดเอาน้ำสาดซัดใส่ตัวคนโดยสารจนเสื้อผ้าเปียกได้

หรือช่วงเวลาที่ฝนตก ก็ต้องเตรียมเสื้อกันฝน ร่มกันฝน ไม่ให้เปียกทั้งน้ำฝนและน้ำจากคลื่น แต่ถ้าสภาพอากาศปกติ จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้

ทุกๆ เช้าที่ผมนั่งเรือโดยสารหางยาวไปโรงเรียนจะพบหลวงพ่อพายเรือบดออกบิณฑบาตไปตามลำคลอง หลวงพ่อพายเรือบดจนผมเรียนจบ

ปกติหลวงพ่อจะพายเรือจากวัดใหม่หนองพะอง ออกไปบิณฑบาตตามบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำ

สำหรับเรือบด เป็นเรือลำเล็กๆ เพรียวบาง หัวเรือท้ายเรือจะมีลักษณะแหลมเรียว หลวงพ่อนั่งพายเรือเพียงรูปเดียว โดยมีบาตรตั้งวางไว้กลางลำเรือ

เมื่อเรือโดยสารหางยาววิ่งผ่านเรือบดของพระที่ออกบิณฑบาต จะต้องรีบลดความเร็ว มิฉะนั้นคลื่นที่เกิดจากเรือโดยสารหางยาว จะทำให้เรือของพระล่มได้ทันที

ความสะอาดของสายน้ำในคลองที่ยังใส และเห็นปลาดำผุดดำว่ายเป็นบางครั้ง กลิ่นของน้ำที่สะอาดยังคุ้นอยู่ที่จมูก ไม่ใช่เป็นกลิ่นน้ำครำอย่างในปัจจุบันนี้ เวลานั้นยังนึกไม่ถึงว่า สภาพน้ำสะอาดในคลองจะหายไปแต่กลับมีน้ำสีดำไหลผ่านเข้ามาแทนที่

ไม่น่าเชื่อว่าด้วยระบบการจัดการที่แย่ๆ ของคนในยุคต่อๆ มา และมีการคอร์รัปชั่น จะทำให้สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติที่สดชื่นจะไม่มีอีกแล้ว เพราะเมื่อมีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ข้าราชการจะร่วมกันทุจริตขโมยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของชาวบ้านไป

แล้วแปลงมาเป็นความร่ำรวยของกลุ่มคนจำนวนน้อย