‘ช้างศึก’ ก้าวข้ามอาเซียนสู่เอเชีย กับความฝันสูงสุดไปฟุตบอลโลก

“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ประกาศศักดาครองบัลลังก์อาเซียนต้อนรับศักราชใหม่ ด้วยการสยบคู่รักคู่แค้นอย่าง “ดาวทอง” เวียดนาม 1-0 สกอร์รวม 3-2 คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเลคทริค คัพ 2022” ได้อย่างยิ่งใหญ่ประทับใจแฟนบอลทั้งประเทศ

นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ทีมชาติไทยสามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ โดยทั้ง 6 สมัยก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในปี 1996 ก่อนเว้น 1 สมัย และกลับมาคว้าแชมป์ 2 ครั้งติดคือ ปี 2000 และ 2002

จากนั้นเว้นถึง 12 ปี ก่อนกลับมาคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ในปี 2014 และป้องกันแชมป์ในปี 2016 จนมาคว้าแชมป์ในปี 2020 (เตะปี 2021)

และล่าสุดป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ในปีนี้

 

สําหรับทัพช้างศึกชุดนี้มีนักเตะที่หลงเหลือจากชุดคว้าแชมป์เมื่อปี 2020 อยู่เพียง 7 คนเท่านั้น คือ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน, “ตังค์” สารัช อยู่เย็น, “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร, “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา, “โดม” บดินทร์ ผาลา, “และห์” กฤษดา กาแมน และ “เตอร์” วีระเทพ ป้อมพันธุ์

อีกทั้งยังขาดขุมกำลังทั้ง “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, “เช็ค” สุภโชค สารชาติ, “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด, “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, “ต้น” นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ

แต่ทุกคนแสดงให้เห็นว่านักเตะไทยมีฝีเท้า และชั้นเชิงที่ทดแทนกันได้ จนประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

“มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ครองดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ร่วมกับเหวียน เทียน ลินห์ ยิงคนละ 6 ประตู

ขณะที่ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์

ส่วน มาโน่ โพลกิ้ง เป็นกุนซือทีมชาติไทยคนที่ 3 ที่พาทีมคว้าแชมป์ 2 สมัยต่อจาก ปีเตอร์ วิธ (2000, 2002) และ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (2014, 2016)

ถือเป็นการตอกย้ำว่า ฟุตบอลไทยยังคงเป็นเจ้าอาเซียนอย่างแท้จริง แม้ว่าในระดับเยาวชนเมื่อปีที่ผ่านจะไม่ประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาค แต่สำหรับทีมชุดใหญ่ไทยยังครองบัลลังก์อาเซียนเอาไว้อยู่

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่สำคัญของทีมชาติไทยคือ การก้าวข้ามอาเซียนไปสู่ระดับเอเชีย และระดับโลกต่อไปให้ได้

 

มาโน่ โพลกิ้ง ระบุว่า เราอยากจะก้าวไปให้ไกลว่านี้ แต่อันดับแรกเราต้องรักษาเบอร์ 1 ของย่านนี้ไว้ให้ได้ก่อน แน่นอนว่านี่เป็นรายการที่เรามีคุณภาพที่จะคว้าแชมป์ได้ แม้ว่าเราจะขาดผู้เล่นสำคัญบางคน แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็ทำได้ยอดเยี่ยมมา และยกเครดิตให้ลูกทีมทั้งหมด ด้วยสปิริตที่ยอดเยี่ยมทำให้เราคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง

“เราต้องการเป็นเบอร์ 1 อาเซียน และเป้าหมายต่อไปก็คือ เอเชี่ยน คัพ เราอยากพัฒนาทีมให้ต่อสู้กับญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ หรือซาอุดีอาระเบีย ได้ ซึ่งต่อไปไทยจะได้เข้าร่วมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เจอทีมที่แกร่งกว่า จะทำให้เราดีกว่าเดิมและจะได้ประโยชน์เยอะจากรายการนี้ แต่ก็ต้องคุยกับสโมสรก่อนเพราะโปรแกรมคาบเกี่ยวกัน”

ขณะที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย อัดฉีดแข้งรวม 20 ล้านบาท บวกกับเงินอัดฉีดจาก “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ 5 ล้านบาท และเงินรางวัลจากการคว้าแชมป์อีกกว่า 10 ล้านบาท ทำให้นักเตะไทยรับอัดฉีดรวมทั้งสิ้นกว่า 35 ล้านบาทเลยทีเดียว

มาดามแป้งระบุว่า นับเป็นวันที่ 41 แล้วตั้งแต่เก็บตัววันแรก ทั้งยังไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ขอบคุณสโมสรที่ปล่อยตัวนักเตะมาให้ ต้องยอมรับว่าค่อนข้างหนักใจ เพราะไม่ทราบว่าจะรักษาแชมป์ไว้ได้มั้ย ต้องขอบคุณนักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และแฟนบอลชาวไทย ที่คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอีกครั้ง และเป้าหมายหลังจากนี้อยากจะไปฟุตบอลโลก

“เป้าหมายของทุกคนอยากจะไปฟุตบอลโลก ก็ต้องคุยกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ว่ามีความคิด มีแผนอย่างไร ซึ่งสำหรับคนรักฟุตบอลอย่างแป้งก็อดไม่ได้ แป้งเคยพาฟุตบอลหญิงไปบอลโลกมาแล้ว ก็อยากพาฟุตบอลชายไปฟุตบอลโลกด้วย” ผู้จัดการทัพช้างศึกกล่าว

 

โปรแกรมของทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปีนี้มีทัวร์นาเมนต์สำคัญรออยู่ในช่วงปลายปีคือ การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง เริ่มฟาดแข้งในวันที่ 16, 21 พฤศจิกายน 2566

ซึ่งจะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่คัดเลือก 8.5 ทีมเอเชีย คว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2026 ที่ประเทศแคนาดา, เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา

ถือเป็นรายการสำคัญที่มีเป้าหมายที่จะต้องผ่านการคัดเลือก รอบสอง เข้าไปสู่รอบสาม เพื่อลุ้นตั๋วฟุตบอลโลก 2026

เพราะถ้าหากไม่สามารถผ่านรอบสองไปได้ แฟนบอลชาวไทยจะต้องรอถึง 6 ปีที่ไม่มีเกมระดับฟีฟ่าให้ได้เชียร์ทัพช้างศึก

และทำได้เพียงนั่งดูทีมเพื่อนบ้านย่านเอเชียเตะกันตาปริบๆ เท่านั้น

 

ทางด้านของ จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย และร่วมมอบรางวัลในการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเลคทริค คัพ 2022 พร้อมยืนยันว่า พร้อมยกระดับการแข่งขันระดับอาเซียนให้มีความยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกภายใต้การรับรองของฟีฟ่าด้วย

ประธานฟีฟ่าระบุอีกว่า ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 ในอีก 4 ปีข้างหน้า หวังว่าจะมีชาติจากอาเซียนอย่างน้อย 1 ชาติ ที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้ มันมีโอกาสแน่นอน เพราะว่าชาติอาเซียนมีความรักในฟุตบอล และมีพัฒนาการขึ้นอย่างมาก ขออวยพรให้ชาติจากอาเซียนได้ไปฟุตบอลโลก 2026

สถานการณ์ตอนนี้ของทีมชาติไทยถือว่าเราได้ก้าวข้ามผ่านอาเซียนไปได้อีกครั้ง แต่กำลังรอบททดสอบต่อไปในระดับเอเชีย ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ยากยิ่งกว่าเดิม แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการผนึกกำลังกันของทุกภาคส่วนในการยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทยให้สูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป้าหมายความฝันใหญ่ที่สุดกับการไปฟุตบอลโลกสักครั้งให้ได้

หวังว่าสิ่งที่ประธานฟีฟ่าอวยพรให้ชาติอาเซียนไปฟุตบอลโลก 2026 อย่างน้อย 1 ชาติ จะเป็นทีมชาติไทยของเรา! •

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]