จดหมาย

จดหมาย

 

• เศรษฐี 100 ล้านดอลลาร์ – จับตา “เวียดนาม”

รายงานเศรษฐีร้อยล้าน (The Centi-Millionaire Report) ที่เผยแพร่โดยเฮนลี่ย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส (Henley & Partners) บริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐาน (Investment Migration) ระดับโลก

เผยให้เห็นว่า ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 คนรวยมากคือคนที่มีเงิน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป

แต่ราคาสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนับตั้งแต่นั้น

ส่งผลให้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่าใครรวยมาก

สหรัฐอเมริกามีเศรษฐีร้อยล้านมากเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 38% (9,730 คน) ของเศรษฐีร้อยล้านทั่วโลก แม้คนกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนเพียง 4% ของประชากรโลกทั้งหมดก็ตาม

ส่วนตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่อย่างจีนและอินเดียตามมาในอันดับ 2 และ 3 โดยมีเศรษฐีร้อยล้าน 2,021 คน และ 1,132 คน ตามลำดับ

ซึ่งสูงกว่าในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ โดยสหราชอาณาจักรอยู่ในอันดับ 4 (968 คน) และเยอรมนีตามมาติดๆ ในอันดับ 5 (966 คน)

ส่วนประเทศที่เหลือที่ติด 10 อันดับแรกคือ สวิตเซอร์แลนด์ (808 คน), ญี่ปุ่น (765 คน), แคนาดา (541 คน), ออสเตรเลีย (463 คน) และรัสเซีย (435 คน)

ตามรายงานนั้น แม้จะไม่มีเส้นทางที่แน่นอนสู่การเป็นเศรษฐีร้อยล้าน

แต่พบว่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จได้กลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่คนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomers) ยังคงมีแนวโน้มที่จะครองแวดวงเศรษฐีร้อยล้าน แม้ว่าตอนนี้หลายคนจะขายหุ้นและขายธุรกิจของตนเองก็ตาม

มิชา เกลนนี (Misha Glenny) นักข่าวสายการเงิน นักเขียน และผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำรายงานเศรษฐีร้อยล้าน ระบุว่า ผู้ชายผิวขาวอายุเกิน 55 ปีจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นประชากรส่วนใหญ่ของกลุ่มเศรษฐีร้อยล้าน

แต่สถิติประชากรนี้กำลังเปลี่ยนไป

การเติบโตของเศรษฐีร้อยล้านในเอเชียจะสูงเป็นสองเท่าของยุโรปและสหรัฐอเมริกาในทศวรรษหน้า ด้วยอัตราการเติบโตราว 57% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีนและอินเดีย เศรษฐีร้อยล้านในประเทศเหล่านี้จะแซงหน้ายุโรปและอเมริกา

ประเทศที่คาดว่าจะมีเศรษฐีร้อยล้านเติบโตเร็วที่สุดในทศวรรษหน้าคือเวียดนาม ด้วยอัตราการเติบโตที่น่าทึ่งถึง 95% สำหรับศูนย์กลางการผลิตเกิดใหม่ในเอเชียแห่งนี้

ตามมาด้วยอินเดียที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 80%

พีอาร์นิวส์ไวร์

ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์

บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด

 

อ่านอีเมลฉบับนี้

แบบ “รู้ไว้ใช่ว่า” อย่างที่ บ.ก. ชอบบอกแล้ว

อยากให้ขีดเส้นใต้

ข้อมูลที่ระบุว่า

ประเทศที่คาดว่าจะมีเศรษฐีร้อยล้านเติบโตเร็วที่สุดในทศวรรษหน้า

คือ เวียดนาม

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนเดียวกับเรา

กำลังมาแรง

และเริ่มแซงไทยในหลายเรื่อง

…ทำไม?!?

 

• ภาพเก่าเล่าเรื่อง – เหลื่อมล้ำ

หมานอก (ราคาเป็นแสนเป็นล้าน) ถามหมาวัด

เฮ้ แวร์อาร์ยูโกอิ้ง ไม่ไปเดินเล่นด้วยกันเรอะเพื่อน

หมาวัด (ไม่มีราคาค่าตัวสักบาท) ตอบ

รีเทิร์นนิ่งโฮมโว้ย แทงกิ้ว แอนด์ ซอรี่

หมาวัดอย่างข้าไม่มีเวลาให้พี่เลี้ยงเดินจูงโชว์เล่นแบบพวกเอ็งหรอก

ต้องทำมาหากิน บ่ทำ ก็บ่มีกิน ยูโนว์ บักสีดา

ดารานำแสดง บอยเจ้าเก่า (หมาจากวัดห้วยขวางไทยแลนด์)

เสือ อัลเซเชียน สายเลือดแชมป์ จากอเมริกา

ปิงปอง หมาจากเมืองผู้ดีอังกฤษ

ตากล้อง อีตาปิยพงศ์ (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า

ปิยพงศ์ (เมืองหละปูน)

ป.ล. เจอหมาวัดเข้าเป็นงงกันทั้งคนจูง ทั้งหมา เลยน่ะ (ฮ่า)

ป.ล. ซ้อน ป.ล. เห็นภาพนี้แล้วแบ่งใจให้กับหมาวัด หมาจรจัดไม่มีเจ้าของกันมั่งนะฮับ

พาไปฉีดวัคซีนโรคกลัวน้ำ ให้กับหมาวัด แมววัด และเหล่าแมวจรจัดด้วย

ทุกชีวิตมีค่าเท่ากันหมดนะพระเดชพระคุณ

พูดเรื่องเศรษฐี 100 ล้านเหรียญดอลลาร์ ในจดหมายฉบับแรกแล้ว

เบรกอารมณ์ ด้วยวาสนาน้อย-น้อย ของหมาวัด

ที่ปิยพงศ์ (เมืองหละปูน) หยิบภาพในอดีตมานำเสนอ

ที่แม้จะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

แต่ก็คงพอสะท้อนความเหลื่อมล้ำ (ฮา) ได้บ้างกระมัง

 

• เปรียบเทียบ เผด็จการ-ประชาธิปไตย

ผมขอเปรียบเทียบเผด็จการ กับ ประชาธิปไตย ดังนี้

เผด็จการแข็งเหมือนเหล็ก แต่ตัดขาด

ผู้อยู่ใต้ระบอบเผด็จการ มักไม่มีความสุข มีสุขเพียงกลุ่มเล็ก

ประชาธิปไตยอ่อนโยนเหมือนน้ำ

อยู่ได้ทุกที่ อยู่ที่ไหนก็ร่มเย็น คนส่วนมากมีความสุข

เผด็จการแข็งเหมือนเหล็ก แต่ตัดขาด

ประชาธิปไตยอ่อนโยนเหมือนน้ำ ตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด

โลกนี้จึงมีประชาธิปไตยมากกว่าเผด็จการ

มนุษย์ 3 ประเภท คือ

1) เอาความดีของผู้อื่นมาเป็นความดีของตน

2) ทำดีด้วยตนเอง แต่อวดดีบ่อยๆ

3) ดีที่สุด มุ่งทำความดีโดยไม่บอกให้ใครรู้ ใครแนะนำอะไรดีก็ทำ ดีที่สุด

ตะวันรอน

อ.ลอง จ.แพร่

 

โลกนี้จึงมีประชาธิปไตยมากกว่าเผด็จการ

เห็นด้วย

แต่บางประเทศ

ไฉนวนเวียนอยู่กับเผด็จการ

ทั้งโดยตรงและโดยแอบแฝง

ตะวันรอนรวมถึงหลายๆ คน

มีคำตอบในใจแล้วใช่ไหม? •